"ตระกูลศรีเฟื่องฟุ้ง" เปิดกรุที่ดินเก่าพัทยา ผุดบ้านเดี่ยว"ไฮเอนด์"มูลค่าโครงการกว่า 1,000 ล้านบาท เตรียมแตกบริษัทใหม่ลุยธุรกิจอสังหาฯ แยกขาดจากธุรกิจโรงแรม รุกเปิดเฟส 2 เจาะกลุ่มลูกค้าระดับกลาง-บน 5-10 ล้านบาท ดึงไนท์แฟรงค์ฯ บริหารการขายโครงการหวังอาศัยฐานลูกค้า- แบรนด์ ไม่หวั่นมาตรการรัฐบาลฉุดความเชื่อมั่นของต่างชาติ
นายเจตน์ โศภิษฐ์พงศธร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฮอร์สชู พอยท์ จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบัน บริษัทมีที่ดินในพื้นอำเภอบางละมุง จำนวน 3,000ไร่ ซึ่งสะสมไว้ตั้งแต่ช่วง 20 ปีที่ผ่านมา โดยในช่วง 10 ปีก่อนหน้าที่ผ่านมา ได้นำมาพัฒนาเป็นอุทยานสามก๊ก ส่วนหนึ่ง และในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาได้เริ่มนำที่ดินมาพัฒนาเป็นโรงแรม ฮอร์สชู พอยท์ ซึ่งเมื่อนับรวมพื้นที่ในการพัฒนาโรงแรมและอุทยานดังกล่าวแล้วที่ดินสะสมที่มีอยู่ถูกใช้ไปทั้งสิ้น300 ไร่ หรือประมาณ 10% ของที่ดินที่มีอยู่
ล่าสุดบริษัทได้เข้ามาลงทุนพัฒนาโครงการบ้านจัดสรรภายใต้ชื่อโครงการ เรสซิเด้นท์ แอท ฮอร์สชู พอยท์ โดยในเฟสแรกใช้ที่ดินในการพัฒนาโครงการทั้งสิ้น 70 ไร่ พัฒนาเป็นโครงการบ้านเดี่ยวจำนวน 59 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 17-32 ล้านบาท มูลค่าโครงการรวม 1,000 ล้านบาท เน้นกลุ่มเป้าหมายระดับไฮเอ็นด์ ใช้งบลงทุนของบริษัททั้งหมด โดยปัจจุบันบริษัทมีทุนจดทะเบียนทั้งสิ้น 200 ล้านบาท และภายในปีนี้ บริษัทมีแผนจะแยกบริษัทออกมาพัฒนาโครงการอสังหาฯ โดยเฉพาะไม่เกี่ยวกับธุรกิจโรงแรม เนื่องจากต้องการให้เกิดความคล่องตัวในเรื่องการบริหารงาน และด้านบัญชี
นอกจากนี้ หลังจากที่มีการแยกบริษัทมาบริหารในส่วนของธุรกิจอสังหาโดยเฉพาะแล้ว ในช่วงระยะ 2-3 เดือนจากนี้จะมีการเปิดตัวเฟสต่อเนื่องในโครงการ โดยจะใช้ชื่อโครงการว่า เดอะวิลเลจ แอท ฮอร์สชู พอยท์ ซึ่งจะใช้พื้นที่ในการพัฒนาโครงการประมาณ 70 ไร่ โดยบ้านในเฟสที่ 2 นี้จะมีระดับราคาเริ่มต้นที่ 5-10 ล้านบาท เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายระดับกลาง-บน ส่วนมูลค่าโครงการยังไม่สามารถเปิดเผยได้ในขณะนี้
