xs
xsm
sm
md
lg

ความหมายของวันคริสต์มาสต่อชีวิตของผม (1)

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ผมได้รับเชิญให้ไปบรรยายหัวข้อ “ความหมายของวันคริสต์มาสต่อชีวิตของผม” ให้กับนักธุรกิจกลุ่มหนึ่งเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ผมบรรยายถึงพระพรแรกที่ผมได้รับ คือตอนที่ผมได้มีโอกาสไปค่ายคริสเตียน เมื่อผมอายุประมาณ 11 ขวบ (ป. 6) ผมได้เห็นผู้คนมากมาย

ผมสังเกตว่า สังคมนี้เป็นสังคมที่มีแต่ความสุข ชื่นชมยินดี สรวลเสเฮฮา โดยไม่มีสุราหรืออบายมุขใดๆ และที่สำคัญที่สุด เป็นสังคมที่รักกัน จริงใจต่อกัน ตั้งแต่นั้น ผมก็ตัดสินใจว่า นี่แหละ ชีวิตที่ผมอยากจะเป็น นี่แหละสังคมที่ผมอยากจะอยู่และอยากจะเห็นอย่างกว้างขวาง

พี่เลี้ยงของผมในค่ายบอกว่า ชีวิตจะเปลี่ยนแปลงในทางของพระเจ้าได้ด้วยความเชื่อ “เชื่อแล้วจึงเห็น ไม่ใช่เห็นแล้วจึงเชื่อ” ผมจึงได้ตัดสินใจเชื่อในพระเยซูคริสต์ ว่าพระองค์ทรงเป็นพระบุตรพระเจ้า เสด็จลงมาสละชีวิตของพระองค์เพื่อไถ่บาปแทนเรา ความเชื่อนี้ นำมาสู่ “ความหมาย” และ “พระพรอันยิ่งใหญ่” แห่งเทศกาลคริสตมาสอย่างน้อย 3 ประการ คือ

1)ความสุข ชื่นชมยินดี (Joy) เวลาเราได้รับสิ่งของต่างๆ จากผู้ใหญ่ เรามีความสุขใจ ในสิ่งของที่ได้รับ รวมถึงภาคภูมิใจ ชื่นใจ และซาบซึ้งในพระคุณของผู้ใหญ่ท่านนั้น

“สิ่ง” ที่เราได้รับนั้นยิ่งใหญ่ที่สุด มีค่าที่สุด นั่นคือ “ชีวิต” พระองค์ทรงสละ “ชีวิต” ของพระองค์ เพื่อไถ่ “ชีวิต” ของเราจากโทษของความบาป และความเป็นผู้ยิ่งใหญ่ของพระองค์ คือพระองค์ทรงเป็นพระเจ้า ที่มาประสูติในพระภาคพระบุตร ทำให้เราซาบซึ้งใจ และเป็นสุขใจได้เสมอในทุกสถานการณ์อย่างเข้มแข็งจริงๆครับ

เหมือนดังที่ ลีนา มาเรีย นักร้องชาวสวีเดน เธอเกิดมาไม่มีแขน ขาข้างหนึ่งสั้นครึ่งหนึ่งของขาอีกข้างหนึ่ง แต่เธอร้องเพลงได้อย่างมีพลังและมีความสุข เธอบอกว่า “สิ่งที่ทำให้เธอมีความสุข และมีพลังอยู่ได้ คือความซาบซึ้งในพระคุณของพระเยซูคริสต์ ที่ได้ทรงสละชีวิตเพื่อไถ่ชีวิตของเธอ”

พระเจ้าทรงสร้างโลกมาอย่างดี สร้างมนุษย์มาอย่างดี เมื่อทรงสร้างเสร็จแล้ว ทรงเห็นว่า “ดีนัก” และทรงมอบสรรพสิ่งที่พระองค์ทรงสร้างให้มนุษย์ครอบครอง แต่มนุษย์ที่พระองค์ทรงสร้างไม่เชื่อในพระองค์ ไม่รู้สึกว่าทุกสิ่งที่พระองค์ทรงสร้างและมอบให้เราแต่ละคนนั้น “ดีนัก”

