ทัชวู๊ด นำร่องโครงการ Greenfield และโอกาสการลงทุนใหม่ ให้กับคนไทย ปลูกป่าไม้กฤษณา เตรียมส่งออกขายทั่วโลก บีโอไอไฟเขียวแปลงแรก 2 พันไร่ ที่ปราจีนบุรี
นายพัชรพล สุวิทยานนท์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ทัชวู๊ด ฟอร์เรสตรี้ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทได้นำร่องโครงการ Greenfield มายังประเทศไทย เป็นประเทศแรก ภายใต้ชื่อ ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ ทัชวู๊ด คอมพานี ลิมิเต็ด ฮ่องกง ที่เติบโตจากรากฐานความมั่นคงด้านประสบการณ์ และด้านการเงินที่สั่งสมมานานนับ 10 ปี ในธุรกิจปลูกป่าจัดการ โดยได้ทำการปลูกไม้กฤษณา โครงการแรก ที่อำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี บนพื้นรวม 2,000 ไร่ กระจายออกเป็น 3 แห่ง คือ แปลงปลูกท่าอุดม เขาปอ และคลองระกำ นอกจากนี้ ยังมี Agarwood Research Project แปลงตัวอย่างไม้กฤษณา ในโครงการวิจัย – ทดลองเทคนิคพิเศษ เฉพาะทัชวู๊ด ร่วมกับสถาบันวิจัยแห่งมหาวิทยาลัยมิเนโซต้า ประเทศสหรัฐอเมริกา
ในประเทศไทย ได้รับการส่งเสริมจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน – ประเทศไทย (BOI) ในประเภท 1.24 ทำการปลูกป่า ต้นกฤษณา (Agarwood) และ ไม้จันท์หอม (Sandle wood) ให้มีสิทธิประโยชน์ด้านต่าง ตามเงื่อนไขของภาครัฐ และเน้นการส่งออก
นายพัชรพล กล่าวว่า สำหรับประโยชน์จากไม้กฤษณา เป็นที่ต้องการอย่างกว้างขวาง ตลาดผู้บริโภคไม้ และผลิตภัณฑ์จากไม้กฤษณา ซึ่งมีคุณค่าและประโยชน์มหาศาลทั้งในด้านคุณค่าทางเศรษฐกิจ และการแพทย์แผนไทย ใช้ได้ทุกส่วน ตั้งแต่ ลำต้น ราก เปลือก ใบ เมล็ด และกิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งน้ำมันกฤษณา ที่ได้จากการกลั่นจากเนื้อไม้ที่มีสารกฤษณาเกิดขึ้นจะเป็นน้ำมันที่มีราคาแพงที่สุดในโลกของศตวรรษนี้ โดยตลาดผู้บริโภคไม้กฤษณา ได้แก่
กลุ่มอาหรับ จะใช้น้ำมันกฤษณา ในการป้องกันไรแดงทะเลทราย และกลิ่นกำยานจากการเผาไม้หอม เพื่อต้อนรับแขก กลุ่มชาวจีน ทั้งจีนแผ่นดินใหญ่ และไต้หวัน ซึ่งมีพลเมืองกว่าพันล้านคน ใช้ไม้ในการผลิตยา ทั้งแผนโบราณ และแผนปัจจุบัน และใช้ผลิตธูป กลุ่มยุโรปและตะวันตก เช่น ฝรั่งเศส อิตาลี เยอรมนี และสหรัฐอเมริกา ฯลฯ ใช้เป็นส่วนผสมน้ำหอมราคาแพง กลุ่มญี่ปุ่น ใช้เป็นตัวยาในการรักษามะเร็งลำไส้ กระเพาะอาหาร และใช้ในธุรกิจสปา และกลุ่มอินเดีย ผู้นับถือศาสนา พราหมณ์ ฮินดู จะใช้ไม้กฤษณา ในพิธีกรรมทางศาสนา และเพื่อสร้างอารมณ์สุนทรีย์
นายพัชรพล สุวิทยานนท์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ทัชวู๊ด ฟอร์เรสตรี้ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทได้นำร่องโครงการ Greenfield มายังประเทศไทย เป็นประเทศแรก ภายใต้ชื่อ ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ ทัชวู๊ด คอมพานี ลิมิเต็ด ฮ่องกง ที่เติบโตจากรากฐานความมั่นคงด้านประสบการณ์ และด้านการเงินที่สั่งสมมานานนับ 10 ปี ในธุรกิจปลูกป่าจัดการ โดยได้ทำการปลูกไม้กฤษณา โครงการแรก ที่อำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี บนพื้นรวม 2,000 ไร่ กระจายออกเป็น 3 แห่ง คือ แปลงปลูกท่าอุดม เขาปอ และคลองระกำ นอกจากนี้ ยังมี Agarwood Research Project แปลงตัวอย่างไม้กฤษณา ในโครงการวิจัย – ทดลองเทคนิคพิเศษ เฉพาะทัชวู๊ด ร่วมกับสถาบันวิจัยแห่งมหาวิทยาลัยมิเนโซต้า ประเทศสหรัฐอเมริกา
ในประเทศไทย ได้รับการส่งเสริมจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน – ประเทศไทย (BOI) ในประเภท 1.24 ทำการปลูกป่า ต้นกฤษณา (Agarwood) และ ไม้จันท์หอม (Sandle wood) ให้มีสิทธิประโยชน์ด้านต่าง ตามเงื่อนไขของภาครัฐ และเน้นการส่งออก
นายพัชรพล กล่าวว่า สำหรับประโยชน์จากไม้กฤษณา เป็นที่ต้องการอย่างกว้างขวาง ตลาดผู้บริโภคไม้ และผลิตภัณฑ์จากไม้กฤษณา ซึ่งมีคุณค่าและประโยชน์มหาศาลทั้งในด้านคุณค่าทางเศรษฐกิจ และการแพทย์แผนไทย ใช้ได้ทุกส่วน ตั้งแต่ ลำต้น ราก เปลือก ใบ เมล็ด และกิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งน้ำมันกฤษณา ที่ได้จากการกลั่นจากเนื้อไม้ที่มีสารกฤษณาเกิดขึ้นจะเป็นน้ำมันที่มีราคาแพงที่สุดในโลกของศตวรรษนี้ โดยตลาดผู้บริโภคไม้กฤษณา ได้แก่
กลุ่มอาหรับ จะใช้น้ำมันกฤษณา ในการป้องกันไรแดงทะเลทราย และกลิ่นกำยานจากการเผาไม้หอม เพื่อต้อนรับแขก กลุ่มชาวจีน ทั้งจีนแผ่นดินใหญ่ และไต้หวัน ซึ่งมีพลเมืองกว่าพันล้านคน ใช้ไม้ในการผลิตยา ทั้งแผนโบราณ และแผนปัจจุบัน และใช้ผลิตธูป กลุ่มยุโรปและตะวันตก เช่น ฝรั่งเศส อิตาลี เยอรมนี และสหรัฐอเมริกา ฯลฯ ใช้เป็นส่วนผสมน้ำหอมราคาแพง กลุ่มญี่ปุ่น ใช้เป็นตัวยาในการรักษามะเร็งลำไส้ กระเพาะอาหาร และใช้ในธุรกิจสปา และกลุ่มอินเดีย ผู้นับถือศาสนา พราหมณ์ ฮินดู จะใช้ไม้กฤษณา ในพิธีกรรมทางศาสนา และเพื่อสร้างอารมณ์สุนทรีย์