"เราเน้นกลุ่มเป้าหมายที่เป็นคนต่างชาติประมาณ 80% ที่เหลือเป็นคนไทยที่มีธุรกิจในภาคตะวันออก 20% โดยได้มอบหมายให้บริษัท ไนท์แฟรงค์ ชาร์ทเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้บริหารงานขายและทำการตลาด เนื่องจากเป็นบริษัทระดับอินเตอร์เนชั่นแนล มีฐานลูกค้าในต่างประเทศเป็นจำนวนมาก อีกทั้งยังเป็นแบรนด์ที่แข็งแกร่งที่ได้รับความเชื่อถือจากลูกค้า ซึ่งเมื่อวัน 28 ม.ค.50 ที่ผ่านมา ได้มีลูกค้าให้ความสนใจแล้ว 3 ราย เป็นต่างชาติ 2 รายและคนไทย 1 ราย"นายเจตน์ กล่าว
สำหรับโครงการ "เดอะ เรสซิเด้นท์ แอท ฮอร์สชู พอยท์" พัทยา เป็นโครงการบ้านเดี่ยว สไตล์ไทยประยุกต์ มีให้เลือก 3 รูปแบบ ได้แก่ แบบ Legacy จำนวน 10 ยูนิต มี 5 ห้องนอน ขนาด 372-568 ตารางวา ราคา 29-33 ล้านบาท ,แบบ Eminence จำนวน 24 ยูนิต มี 4 ห้องนอน ขนาด 236-315 ตารางวา ราคา 21-22 ล้านบาท และแบบ Harmony จำนวน 25 ยูนิต มี 3 ห้องนอน ขนาด 190-273 ตารางวา ราคา 16-17 ล้านบาท
โดยจุดขายโครงการดังกล่าวจะมีความได้เปรียบตรงที่อยู่ในบริเวณเดียวกับโรงแรม ฮอร์สชู พอยท์ ซึ่งลูกค้าสามารถใช้ระบบสาธารณูปโภคและความสะดวกสบายต่างๆร่วมกันได้ อีกทั้งในย่านนี้ยังไม่มีผู้ประกอบการรายใดเข้ามาดำเนินการพัฒนาในบ้านในระดับเดียวกัน ส่วนใหญ่จะมุ่งเน้นโครงการที่อยู่ติดชายทะเล และบ้านขนาดเล็ก ในขณะที่โครงการจะเน้นบ้านสไตล์ไทย หลังใหญ่ เสมือนบ้านหลังที่ 2 ของครอบครัว
นายเจตน์ กล่าวต่อไปว่า ในกรณีที่ภาครัฐได้มีการแก้ไข พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจคนต่างด้าวและมาตรการสำรองเงินทุน 30% นั้นได้ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัทเช่นกัน แต่ก็ไม่สามารถหยุดดำเนินการ คงต้องเดินหน้าต่อไป ซึ่งคงมอบในเรื่องการทำตลาดให้เป็นหน้าที่ของไนท์แฟรงค์ฯ โดยในเร็วๆนี้ก็มีแผนจะนำโครงการไปโรดโชว์ในต่างประเทศอีกด้วย อาทิ อังกฤษ เยอรมนี และฮ่องกง เป็นต้น
โดยหนึ่งในแผนการตลาดที่บริษัทกำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้คือการร่วมมือกับตระกูลพรประภา ซึ่งมีแผนจะเปิดให้บริการสนามกอล์ฟ "สยามคันทรี่คลับ"จำนวน 18 หลุม ที่ขณะนี้อยู่ในระหว่างการปรับปรุง คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ประมาณไตรมาสแรกของปีนี้ หลังจากนั้นก็เปิดให้บริการเพิ่มอีก 27 หลุม รวมทั้งหมด 45 หลุม ซึ่งบริษัทอาจจมีโปรโมชั่นพิเศษสำหรับลูกค้าที่ซื้อบ้านในโครงการ ด้วยการมอบสิทธิพิเศษฟรีสมาชิกสนามกอล์ฟ "สยามคันทรี่คลับ" ซึ่งรายละเอียดต่างๆยังไม่สามารถเปิดเผยได้ในขณะนี้ นอกจากนี้ลูกค้ายังสามารถใช้บริการสนามโปโล ของกลุ่มบีกริม และคิงพาวเวอร์ ได้อีกด้วย และในอนาคตจะมีกิจกรรมทางการตลาดร่วมกับพันธมิตรดังกล่าวเพื่อแลกเปลี่ยนลูกค้า อีกทั้งเป็นการเพิ่มช่องทางขยายฐานลูกค้าของบริษัทได้อีกด้วย
