xs
xsm
sm
md
lg

ความรักของพ่อ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เนื่องในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในหลวงผู้ทรงเป็นที่เคารพรักอย่างสูงสุดของปวงชนชาวไทย ดังคำกราบบังคมทูลฯ ถวายพระพรชัยมงคล ของ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรีว่า

“พระองค์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ ทรงรักและห่วงใยพสกนิกรยิ่งกว่าพระองค์เอง ทรงมีความผูกพันใกล้ชิดกับราษฎร ทรงปฏิบัติบำเพ็ญพระราชกรณียกิจน้อยใหญ่นานัปการ เพื่อขจัดทุกข์ผดุงสุขแก่อาณาประชาราษฎร์ โดยมิได้ทรงย่อท้อต่ออุปสรรคและความยากลำบากตรากตรำพระวรกาย ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทได้ทรงพระกรุณาอุทิศเวลา กำลังพระวรกาย กำลังพระปัญญา และกำลังพระราชทรัพย์ เพื่อแก้ไขปัญหาของราษฎร เป็นเวลาอันยาวนานนับได้ถึง 60 ปี ซึ่งพระมหากษัตริย์พระองค์อื่นใดในโลกมิอาจเทียบเทียมได้ ภาพที่ฝ่าละอองธุลีพระบาททรงพระอุตสาหะเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมเยียนราษฎรในพื้นที่ห่างไกลและทุรกันดาร ภาพที่มีพระราชปฏิสันถารกับราษฎร และภาพที่กำลังพระราชทานพระราชดำริ เพื่อแก้ไขปัญหาของท้องถิ่นต่างๆ โดยมีพระเสโทหยาดย้อยอยู่บนพระพักตร์ คือ ภาพที่ปวงชนชาวไทยได้เห็นอยู่สม่ำเสมอ”

เป็นภาพ “ความรักของพ่อ” ที่ยิ่งใหญ่จริงๆ ผมเชื่อว่าคุณค่าที่ยิ่งใหญ่สูงสุดในชีวิตคนเราคือ “ความรัก” ที่ใดที่มีรัก ที่นั่นก็มีความสุข และที่ใดที่ขาดรัก ที่นั่นแหละที่มีทุกข์

เมื่อใดที่เรานึกถึง “ความรัก” ของพ่อหลวงผู้ยิ่งใหญ่มีต่อเรา แม้เราไม่เห็นพระองค์ แต่ความรักของพระองค์ยังอยู่กับเราเสมอ เมื่อนึกถึงเมื่อใด เราก็มีความสุข มีความชื่นใจ มีกำลังใจ มีความรักให้กับคนอื่นๆ และมีกำลังใจที่จะทำความดีมากมาย

ในโอกาสวันพ่อ ด้วยความรำลึกในความรักอันยิ่งใหญ่ของพ่อหลวง เราน่าจะร่วมกันทำความดีถวายในหลวงของเรา ตามคำสอนของพระองค์

คำสอนหลักที่เราได้ยินอยู่เสมอ คือ ความ “รู้รักสามัคคี” เช่นเดียวกับที่พ่อแม่สอนเรา ให้พี่น้องเรารักกัน เมื่อเรารักกัน พ่อแม่ก็มีความสุข เมื่อเราไม่รักกัน พ่อแม่ก็ทุกข์ใจ ในบทบาทของพี่น้องชาวไทยร่วมชาติก็เช่นกัน พระองค์ก็ทรงสอนอยู่เสมอให้ลูกหลานชาวไทยรักสามัคคีกันเสมอ

คำสอนที่เราได้รับเมื่อวันเฉลิมฉลองเนื่องในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ซึ่งสอดคล้องกับสถานการณ์อย่างยิ่ง อีก 4 ประการ ได้แก่

