xs
xsm
sm
md
lg

เศรษฐกิจพอเพียง 6 : ความพอเพียงในความคาดหวังต่อผู้นำ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


โดยความต่อเนื่องที่ผมได้พูดถึงเรื่อง "เศรษฐกิจพอเพียง" ผมเกิดแรงบันดาลใจที่จะพูดถึงเรื่อง "ความพอเพียง" ในความหวังต่อผู้นำ ดังนี้

1. ผู้นำเป็นผู้เสียสละ โดยหลักการแล้ว มีคำสอนว่า "ผู้ใดที่เป็นนายใหญ่ในพวกท่าน ผู้นั้นย่อมต้องรับใช้ท่านทั้งหลาย" กลุ่มบุคคลผู้ทำงานเพื่อส่วนรวม ถือว่า มีความเสียสละสูง น่ายกย่อง เมื่อผู้นำทำเพื่อส่วนรวม ส่วนรวมก็ควรเคารพ ให้เกียรติต่อผู้นำ และเป็นกำลังใจให้แก่ผู้นำเสมอ

2. ผู้นำต้องเปี่ยมด้วยคุณธรรม เพราะการคิด การตัดสินใจของผู้นำ นำไปสู่ผลดีและผลเสียของส่วนรวมได้มหาศาล หากปราศจากคุณธรรม แทนที่สังคมจะได้รับประโยชน์จากการนำของผู้นำ อาจเกิดความสูญเสียมากมาย โดยเฉพาะการที่ลักษณะผู้นำจะเป็นแบบอย่างของประชาชนและเยาวชนทั่วไป หากผู้นำเป็นคนดี ทำงานเพื่อส่วนรวม มีความขยัน เข้มแข็ง อดทน มีปัญญา มีความจริงใจ ประชาชนและเยาวชนทั่วไปศรัทธา และยึดถือเอาเป็นเยี่ยงอย่าง สังคมก็เข้มแข็ง และมีอนาคตที่สดใส แต่ผู้นำที่ทุจริต ใช้อำนาจรัฐเอื้อประโยชน์ส่วนตน ปกปิดความร่ำรวยผิดปกติอันได้มาจากอำนาจรัฐอย่างไม่เป็นธรรม ขาดความรักเมตตา หากประชาชนและเยาวชนยึดถือเป็นเยี่ยงอย่าง สังคมก็จะมีแต่เดือดร้อน อนาคตมืดมน

3. มีคำสอนว่า "จงเชื่อฟังเจ้านาย" ประชาชนจึงพึงเชื่อฟังและให้เกียรติกับเจ้านายเสมอ เพื่อให้เกิดวินัยและพลังที่ดีของสังคม ประชาชนไม่ควรหูเบา เข้าใจผิดในผู้นำง่ายๆ ประเทศที่อ่อนแอ คือประเทศที่ผู้นำไม่สามารถนำประชาชนได้ เราจึงควรหนักแน่น ไม่สงสัยในผู้นำง่ายเกินไปโดยไร้สติ เหตุผล และหลักฐานที่ชัดเจน

ผมว่าเราคนไทย ได้มีความนบนอบต่อผู้นำอย่างดีเสมอมา และความที่จะรักษาความอดทนเช่นนั้นต่อไป ผมจำได้ว่า รัฐบาลที่ผ่านมา เริ่มมีการทำงานที่ "มีกลิ่น" มาตั้งแต่ปีแรกๆ เพียงได้รับอำนาจไม่นาน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องทุจริตเชิงนโยบายเพื่อเอื้อประโยชน์ธุรกิจของครอบครัว ทุจริตโครงการต่างๆ การเลี่ยงภาษี การครอบงำองค์กรการตรวจสอบต่างๆตามรัฐธรรมนูญ การครอบงำสื่อมวลชน แต่ประชาชนเราก็นบนอบด้วยความอดทน

เป็นเวลาจนถึงปีที่ 5-6 ที่หลายๆฝ่ายเริ่มมองตรงกันว่า หากยังไม่มีความสำนึกในคุณธรรมและจริยธรรมในหมู่ผู้มีอำนาจ อาจพาบ้านเมืองล่มจมได้ จนนำมาสู่การเปลี่ยนแปลงในที่สุด

