เผย"ทวีฉัตร-กลุ่มธรรมนิติ-กลุ่มบริษัทสามารถ"ผู้ถือหุ้นใหม่บล.พรูเด้นท์ สยามทุ่มเงินซื้อหุ้นประมาณ 500-600 ล้านบาท รอก.ล.ต.ให้ความเห็นชอบโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหม่ พร้อมทีมผู้บริหาร ระบุให้พนักงานตัดสินใจว่าจะทำงานต่อไปหรือจะลาออกจะต้องให้คำตอบภายในวันนี้ ประกาศไม่ล็อคไอดีเจ้าหน้าที่มาร์เกตติ้งที่ลาออกในทันที แต่ในแง่ของเงินชดเชยไม่มีการระบุถึง
แหล่งข่าวจากบริษัทหลักทรัพย์ พรูเด้นท์ สยาม จำกัด กล่าวถึงการเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของกลุ่มนายทวีฉัตร จุฬางกูร,นางนลินี งามเศรษฐมาศ กรรมการบริษัท ธรรมนิติ แคปปิตอล แอดไวเซอร์รี่ จำกัด,กลุ่มบริษัทสามารถคอร์ปอเรชั่น กลุ่มตระกูลจึงรุ่งเรืองกิจ รวมถึงกลุ่มนักลงทุนจากต่างประเทศที่ถือหุ้นผ่านตัวแทนนักลงทุนไทยว่า การเข้ามาซื้อหุ้นทั้งหมดของบล.พรูเด้นท์ สยาม น่าจะใช้เงินในการซื้อหุ้นครั้งนี้ประมาณ 500-600 ล้านบาท โดยได้สรุปการซื้อขายตั้งแต่วันที่ 2 พฤศจิกายนที่ผ่านมา
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายนที่ผ่านมาทีมผู้บริหารชุดใหม่ได้เรียกประชุมพนักงานทั้งหมดของบริษัทไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าการตลาด หรือ มาร์เกตติ้ง ทีมงานด้านวาณิชธนกิจ และทีมงานด้านอื่นเข้ารับฟังนโยนบายใหม่ของบริษัทที่จะเน้นการให้บริการในด้านค้าหลักทรัพย์มากขึ้น โดยจะมีการดึงลูกค้าที่เป็นพันธมิตรกับกลุ่มผู้บริหารใหม่เข้ามาส่งคำสั่งซื้อขายผ่านบริษัท
นอกจากนี้ ผู้บริหารใหม่ได้สั่งให้พนักงานของบริษัททั้งหมดยืนยันว่าจะยังเป็นพนักงานของบริษัทต่อหรือไม่ ซึ่งพนักงานจะต้องให้คำตอบกับบริษัทภายในวันศุกร์ที่ 17 พฤศจิกายนนี้ โดยในส่วนของเจ้าหน้าที่มาร์เกตติ้งนั้น ทางผู้บริหารใหม่ได้ระบุว่าหากต้องการลาออกจากบริษัททันที บริษัทจะไม่มีการล็อคใบอนุญาตในการเป็นเจ้าหน้าที่ได้รับอนุญาตส่งคำสั่งซื้อขายหลักทรัพย์ (เทรดเดอร์ ไอดี) เจ้าหน้าที่รายดังกล่าว แต่ไม่ได้มีการพูดถึงเงินชดเชยที่จะจ่ายให้พนักงานตามสิทธิที่ควรจะได้รับ ขณะที่กรณีที่เจ้าหน้าที่รายใดยืนยันว่าจะไม่ลาออกแล้วขอลาออกหลังจากเลยกำหนดเวลาดังกล่าว บริษัทจะล็อคเทรดเดอร์ ไอดี เจ้าหน้าที่รายดังกล่าวเป็นระยะเวลา 2ปี
"มันเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายที่เจ้าหน้าที่มาร์เกตติ้งจะหางานใหม่ในช่วงที่ ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นยังผันผวนแบบนี้ การออกมาขู่ในลักษณะที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบแน่นอนต่อพนักงานโดยเฉพาะมาร์เกตติ้งเนื่องจากหากต้องการลาออกก็จะถูกบริษัทล็อดเทรดเดอร์ไอดีถึง 2 ปี"แหล่งข่าวกล่าว