มนุษย์อาจเลือกที่จะ “ไม่เชื่อ” ซึ่งเมื่อเราไม่เชื่อว่าโลกนี้ถูกสร้างมา “ดีนัก” ไม่เชื่อว่าชีวิตเรานั้นถูกสร้างมา “ดีนัก” ก็เป็นการมองโลกอย่างเป็นทุกข์ และมองชีวิตอย่างเป็นทุกข์ ชีวิตก็อาจจะเป็นทุกข์ และสับสนได้

แต่มนุษย์ก็อาจเลือกได้ที่ “เชื่อ” เช่นนั้นว่า โลกนี้ดีนัก และเป็นโลกแห่งความสุข เช่นเดียวกับที่ลีนา มาเรีย เธอมีความสุขได้มากกว่าหลายๆคน ทั้งที่ชีวิตเธอก็ขาดหลายสิ่ง แต่เธอเลือกที่จะสุขชื่นชมยินดีในอีกหลายๆสิ่งที่พระองค์ทรงประทานให้เธอมากกว่า

2)สันติสุข (Peace) แม้พระองค์ทรงสร้างทุกอย่างมาอย่างดี อาดัมกับอีวา กลับไม่เชื่อในพระองค์ และมนุษย์หลายๆรุ่นที่ผ่านมา ก็ได้ทอดทิ้งพระองค์ แต่พระองค์ ยังทรงให้พระอาทิตย์ส่องสว่างกับเราทุกคน ฝนตกให้น้ำกับทุกๆคน เรายังมีอากาศที่ดีอยู่เสมอ (เว้นแต่ที่มนุษย์ทำลายเอง) แต่สิ่งที่พระองค์ทรงกระทำคือ ทรงมาประสูติในรางหญ้า เพื่อให้รู้ว่า พระคุณของพระองค์มาถึงทุกๆคน

คนทุกคนควรมองค่ากันที่ชีวิต ทรัพย์สมบัติที่แตกต่าง ไม่ได้ทำให้คุณค่าของชีวิตคนแตกต่างกันไป แล้วพระองค์ทรงรับโทษบาปของมนุษย์แทนเราบนไม้กางเขนอย่างยิ่งใหญ่ พระองค์ทรงเป็นผู้ “ริเริ่ม” มาคืนดีกับมนุษย์ที่พระองค์ทรงสร้าง ทรงเป็นแบบอย่างของความรักเมตตา และการให้อภัยอย่างสูงส่งจริงๆ

ดังคำสอนขององค์พระเยซูคริสต์ว่า “หากท่านทั้งหลายมีปัญหาต่อกัน จงไปคืนดีกันก่อน ก่อนมาหาพระองค์” พระองค์ทรงให้คุณค่ากับความรัก และความสัมพันธ์ ทรงรู้ว่าที่ใดมีรักที่นั่นมีสุข และที่ๆความรักหายไป ที่นั่นก็เป็นทุกข์ จึงทรงเป็นแบบอย่างแห่งการ “คืนดี” ด้วยความจริง และชีวิต ดังที่ได้บันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ เมื่อชีวิตให้ความสำคัญกับการคืนดี ก็จะมีแต่สันติสุขในชีวิตตลอดไป

3)ความรัก (Love) ความรักเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต เมื่อเรานึกรักใครเราก็มีความสุข เมื่อเรานึกไม่รักใครเราก็มีความทุกข์ หลักการที่ว่า พระเจ้าเป็นความรักจึงมีความหมายอย่างยิ่งต่อเราทุกคน

ฉบับต่อๆไป เป็นช่วงวันคริสต์มาส ผมจะเล่าให้ฟังว่า พระพรในเรื่องความรัก มีความหมายอย่างไร ? และผลของความเชื่อในชีวิตผมเป็นอย่างไร และนำไปสู่ ความชื่นชมยินดี ความสันติสุข และความรักอย่างไร ?

สัปดาห์นี้ ผมมีวีซีดี ชุด “Joy to the World” สำหรับทุกท่านที่สนใจ และเขียนข้อความสั้นๆว่า “Joy to the World” มีความหมายอย่างไรในชีวิตท่านที่ montree4life@yahoo.com จะได้ติดต่อกับไปครับ มีความสุขในเทศกาลคริสต์มาสมากๆนะครับ

มนตรี ศรไพศาล
กำลังโหลดความคิดเห็น