นายเจตน์ โศภิษฐ์พงศธร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฮอร์สชู พอยท์ จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบัน บริษัทมีที่ดินในพื้นอำเภอบางละมุง จำนวน 3,000ไร่ ซึ่งสะสมไว้ตั้งแต่ช่วง 20 ปีที่ผ่านมา โดยในช่วง 10 ปีก่อนหน้าที่ผ่านมา ได้นำมาพัฒนาเป็นอุทยานสามก๊ก ส่วนหนึ่ง และในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาได้เริ่มนำที่ดินมาพัฒนาเป็นโรงแรม ฮอร์สชู พอยท์ ซึ่งเมื่อนับรวมพื้นที่ในการพัฒนาโรงแรมและอุทยานดังกล่าวแล้วที่ดินสะสมที่มีอยู่ถูกใช้ไปทั้งสิ้น300 ไร่ หรือประมาณ 10% ของที่ดินที่มีอยู่
ล่าสุดบริษัทได้เข้ามาลงทุนพัฒนาโครงการบ้านจัดสรรภายใต้ชื่อโครงการ เรสซิเด้นท์ แอท ฮอร์สชู พอยท์ โดยในเฟสแรกใช้ที่ดินในการพัฒนาโครงการทั้งสิ้น 70 ไร่ พัฒนาเป็นโครงการบ้านเดี่ยวจำนวน 59 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 17-32 ล้านบาท มูลค่าโครงการรวม 1,000 ล้านบาท เน้นกลุ่มเป้าหมายระดับไฮเอ็นด์ ใช้งบลงทุนของบริษัททั้งหมด โดยปัจจุบันบริษัทมีทุนจดทะเบียนทั้งสิ้น 200 ล้านบาท และภายในปีนี้ บริษัทมีแผนจะแยกบริษัทออกมาพัฒนาโครงการอสังหาฯ โดยเฉพาะไม่เกี่ยวกับธุรกิจโรงแรม เนื่องจากต้องการให้เกิดความคล่องตัวในเรื่องการบริหารงาน และด้านบัญชี
นอกจากนี้ หลังจากที่มีการแยกบริษัทมาบริหารในส่วนของธุรกิจอสังหาโดยเฉพาะแล้ว ในช่วงระยะ 2-3 เดือนจากนี้จะมีการเปิดตัวเฟสต่อเนื่องในโครงการ โดยจะใช้ชื่อโครงการว่า เดอะวิลเลจ แอท ฮอร์สชู พอยท์ ซึ่งจะใช้พื้นที่ในการพัฒนาโครงการประมาณ 70 ไร่ โดยบ้านในเฟสที่ 2 นี้จะมีระดับราคาเริ่มต้นที่ 5-10 ล้านบาท เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายระดับกลาง-บน ส่วนมูลค่าโครงการยังไม่สามารถเปิดเผยได้ในขณะนี้
"เราเน้นกลุ่มเป้าหมายที่เป็นคนต่างชาติประมาณ 80% ที่เหลือเป็นคนไทยที่มีธุรกิจในภาคตะวันออก 20% โดยได้มอบหมายให้บริษัท ไนท์แฟรงค์ ชาร์ทเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้บริหารงานขายและทำการตลาด เนื่องจากเป็นบริษัทระดับอินเตอร์เนชั่นแนล มีฐานลูกค้าในต่างประเทศเป็นจำนวนมาก อีกทั้งยังเป็นแบรนด์ที่แข็งแกร่งที่ได้รับความเชื่อถือจากลูกค้า ซึ่งเมื่อวัน 28 ม.ค.50 ที่ผ่านมา ได้มีลูกค้าให้ความสนใจแล้ว 3 ราย เป็นต่างชาติ 2 รายและคนไทย 1 ราย"นายเจตน์ กล่าว