อย่างไรกก็ตาม ในส่วนของพนักงานในส่วนอื่นๆที่ไม่มีปัญหาในเรื่องเทรดเดอร์ ไอดี เข้ามาเกี่ยวข้องจากการสอบถามหลายคนอยู่ระหว่างการตัดสินอยู่ว่าจะทำงานต่อหรือลาออก เนื่องจากไม่มีความมั่นใจในทีมผู้บริหารใหม่ชุดนี้
แหล่งข่าวกล่าวอีกว่า ขณะนี้ผู้บริหารใหม่ของบล.พรูเด้นท์ สยามได้ดำเนินการในการยื่นเอกสารต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อแจ้งขอเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้นและโครงสร้างการบริหารงานซึ่งเป็นหน้าที่ของก.ล.ต.ที่จะพิจารณาอนุมัติโครงสร้างใหม่หรือไม่ ซึ่งในทางปฎิบัติก็เป็นได้ว่าจะไม่อนุมัติโครงสร้างผู้ถือหุ้นหรือโครงสร้างผู้บริหารเพราะจะต้องพิจารณาจากคุณสมบัติประกอบ แต่ส่วนตัวเชื่อว่าสำนักงานก.ล.ต.คงจะพิจารณาอนุมัติ แต่อาจจะต้องจับตาการซื้อขายหลักทรัพย์ผ่าน
บล.พรูเด้นท์ สยาม มากขึ้นในอนาคต เพราะมีกลุ่มนักลงทุนรายใหญ่ที่มักจะเลือกเข้าลงทุนในหุ้นบริษัทจดทะเบียนที่ราคาหุ้นค่อนข้างผันผวนเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท
ทั้งนี้สิ่งที่จะเกิดขึ้นกับบล.พรูเด้นท์ สยาม หลังจากนี้คงคล้ายบริษัทหลักทรัพย์บางแห่งที่มีกลุ่มนักลงทุนรายใหญ่ รวมถึงกลุ่มนักลงทุนที่เคยมีการเข้าไปลงทุนในหุ้นบริษัทจดทะเบียนจนทำให้ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นตลาดหลักทรัพย์ รวมถึง สำนักงานก.ล.ต. คงจับตาการซื้อขายรวมถึงรายชื่อนักลงทุนที่เข้ามาเป็นลูกค้ามากกว่าบริษัทหลักทรัพย์ปกติ
"บล.พรูเด้นท์ สยาม หลังจากนี้คงถูกมองจากคนในวงการว่าเป็นโบรกเกอร์สีเทา เพราะมีภาพของนักลงทุนรายใหญ่ที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท"แหล่งข่าวกล่าว
แหล่งข่าวจากบริษัทหลักทรัพย์ พรูเด้นท์ สยาม จำกัด กล่าวถึงการเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของกลุ่มนายทวีฉัตร จุฬางกูร,นางนลินี งามเศรษฐมาศ กรรมการบริษัท ธรรมนิติ แคปปิตอล แอดไวเซอร์รี่ จำกัด,กลุ่มบริษัทสามารถคอร์ปอเรชั่น กลุ่มตระกูลจึงรุ่งเรืองกิจ รวมถึงกลุ่มนักลงทุนจากต่างประเทศที่ถือหุ้นผ่านตัวแทนนักลงทุนไทยว่า การเข้ามาซื้อหุ้นทั้งหมดของบล.พรูเด้นท์ สยาม น่าจะใช้เงินในการซื้อหุ้นครั้งนี้ประมาณ 500-600 ล้านบาท โดยได้สรุปการซื้อขายตั้งแต่วันที่ 2 พฤศจิกายนที่ผ่านมา
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายนที่ผ่านมาทีมผู้บริหารชุดใหม่ได้เรียกประชุมพนักงานทั้งหมดของบริษัทไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าการตลาด หรือ มาร์เกตติ้ง ทีมงานด้านวาณิชธนกิจ และทีมงานด้านอื่นเข้ารับฟังนโยนบายใหม่ของบริษัทที่จะเน้นการให้บริการในด้านค้าหลักทรัพย์มากขึ้น โดยจะมีการดึงลูกค้าที่เป็นพันธมิตรกับกลุ่มผู้บริหารใหม่เข้ามาส่งคำสั่งซื้อขายผ่านบริษัท
