บสก. เผยโครงการ "คืนทรัพย์ให้คุณ" ช่วยลูกหนี้รายย่อยกลับคืนสู่ระบบเศรษฐกิจอีกครั้ง ระบุ ตั้งแต่เปิดตัวโครงการ มีลูกหนี้สนใจเข้าร่วมโครงการแล้วกว่าพันราย รวมภาระหนี้เกือบ2,000ล้านบาท ชี้การปรับโครงสร้างหนี้ที่ผ่านมา เน้นความสามารถชำระหนี้เป็นหลัก
นายบรรยง วิเศษมงคลชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (บสก.) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานโครงการ "คืนทรัพย์ให้คุณ" ในช่วงที่ผ่านมาว่า นับตั้งแต่ บสก. เปิดตัวโครงการ "คืนทรัพย์ให้คุณ" ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2548 จนถึงปัจจุบัน มีลูกหนี้สนใจเข้าร่วมในโครงการประมาณพันราย รวมภาระหนี้เกือบสองพันล้านบาท
ทั้งนี้โครงการ "คืนทรัพย์ให้คุณ" ถือเป็นโครงการที่บสก. มีส่วนร่วมช่วยเหลือสังคม โดยเฉพาะเพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้ลูกหนี้รายย่อยได้มีโอกาสชำระหนี้แล้วนำทรัพย์สินที่จำนองทั้งบ้านและที่ดิน กลับไปทำประโยชน์ต่อไป ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางการดำเนินงานของบสก. ในการบริหารจัดการสินทรัพย์ด้อยคุณภาพในระบบเศรษฐกิจ และสอดคล้องกับนโยบายของภาครัฐที่ต้องการแก้ไขหนี้ภาคประชาชนให้ลดลง
สำหรับหลักเกณฑ์ของผู้เข้าร่วมโครงการ จะต้องเป็นลูกหนี้หรือผู้ค้ำประกันจำนอง ที่มีภาระหนี้เงินต้นไม่เกิน 5 ล้านบาท โดยรับชำระหนี้จากลูกหนี้ ผู้ค้ำประกันจำนอง ทายาท หรือบุคคลภายนอก โดยสามารถชำระครั้งเดียวที่ 70% ของราคาประเมินหลักประกัน หรือเลือกชำระ 80% ของราคาประเมินหลักประกัน ระยะเวลาผ่อนชำระ 5 ปี ไม่คิดดอกเบี้ย ซึ่งหลังจาก บสก. เปิดตัวโครงการคืนทรัพย์ให้คุณเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2548 มีลูกหนี้สนใจเข้าร่วมโครงการมากพอสมควร ทำให้ บสก. ต้องขยายระยะเวลาโครงการดังกล่าวต่อมาในปี 2549
ขณะเดียวกันที่ผ่านมา บสก. ได้ปรับปรุงหลักเกณฑ์ให้มีความยืดหยุ่นกับลูกหนี้มากขึ้น โดยสามารถเข้าร่วมโครงการได้ทั้งลูกหนี้ที่ใช้มาตรการทางกฎหมายแล้ว และที่ยังไม่ได้ใช้มาตรการทางกฎหมาย และใช้กับลูกหนี้ทุกกลุ่มที่ บสก. รับโอนมาไม่เฉพาะลูกหนี้เดิม รวมทั้งผู้ไถ่ถอนหลักประกันคืนไม่จำกัดแค่เฉพาะลูกหนี้ ผู้ค้ำประกันจำนอง หรือทายาทเท่านั้น แต่เงื่อนไขใหม่นี้บุคคลภายนอกก็สามารถมาไถ่ถอนหลักประกันได้ด้วย โดยบสก.ยังคงเปิดให้ลูกหนี้รายย่อยที่มีภาระหนี้ไม่เกิน 5 ล้านบาท ซึ่งมีคุณสมบัติตรงตามเงื่อนไขที่กำหนดสามารถติดต่อเข้าร่วมโครงการดังกล่าวได้จนถึงสิ้นปี 2549 นี้
นายบรรยง กล่าวอีกว่า ในเรื่องของการปรับโครงสร้างหนี้ บสก. จะใช้หลักการประนอมหนี้ที่เน้นความร่วมมือระหว่างกันเพื่อให้ได้ผลประโยชน์สูงสุดร่วมกันทั้งสองฝ่าย โดยจะพิจารณาความสามารถในการชำระหนี้เป็นหลัก และมุ่งช่วยเหลือลูกหนี้ให้สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ รวมทั้งได้ทรัพย์หลักประกันกลับคืนไป ซึ่ง NPL ของ บสก. มีลูกหนี้รายย่อยที่ปรับโครงสร้างหนี้ได้ข้อยุติไปแล้วหลายหมื่นราย และอยู่ระหว่างการปรับโครงสร้างหนี้มากกว่าหมื่นราย
ดังนั้น เพื่อให้การปรับโครงสร้างหนี้กับลูกหนี้รายย่อยเป็นไปด้วยความรวดเร็วยิ่งขึ้น บสก.จึงได้ มีมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยออกมาอย่างต่อเนื่อง อาทิ โครงการคืนทรัพย์ให้คุณ มาตรการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อย และโครงการโอนเงินกู้ไปยังสถาบันการเงินอื่น (Refinance) เพื่อให้ลูกหนี้สามารถผ่อนชำระหนี้ได้ในระยะเวลาที่นานขึ้น