สำหรับโครงการ "เดอะ เรสซิเด้นท์ แอท ฮอร์สชู พอยท์" พัทยา เป็นโครงการบ้านเดี่ยว สไตล์ไทยประยุกต์ มีให้เลือก 3 รูปแบบ ได้แก่ แบบ Legacy จำนวน 10 ยูนิต มี 5 ห้องนอน ขนาด 372-568 ตารางวา ราคา 29-33 ล้านบาท ,แบบ Eminence จำนวน 24 ยูนิต มี 4 ห้องนอน ขนาด 236-315 ตารางวา ราคา 21-22 ล้านบาท และแบบ Harmony จำนวน 25 ยูนิต มี 3 ห้องนอน ขนาด 190-273 ตารางวา ราคา 16-17 ล้านบาท
โดยจุดขายโครงการดังกล่าวจะมีความได้เปรียบตรงที่อยู่ในบริเวณเดียวกับโรงแรม ฮอร์สชู พอยท์ ซึ่งลูกค้าสามารถใช้ระบบสาธารณูปโภคและความสะดวกสบายต่างๆร่วมกันได้ อีกทั้งในย่านนี้ยังไม่มีผู้ประกอบการรายใดเข้ามาดำเนินการพัฒนาในบ้านในระดับเดียวกัน ส่วนใหญ่จะมุ่งเน้นโครงการที่อยู่ติดชายทะเล และบ้านขนาดเล็ก ในขณะที่โครงการจะเน้นบ้านสไตล์ไทย หลังใหญ่ เสมือนบ้านหลังที่ 2 ของครอบครัว
นายเจตน์ กล่าวต่อไปว่า ในกรณีที่ภาครัฐได้มีการแก้ไข พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจคนต่างด้าวและมาตรการสำรองเงินทุน 30% นั้นได้ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัทเช่นกัน แต่ก็ไม่สามารถหยุดดำเนินการ คงต้องเดินหน้าต่อไป ซึ่งคงมอบในเรื่องการทำตลาดให้เป็นหน้าที่ของไนท์แฟรงค์ฯ โดยในเร็วๆนี้ก็มีแผนจะนำโครงการไปโรดโชว์ในต่างประเทศอีกด้วย อาทิ อังกฤษ เยอรมนี และฮ่องกง เป็นต้น
โดยหนึ่งในแผนการตลาดที่บริษัทกำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้คือการร่วมมือกับตระกูลพรประภา ซึ่งมีแผนจะเปิดให้บริการสนามกอล์ฟ "สยามคันทรี่คลับ"จำนวน 18 หลุม ที่ขณะนี้อยู่ในระหว่างการปรับปรุง คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ประมาณไตรมาสแรกของปีนี้ หลังจากนั้นก็เปิดให้บริการเพิ่มอีก 27 หลุม รวมทั้งหมด 45 หลุม ซึ่งบริษัทอาจจมีโปรโมชั่นพิเศษสำหรับลูกค้าที่ซื้อบ้านในโครงการ ด้วยการมอบสิทธิพิเศษฟรีสมาชิกสนามกอล์ฟ "สยามคันทรี่คลับ" ซึ่งรายละเอียดต่างๆยังไม่สามารถเปิดเผยได้ในขณะนี้ นอกจากนี้ลูกค้ายังสามารถใช้บริการสนามโปโล ของกลุ่มบีกริม และคิงพาวเวอร์ ได้อีกด้วย และในอนาคตจะมีกิจกรรมทางการตลาดร่วมกับพันธมิตรดังกล่าวเพื่อแลกเปลี่ยนลูกค้า อีกทั้งเป็นการเพิ่มช่องทางขยายฐานลูกค้าของบริษัทได้อีกด้วย