นอกจากนี้ ผู้บริหารใหม่ได้สั่งให้พนักงานของบริษัททั้งหมดยืนยันว่าจะยังเป็นพนักงานของบริษัทต่อหรือไม่ ซึ่งพนักงานจะต้องให้คำตอบกับบริษัทภายในวันศุกร์ที่ 17 พฤศจิกายนนี้ โดยในส่วนของเจ้าหน้าที่มาร์เกตติ้งนั้น ทางผู้บริหารใหม่ได้ระบุว่าหากต้องการลาออกจากบริษัททันที บริษัทจะไม่มีการล็อคใบอนุญาตในการเป็นเจ้าหน้าที่ได้รับอนุญาตส่งคำสั่งซื้อขายหลักทรัพย์ (เทรดเดอร์ ไอดี) เจ้าหน้าที่รายดังกล่าว แต่ไม่ได้มีการพูดถึงเงินชดเชยที่จะจ่ายให้พนักงานตามสิทธิที่ควรจะได้รับ ขณะที่กรณีที่เจ้าหน้าที่รายใดยืนยันว่าจะไม่ลาออกแล้วขอลาออกหลังจากเลยกำหนดเวลาดังกล่าว บริษัทจะล็อคเทรดเดอร์ ไอดี เจ้าหน้าที่รายดังกล่าวเป็นระยะเวลา 2ปี
"มันเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายที่เจ้าหน้าที่มาร์เกตติ้งจะหางานใหม่ในช่วงที่ ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นยังผันผวนแบบนี้ การออกมาขู่ในลักษณะที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบแน่นอนต่อพนักงานโดยเฉพาะมาร์เกตติ้งเนื่องจากหากต้องการลาออกก็จะถูกบริษัทล็อดเทรดเดอร์ไอดีถึง 2 ปี"แหล่งข่าวกล่าว
อย่างไรกก็ตาม ในส่วนของพนักงานในส่วนอื่นๆที่ไม่มีปัญหาในเรื่องเทรดเดอร์ ไอดี เข้ามาเกี่ยวข้องจากการสอบถามหลายคนอยู่ระหว่างการตัดสินอยู่ว่าจะทำงานต่อหรือลาออก เนื่องจากไม่มีความมั่นใจในทีมผู้บริหารใหม่ชุดนี้
แหล่งข่าวกล่าวอีกว่า ขณะนี้ผู้บริหารใหม่ของบล.พรูเด้นท์ สยามได้ดำเนินการในการยื่นเอกสารต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อแจ้งขอเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้นและโครงสร้างการบริหารงานซึ่งเป็นหน้าที่ของก.ล.ต.ที่จะพิจารณาอนุมัติโครงสร้างใหม่หรือไม่ ซึ่งในทางปฎิบัติก็เป็นได้ว่าจะไม่อนุมัติโครงสร้างผู้ถือหุ้นหรือโครงสร้างผู้บริหารเพราะจะต้องพิจารณาจากคุณสมบัติประกอบ แต่ส่วนตัวเชื่อว่าสำนักงานก.ล.ต.คงจะพิจารณาอนุมัติ แต่อาจจะต้องจับตาการซื้อขายหลักทรัพย์ผ่าน
บล.พรูเด้นท์ สยาม มากขึ้นในอนาคต เพราะมีกลุ่มนักลงทุนรายใหญ่ที่มักจะเลือกเข้าลงทุนในหุ้นบริษัทจดทะเบียนที่ราคาหุ้นค่อนข้างผันผวนเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท
ทั้งนี้สิ่งที่จะเกิดขึ้นกับบล.พรูเด้นท์ สยาม หลังจากนี้คงคล้ายบริษัทหลักทรัพย์บางแห่งที่มีกลุ่มนักลงทุนรายใหญ่ รวมถึงกลุ่มนักลงทุนที่เคยมีการเข้าไปลงทุนในหุ้นบริษัทจดทะเบียนจนทำให้ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นตลาดหลักทรัพย์ รวมถึง สำนักงานก.ล.ต. คงจับตาการซื้อขายรวมถึงรายชื่อนักลงทุนที่เข้ามาเป็นลูกค้ามากกว่าบริษัทหลักทรัพย์ปกติ
"บล.พรูเด้นท์ สยาม หลังจากนี้คงถูกมองจากคนในวงการว่าเป็นโบรกเกอร์สีเทา เพราะมีภาพของนักลงทุนรายใหญ่ที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท"แหล่งข่าวกล่าว