การที่ทุกคนคิด พูด ทำ ด้วยความเมตตา มุ่งดี มุ่งเจริญต่อกัน ซึ่งก็เป็นหลักการความรัก ทุกสังคมที่รักกันจะมีพลัง เพราะพลังแต่ละคนจะใช้ไปในทางที่สร้างประโยชน์แก่กันและกัน

แต่สังคมที่แตกแยก ทะเลาะกัน แบ่งพรรคแบ่งพวก ผู้คนจะเสียเวลาและพลังงานไปกับการเอาชนะกัน ทำร้ายกัน พลังของส่วนรวมก็ต้องเสื่อมสูญไป เราทุกคนจึงควรรักกันและมุ่งดีปรารถนาดีต่อกันเสมอ

การที่แต่ละคนต่างช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ประสานงาน ประสานประโยชน์กัน ให้งานที่ทำสำเร็จผล ทั้งแก่ตน แก่ผู้อื่น และกับประเทศชาติ การกระทำการใดๆ หากเราคิดเห็นแก่ตนเองฝ่ายเดียว อาจเกิดการเอาเปรียบกัน เอาผลประโยชน์ส่วนรวมมาเป็นประโยชน์ส่วนตน

เราจึงควรมุ่งทำงานเพื่อเป็นประโยชน์แก่กันและกัน และประโยชน์ต่อส่วนรวม สังคมเติบโต เมื่อทุกคนทำงานเพื่อประโยชน์ของกันและกัน สร้างสรรค์สินค้าและบริการเพื่อกันและกัน ไม่มีการใช้อำนาจพิเศษดึงประโยชน์จากคนอื่นๆเข้าหาคนใดคนหนึ่ง

การที่ทุกคนประพฤติปฏิบัติตนอยู่ในความสุจริต ในกฎกติกา และในระเบียบแบบแผน โดยเท่าเทียมเสมอกัน แต่ละคนพึงมีใจและหน้าที่การงานที่สุจริต สัตย์ซื่อ ไม่โกงกัน ไม่เอาเปรียบผู้อื่น ไม่ฉ้อราษฎร์บังหลวง

ดังนั้น สังคมจึงจะเป็นธรรม เยาชนจึงมีค่านิยมที่ถูกต้อง มีเป้าหมายการเติบโตในชีวิตที่ชอบธรรม เศรษฐกิจจึงจะพัฒนาอย่างถูกทางและยั่งยืน

การที่ต่างคนต่างพยายามทำความคิด ความเห็นของตนให้ถูกต้อง เที่ยงตรง และมั่นคงอยู่ในเหตุในผล

โลกเราถูกสร้างมาอย่างดี มนุษย์เราก็ถูกสร้างมีอย่างดี มีจิตสำนึกมนุษยธรรมที่ดี การวินิจฉัยเรื่องใดๆ หากยืนบนหลักเหตุผล ด้วยจิตสำนึกแห่งมนุษยธรรม โดยไม่เห็นแก่ตัว ไม่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนใดๆ เราก็จะมองความถูกความผิดได้กระจ่าง

เมื่อเรามองสังคมอย่างมีเหตุผล เราจะรักกัน มุ่งดีปรารถนาดีต่อกัน ทำการใดๆเพื่อประโยชน์กันและกัน และประสานประโยชน์กันและกัน สัตย์ซื่อ สุจริต และยึดมั่นในความถูกต้องและหลักเหตุผล บางครั้ง ความดีเหล่านี้ต้องอาศัยการเติมกำลังใจอยู่เรื่อยๆเหมือนกัน

แต่เมื่อเรามี “ความรักของพ่อ” อยู่กับเรา แม้เราจะไม่เห็นพระองค์ ความรักของพระองค์จะช่วยให้กำลังแก่เราในการตั้งมั่นทำความดีเพื่อพระองค์ตลอดไปครับ

มนตรี ศรไพศาล

(montree4life@yahoo.com)
Mam_nemer@hotmail.com
กำลังโหลดความคิดเห็น