รสา พร็อพเพอร์ตี้ คาดเข้าจดทะเบียนในตลท. ภายในไตรมาส1/50 หลังก.ล.ต.อนุมัติไฟลิ่งขาย 20 ล้านหุ้น “ ผู้บริหาร”เผย ขณะนี้รอภาวะตลาดมีเสถียรภาพ ระบุอาจผันเงินระดมทุนจากซื้อที่ดินเพิ่มเป็นการชำระหนี้ลดภาระดอกเบี้ย คาดรายได้ปี 50 โตกว่าปี 49 ที่เพิ่มขึ้น 50% จากปี 48 ที่มีรายได้ 431 ล้านบาท
นายเลิศมงคล วราเวณุชย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท รสา พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า ขณะนี้สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)ได้อนุมัติแบบแสดงรายการข้อมูลของบริษัท (ไฟลิ่ง)ให้บริษัทสามารถเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO)จำนวน 20 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์)หุ้นละ 5 บาท ทำให้ภายหลังการเสนอขายหุ้นครั้งนี้จะมีทุนจดทะเบียนชำระแล้วเป็น 400 ล้านบาท โดยมีบริษัท ทรีนีตี้ แอ๊ดไวซอรี่ 2001 จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน
สำหรับขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างรอภาวะตลาดให้มีเสถียรภาพมากกว่านี้ โดยต้องการให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ถึง 670 จุดก่อน จากขณะนี้ที่ภาวะตลาดมีความผันผวนแกว่งตัวที่ระดับ 650-660 จุด แนะต้องการให้มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 15,000 –16,000 ล้านบาทต่อวัน จากขณะนี้ที่อยู่ประมาณกว่า 10,000 ล้านบาท จึงจะเข้าจดทะเบียน ซึ่งหากไม่มีปัจจัยลบเข้ามากระทบทำให้ภาวะตลาดมีความผัวผวนซึ่งคาดว่าภายในสิ้นเดือนนี้จะทราบกำหนดเวลาการเสนอขายหุ้นที่ชัดเจน และจะเข้าซื้อขายได้ภายในไตรมาส1/50
“บริษัทต้องการให้ภาวะตลาดดีขึ้นกว่านี้ก่อนเพราะหากเข้าจดทะเบียนในช่วงที่ภาวะตลาดไม่ดีดัชนีฯมีการปรับตัวลดลงมา ก็จะส่งผลให้ราคาหุ้นของบริษัทมีการปรับตัวลดลงเช่นกัน โดยบริษัทไม่ต้องการให้นักลงทุนที่เข้ามาลงทุนในหุ้นของบริษัทได้รับผลขาดทุน ซึ่งบริษัทไม่รีบร้อนที่จะต้องใช้เงินไปขยายกิจการ จากที่บริษัทมีกระแสเงินสดเพียงพอในการขยายธุรกิจ ”นายเลิศมงคล กล่าว
ทั้งนี้บริษัทต้องการที่จะมีความมั่นใจก่อนว่าจะไม่มีเหตุการณ์วางระเบิดและธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)จะไม่มีการออกมาตรการอะไรออกมากอีกที่จะมีผลกระทบต่อภาวะการลงทุน โดยปัจจัยที่บริษัทมีความเป็นห่วงในเรื่องปัจจัยทางการเมือง เศรษฐกิจ และจากที่อัตราดอกเบี้ยและราคาน้ำมันมีการปรับตัวลดลง ก็จะเป็นปัจจัยที่จะเป็นผลดีต่อบริษัท ซึ่งบริษัทต้องการเป็นบริษัทแรกที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯในปีนี้
นายเลิศมงคล กล่าวว่า สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ บริษัทจะนำไปซื้อที่ดินเพิ่มเพื่อจะมาพัฒนาโครงการใหม่ และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงาน แต่หากปัจจัยการเมืองมีความยืดเยื้อ เช่น การร่างรัฐธรรมนูญ การเลือกตั้ง ล่าช้าซึ่งจะมีผลทำให้ประชาชนเกิดความไม่แน่ จับจ่ายใช้สอย บริษัทก็จะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ไปชำระหนี้จากสถาบันการเงินในส่วนหนี้ที่มีอัตราดอกเบี้ยสูง โดยปัจจัยบริษัทมีหนี้กับสถาบันการเงินจำนวน 200 ล้านบาท
สำหรับปีนี้มีแผนที่จะเปิดโครงการใหม่ 2 โครงการ ซึ่งเป็นคอนโดมิเนียม เนื่องจาก ความต้อการสูง โดยโครงการแรกโดยขณะนี้อยู่ก่อสร้างจากที่บริษัทได้มีการซื้อโครงการกรุงไทย กรีนเนอรี่โฮม และอีกหนึ่งโครงการอยู่ระหว่างการเจรจาซื้อที่ดินเพิ่ม
ทั้งนี้บริษัทคาดว่าจะมีรายได้ปี 2549 เพิ่มขึ้น 50% จากปี2548 ที่มีรายได้ 431.34 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 74.24 ล้านบาท ซึ่งรายได้ส่วนใหญ่ปีนี้จะมาจากโครงการคอนโดจากที่มมีการโอนจำนวนมากในช่วงปลายปีที่ผ่านมา โดย 9 เดือนแรกบริษัทมีรายได้จำนวน 482.89 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 31.62 ล้านบาท โดยบริษัทคาดว่ารายได้รวมปี 2550 น่าจะเติบโตกว่าปี 2549 แน่นอน