อย่างไรก็ดี ปัจจุบัน บสก. มี NPL ในความดูแลรวมมูลค่า 236,013 ล้านบาท หรือคิดเป็น 48.67 %ของทั้งระบบที่มีอยู่ 484,905 ล้านบาท และอยู่ระหว่างรับโอนหนี้จากสถาบันการเงินอื่นๆ
นายบรรยง วิเศษมงคลชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (บสก.) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานโครงการ "คืนทรัพย์ให้คุณ" ในช่วงที่ผ่านมาว่า นับตั้งแต่ บสก. เปิดตัวโครงการ "คืนทรัพย์ให้คุณ" ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2548 จนถึงปัจจุบัน มีลูกหนี้สนใจเข้าร่วมในโครงการประมาณพันราย รวมภาระหนี้เกือบสองพันล้านบาท
ทั้งนี้โครงการ "คืนทรัพย์ให้คุณ" ถือเป็นโครงการที่บสก. มีส่วนร่วมช่วยเหลือสังคม โดยเฉพาะเพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้ลูกหนี้รายย่อยได้มีโอกาสชำระหนี้แล้วนำทรัพย์สินที่จำนองทั้งบ้านและที่ดิน กลับไปทำประโยชน์ต่อไป ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางการดำเนินงานของบสก. ในการบริหารจัดการสินทรัพย์ด้อยคุณภาพในระบบเศรษฐกิจ และสอดคล้องกับนโยบายของภาครัฐที่ต้องการแก้ไขหนี้ภาคประชาชนให้ลดลง
สำหรับหลักเกณฑ์ของผู้เข้าร่วมโครงการ จะต้องเป็นลูกหนี้หรือผู้ค้ำประกันจำนอง ที่มีภาระหนี้เงินต้นไม่เกิน 5 ล้านบาท โดยรับชำระหนี้จากลูกหนี้ ผู้ค้ำประกันจำนอง ทายาท หรือบุคคลภายนอก โดยสามารถชำระครั้งเดียวที่ 70% ของราคาประเมินหลักประกัน หรือเลือกชำระ 80% ของราคาประเมินหลักประกัน ระยะเวลาผ่อนชำระ 5 ปี ไม่คิดดอกเบี้ย ซึ่งหลังจาก บสก. เปิดตัวโครงการคืนทรัพย์ให้คุณเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2548 มีลูกหนี้สนใจเข้าร่วมโครงการมากพอสมควร ทำให้ บสก. ต้องขยายระยะเวลาโครงการดังกล่าวต่อมาในปี 2549
ขณะเดียวกันที่ผ่านมา บสก. ได้ปรับปรุงหลักเกณฑ์ให้มีความยืดหยุ่นกับลูกหนี้มากขึ้น โดยสามารถเข้าร่วมโครงการได้ทั้งลูกหนี้ที่ใช้มาตรการทางกฎหมายแล้ว และที่ยังไม่ได้ใช้มาตรการทางกฎหมาย และใช้กับลูกหนี้ทุกกลุ่มที่ บสก. รับโอนมาไม่เฉพาะลูกหนี้เดิม รวมทั้งผู้ไถ่ถอนหลักประกันคืนไม่จำกัดแค่เฉพาะลูกหนี้ ผู้ค้ำประกันจำนอง หรือทายาทเท่านั้น แต่เงื่อนไขใหม่นี้บุคคลภายนอกก็สามารถมาไถ่ถอนหลักประกันได้ด้วย โดยบสก.ยังคงเปิดให้ลูกหนี้รายย่อยที่มีภาระหนี้ไม่เกิน 5 ล้านบาท ซึ่งมีคุณสมบัติตรงตามเงื่อนไขที่กำหนดสามารถติดต่อเข้าร่วมโครงการดังกล่าวได้จนถึงสิ้นปี 2549 นี้
นายบรรยง กล่าวอีกว่า ในเรื่องของการปรับโครงสร้างหนี้ บสก. จะใช้หลักการประนอมหนี้ที่เน้นความร่วมมือระหว่างกันเพื่อให้ได้ผลประโยชน์สูงสุดร่วมกันทั้งสองฝ่าย โดยจะพิจารณาความสามารถในการชำระหนี้เป็นหลัก และมุ่งช่วยเหลือลูกหนี้ให้สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ รวมทั้งได้ทรัพย์หลักประกันกลับคืนไป ซึ่ง NPL ของ บสก. มีลูกหนี้รายย่อยที่ปรับโครงสร้างหนี้ได้ข้อยุติไปแล้วหลายหมื่นราย และอยู่ระหว่างการปรับโครงสร้างหนี้มากกว่าหมื่นราย
ดังนั้น เพื่อให้การปรับโครงสร้างหนี้กับลูกหนี้รายย่อยเป็นไปด้วยความรวดเร็วยิ่งขึ้น บสก.จึงได้ มีมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยออกมาอย่างต่อเนื่อง อาทิ โครงการคืนทรัพย์ให้คุณ มาตรการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อย และโครงการโอนเงินกู้ไปยังสถาบันการเงินอื่น (Refinance) เพื่อให้ลูกหนี้สามารถผ่อนชำระหนี้ได้ในระยะเวลาที่นานขึ้น
อย่างไรก็ดี ปัจจุบัน บสก. มี NPL ในความดูแลรวมมูลค่า 236,013 ล้านบาท หรือคิดเป็น 48.67 %ของทั้งระบบที่มีอยู่ 484,905 ล้านบาท และอยู่ระหว่างรับโอนหนี้จากสถาบันการเงินอื่นๆ