ผมว่าเราก็ควรจะกลับมาพิจารณาผู้นำที่ได้เข้ามาแก้ไขปัญหาด้วยความนบนอบอดทนเช่นเคย ผมมองสถานการณ์ปัจจุบันด้วยความหนักแน่นว่า ผู้นำของเรา ยังดำรงอยู่ในหลักคุณธรรม ตั้งใจเสียสละเพื่อบ้านเมือง เข้ามาเพื่อแก้ไขปัญหา ไม่ใช่เพื่อแสวงหาอำนาจเพื่อส่วนตน โดยจะมองเป็นจุดๆได้ดังนี้

1. มีการจัดผลตอบแทนผู้บริหารอย่างเป็นธรรม การที่รัฐบาลจะมีผู้บริหารมาทำงานให้บ้านเมือง ก็ควรที่จะให้ผลตอบแทนที่เป็นธรรม สมฐานะ ศักดิ์ศรี และภารกิจมหาศาลที่ต้องรับผิดชอบ ผมได้รับฟังข้อตำหนิว่า "ผู้บริหารที่เข้ามานั้น ไม่ควรรับผลตอบแทน เพราะจะเป็นที่ครหา" ผมว่า "นั่นก็เกินไป" รัฐบาลก็ต้องมีผู้ทำงาน และไม่ได้ใช้จ่ายเพิ่มจากปกติแต่อย่างไร เห็นรัฐบาลแก้ปัญหาน้ำท่วมอย่างฉับไว อดทน ประกอบด้วยสติปัญญา แก้ปัญหาความแตกแยกในสังคม สร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนได้อย่างแข็งแกร่ง เพียงเท่านี้ ผมว่าสำหรับประชาชนก็เกินคุ้มแล้วครับ

2. มีการให้เสรีภาพแก่ประชาชนตามสมควร แม้จะต้องมีกฎอัยการศึก เพื่อช่วยให้เกิดความสงบสุขในบ้านเมือง แต่โดยทั่วไปก็นับว่าประชาชนมีเสรีภาพตามสมควร ผมเห็นสื่อมวลชนของภาครัฐเอง เช่น ช่อง 11 ผู้อ่านข่าวเริ่มใส่ความเห็นที่อาจสร้างความรู้สึกไม่ดีต่อผู้นำรัฐบาล ก็วัดได้ถึงเสรีภาพสื่อมวลชน ซึ่งก็คือเสรีภาพของประชาชนในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารที่มีมากกว่าเดิม ซึ่งรายการที่มีผลลบต่อรัฐบาลต้องถูกถอดออกไปหลายรายการ

3. การตรวจสอบผู้นำเดิมอย่างเป็นธรรม แทนที่จะมีการ "ยึดทรัพย์" โดยทันที กลับมีการแต่งตั้งคณะทำงานเพื่อตรวจสอบตามกฎหมาย และเป็นธรรม เพื่อให้ทั่วโลกเห็นว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของฝ่ายหนึ่งมีอำนาจ ก็โค่นอีกฝ่ายหนึ่งลง แต่เป็นเรื่องของการแสวงหาความยุติธรรม ด้วยวิธีการทางกฎหมายเยี่ยงอารยชน และองค์กรอิสระที่มีความเป็นอิสระอย่างแท้จริง (เสียที)

ดังนั้น ผู้ที่สงสัยคลางแคลงผู้นำเดิม ก็ไม่ควรเร่งร้อนที่จะลงโทษจนกว่าจะดำเนินกระบวนการยุติธรรมที่เป็นธรรมก่อน ผู้จงรักภักดีกับผู้นำเดิม ก็ควรติดตามผลด้วยความหวัง และหากใช้กระบวนการที่โปร่งใส เป็นธรรม และอิสระแล้ว ถูกก็คือถูก ผิดก็คือผิด เราจะได้เห็นข้อมูลเรื่องนี้อย่างเท่าเทียมกัน และไม่ควรจะเกิดความแตกแยกในสังคมอีกต่อไป

ผมว่าความคาดหวังต่อผู้นำประเทศ ที่พอประมาณ มีเหตุมีผล ก็ทำให้รัฐบาลมีความเข้มแข็ง ประเทศชาติเดินไปในทางแห่งความชอบได้จริง ผู้นำมีกำลังใจ และประเทศชาติเราจะผ่านพ้นปัญหาไปสู่ความเติบโตอีกก้าวหนึ่งครับ

มนตรี ศรไพศาล
(montree4life@yahoo.com)
กำลังโหลดความคิดเห็น