นายเลิศมงคล วราเวณุชย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท รสา พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า ขณะนี้สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)ได้อนุมัติแบบแสดงรายการข้อมูลของบริษัท (ไฟลิ่ง)ให้บริษัทสามารถเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO)จำนวน 20 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์)หุ้นละ 5 บาท ทำให้ภายหลังการเสนอขายหุ้นครั้งนี้จะมีทุนจดทะเบียนชำระแล้วเป็น 400 ล้านบาท โดยมีบริษัท ทรีนีตี้ แอ๊ดไวซอรี่ 2001 จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน
สำหรับขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างรอภาวะตลาดให้มีเสถียรภาพมากกว่านี้ โดยต้องการให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ถึง 670 จุดก่อน จากขณะนี้ที่ภาวะตลาดมีความผันผวนแกว่งตัวที่ระดับ 650-660 จุด แนะต้องการให้มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 15,000 –16,000 ล้านบาทต่อวัน จากขณะนี้ที่อยู่ประมาณกว่า 10,000 ล้านบาท จึงจะเข้าจดทะเบียน ซึ่งหากไม่มีปัจจัยลบเข้ามากระทบทำให้ภาวะตลาดมีความผัวผวนซึ่งคาดว่าภายในสิ้นเดือนนี้จะทราบกำหนดเวลาการเสนอขายหุ้นที่ชัดเจน และจะเข้าซื้อขายได้ภายในไตรมาส1/50
“บริษัทต้องการให้ภาวะตลาดดีขึ้นกว่านี้ก่อนเพราะหากเข้าจดทะเบียนในช่วงที่ภาวะตลาดไม่ดีดัชนีฯมีการปรับตัวลดลงมา ก็จะส่งผลให้ราคาหุ้นของบริษัทมีการปรับตัวลดลงเช่นกัน โดยบริษัทไม่ต้องการให้นักลงทุนที่เข้ามาลงทุนในหุ้นของบริษัทได้รับผลขาดทุน ซึ่งบริษัทไม่รีบร้อนที่จะต้องใช้เงินไปขยายกิจการ จากที่บริษัทมีกระแสเงินสดเพียงพอในการขยายธุรกิจ ”นายเลิศมงคล กล่าว
ทั้งนี้บริษัทต้องการที่จะมีความมั่นใจก่อนว่าจะไม่มีเหตุการณ์วางระเบิดและธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)จะไม่มีการออกมาตรการอะไรออกมากอีกที่จะมีผลกระทบต่อภาวะการลงทุน โดยปัจจัยที่บริษัทมีความเป็นห่วงในเรื่องปัจจัยทางการเมือง เศรษฐกิจ และจากที่อัตราดอกเบี้ยและราคาน้ำมันมีการปรับตัวลดลง ก็จะเป็นปัจจัยที่จะเป็นผลดีต่อบริษัท ซึ่งบริษัทต้องการเป็นบริษัทแรกที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯในปีนี้
นายเลิศมงคล กล่าวว่า สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ บริษัทจะนำไปซื้อที่ดินเพิ่มเพื่อจะมาพัฒนาโครงการใหม่ และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงาน แต่หากปัจจัยการเมืองมีความยืดเยื้อ เช่น การร่างรัฐธรรมนูญ การเลือกตั้ง ล่าช้าซึ่งจะมีผลทำให้ประชาชนเกิดความไม่แน่ จับจ่ายใช้สอย บริษัทก็จะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ไปชำระหนี้จากสถาบันการเงินในส่วนหนี้ที่มีอัตราดอกเบี้ยสูง โดยปัจจัยบริษัทมีหนี้กับสถาบันการเงินจำนวน 200 ล้านบาท
สำหรับปีนี้มีแผนที่จะเปิดโครงการใหม่ 2 โครงการ ซึ่งเป็นคอนโดมิเนียม เนื่องจาก ความต้อการสูง โดยโครงการแรกโดยขณะนี้อยู่ก่อสร้างจากที่บริษัทได้มีการซื้อโครงการกรุงไทย กรีนเนอรี่โฮม และอีกหนึ่งโครงการอยู่ระหว่างการเจรจาซื้อที่ดินเพิ่ม
ทั้งนี้บริษัทคาดว่าจะมีรายได้ปี 2549 เพิ่มขึ้น 50% จากปี2548 ที่มีรายได้ 431.34 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 74.24 ล้านบาท ซึ่งรายได้ส่วนใหญ่ปีนี้จะมาจากโครงการคอนโดจากที่มมีการโอนจำนวนมากในช่วงปลายปีที่ผ่านมา โดย 9 เดือนแรกบริษัทมีรายได้จำนวน 482.89 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 31.62 ล้านบาท โดยบริษัทคาดว่ารายได้รวมปี 2550 น่าจะเติบโตกว่าปี 2549 แน่นอน