บอร์ด กฟผ.อนุมัติจัดตั้งบริษัทลูก กฟผ.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) เพื่อลงทุนในโครงการลักษณะรัฐต่อรัฐกับต่างชาติ พร้อมอนุมัติซื้อไฟฟ้าจากเขื่อนน้ำเทิน 1 และ 3 ของลาวเพิ่ม รวมถึงให้ซื้อหุ้นโรงไฟฟ้าถ่านหินของบีแอลซีพี
นายไกรสีห์ กรรณสูต ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ กฟผ. วันนี้ (17 พ.ย.) เห็นชอบให้ กฟผ. ตั้งบริษัท กฟผ.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ด้วยทุนจดทะเบียนเพื่อใช้ในการบริหาร 50 ล้านบาท โดยจะเสนอให้กระทรวงพลังงานพิจารณาและคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาตามลำดับ การลงทุนเน้นโครงการลงทุนโดยเฉพาะลักษณะรัฐต่อรัฐ อย่าง พม่า ลาว และกัมพูชา เช่น โครงการผลิตกระแสไฟฟ้าพลังน้ำ ที่ขณะนี้มีสัดส่วนพลังงานที่ผลิตได้คิดเป็นร้อยละ 10 ของกระแสไฟฟ้าที่ผลิตได้ทั้งหมด บมจ.กฟผ.อินเตอร์เนชั่นแนล จะช่วยเพิ่มรายได้ให้กับ กฟผ.
นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการ กฟผ. ยังเห็นชอบการซื้อกระแสไฟฟ้าจากโครงการเขื่อนน้ำเทิน 1 และ 3 จากสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ซึ่งจะได้นำเสนอให้คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) รับทราบ และจะมีการลงนามในบันทึกความเข้าใจเบื้องต้น (เอ็มโอยู) ในการซื้อกระแสไฟฟ้าในวันเปิดสะพานมิตรภาพไทย-ลาว ที่จังหวัดมุกดาหาร โดยกระแสไฟฟ้าที่ซื้อจะเพิ่มจาก 3,000 เป็น 5,000 เมกะวัตต์ ซึ่งจะลงนามโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และผู้ว่าการ กฟผ. จะลงนามบันทึกความเข้าใจที่จะซื้อกระแสไฟฟ้าจากโครงการน้ำเทิน 1 และน้ำเทิน 3
นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการ กฟผ. ยังอนุมัติให้ กฟผ.กู้เงิน เพื่อใช้ในการชำระหนี้เดิมและเพื่อการลงทุนในโรงไฟฟ้าที่กำลังก่อสร้างและขยายกำลังการผลิตกระแสไฟฟ้า เช่น โรงไฟฟ้าที่จังหวัดสงขลา โรงไฟฟ้าพระนครใต้ โรงไฟฟ้าบางปะกง รวม 28,000 ล้านบาท โดย กฟผ.จะนำเสนอเรื่องให้สำนักบริหารหนี้สาธารณะกระทรวงการคลังพิจารณาต่อไป
นายไกรสีห์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ กฟผ. ยังอนุมัติให้บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด(มหาชน) ซึ่งเป็นลูกของ กฟผ. ลงทุนซื้อหุ้นโรงไฟฟ้าบีแอลซีพี ซึ่งเป็นโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหิน ขนาดกำลังผลิต 1,346 เมกะวัตต์ ที่บริษัทซีแอลพี เพาเวอร์เอเชีย จำกัด ถือหุ้นอยู่ร้อยละ 50 โดยจะใช้เงินลงทุนประมาณ 6,645 ล้านบาท การซื้อหุ้นจะซื้อในราคาต่ำกว่าราคาตามมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100 บาท สาเหตุที่ซื้อหุ้นโรงไฟฟ้าบีแอลซีพี เนื่องจากบริษัท ผลิตไฟฟ้า เริ่มมีรายได้ลดลง จึงจำเป็นต้องหารายได้เพิ่ม ซึ่งโรงไฟฟ้าดังกล่าวที่เดินเครื่องผลิตกระแสไฟฟ้าและมีรายได้แล้ว จึงเป็นการเลือกลงทุน และการลงทุนครั้งนี้ จะทำให้ผู้ถือหุ้นของบริษัทซีแอลพี เพาเวอร์เอเชีย จำกัด มีถือผู้ถือหุ้นใหญ่เพียง 2 ราย คือ บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) และบริษัท ผลิตไฟฟ้า โดยบริษัทผลิตไฟฟ้าจะเข้ามาแทนที่ผู้ถือหุ้นเดิมจากฮ่องกง