นายคีรี กาญจนพาสน์ ในฐานะผู้บริหารแผน บริษัท ธนายง จำกัด (มหาชน)หรือTYONGเปิดเผยว่า ตามที่บริษัทฯได้รายงานผลการขายหุ้นเพิ่มทุน และแจ้งรายชื่อผู้เข้าร่วมลงทุนรายใหม่ จำนวน 2 ราย คือ Crossventure Holding Limited และบริษัท เคทูเจ โฮลดิ้ง จำกัด บริษัทฯขอชี้แจงข้อมูลและข้อเท็จจริงเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริษัทผู้เข้าร่วมลงทุนรายใหม่
โดย Crossventure Holding Limited ประกอบกิจการถือหุ้นและเข้าลงทุนในบริษัทอื่น (holding company) ขณะนี้มิได้ถือหุ้นหรือลงทุนในบริษัทอื่นมีทุนจดทะเบียนที่ได้รับอนุมัติแล้วเป็นจำนวน 50,000 เหรียญสหรัฐ โดยมีวัตถุประสงค์ให้เป็นบริษัทเฉพาะกิจ (Special Purpose Venhicle) หรือ SPV ที่จัดตั้งขึ้นเฉพาะกิจเพื่อรองรับการเพิ่มทุนผ่านนักลงทุนต่างชาติจำนวนประมาณ 4-5 ราย ที่ได้รับการผ่อนผันไม่ต้องทำการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ (tender offer) จากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ตามจดหมายที่ กลต.ก.2194/2549
อย่างไรก็ดีรายชื่อของนักลงทุนดังกล่าวไม่สามารถเปิดเผยชื่อได้เนื่องจากมีข้อจำกัดในการเปิดเผยข้อมูล เมื่อมีการโอนหุ้นให้นักลงทุนต่างชาติแล้ว บริษัทฯจะแจ้งให้ทราบอีกครั้งหนึ่ง
สำหรับ บริษัท เคทูเจ โฮลดิ้ง จำกัด จัดตั้งขึ้นเมื่อ 5 เมษายน 2549 ยังไม่ได้พัฒนาโครงการใดๆประกอบกิจการถือหุ้นและเข้าลงทุนในบริษัทอื่น (holding company)จัดตั้งขึ้นโดยบริษัท กลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทฯ ได้แก่ คุณคีรี กาญจนพาสน์ โดยถือหุ้นผ่าน บริษัท เอ็กเซล แปซิฟิก กรุ๊ป จำกัด (ประเทศฮ่องกง) นายพงษ์ศักดิ์ ชมสุวรรณ และ นางสาวเพ็ชรรัตน์ ดลเฉลิมพรรค โดยมีวัตถุประสงค์ให้เป็นบริษัทเฉพาะกิจ (Special Purpose Venhicle) หรือ SPV ที่จัดตั้งขึ้นเฉพาะกิจเพื่อการเข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุนของบริษัท มิได้ถือหุ้นหรือลงทุนในบริษัทอื่นภายหลังการลดทุนและการเพิ่มทุนโดยการออกหุ้นใหม่ตามแผนฟื้นฟูกิจการของบริษัท สัดส่วนการถือหุ้นเป็นดังนี้ (ก) เจ้าหนี้แปลงหนี้เป็นทุนเป็นจำนวนร้อยละ 10 ของหุ้นที่ออกจำหน่ายแล้วของบริษัท (ข) ผู้ลงทุนใหม่คือ บริษัท Crossventure Holding Limited และบริษัท เคทูเจ โฮลดิ้ง จำกัด จำนวนร้อยละ 80 ของหุ้นที่ออกจำหน่ายแล้วของบริษัทฯ (ร้อยละ 42.50 เป็นของ Crossventure และร้อยละ 37.50 เป็นของบริษัท เคทูเจ) และ (ค) อีกร้อยละ 10 ของหุ้นที่ออกจำหน่ายแล้วของบริษัทฯจะถือโดยผู้ถือหุ้นเดิมทั้งหมด
ทั้งนี้ ในส่วนร้อยละ 10 ซึ่งจะถือโดยผู้ถือหุ้นเดิมตามที่กล่าวข้างต้น คุณคีรี กาญจนพาสน์ จะถือหุ้นจำนวนร้อยละ 0.75 ซึ่งเมื่อรวมกับหุ้นที่บริษัท เคทูเจ โฮลดิ้ง จำกัด ถือจำนวน 37.50 ก็จะเป็นจำนวนหุ้นที่ถือโดยกลุ่ม คุณคีรี กาญจนพาสน์ เท่ากับร้อยละ 38.25 ของหุ้นที่ออกจำหน่ายแล้ว ของบริษัทฯ ซึ่งได้รับการผ่อนผันไม่ต้องทำการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์(tender offer) จากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ตามจดหมายที่ กลต. ก.2194/2549
ส่วนในกรณีที่มีหุ้นบางส่วนขายให้กับบริษัทกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิม นั้น สืบเนื่องมาจากการที่บริษัทฯเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการตั้งแต่ปี 2545 จนศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งเห็นชอบกับแผนฟื้นฟูกิจการ เมื่อเดือนพฤษภาคม 2548 ซึ่งเป็นระยะเวลาที่นาน ทำให้นักลงทุนที่บริษัทฯได้ติดต่อเจรจาไว้หลายรายไม่แน่ใจในการลงทุนในบริษัทฯ ประกอบกับจำนวนเงินที่ต้องใช้ในการลงทุนเป็นจำนวนเงินที่สูงมากถึง 2,000 ล้านบาท บริษัทฯจึงไม่สามารถสรรหานักลงทุนใหม่ได้ครบตามจำนวนที่ต้องการ บริษัทกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมจึงต้องช่วยลงทุนเพิ่มเติมในส่วนที่ขาด เพื่อให้แผนฟื้นฟูกิจการของบริษัทฯดำเนินไปได้ด้วยดีเพื่อผลประโยชน์ของเจ้าหนี้และผู้ถือหุ้นรายย่อยอีกด้วย
ทั้งนี้ หลักเกณฑ์ในการกำหนดราคาขายหุ้นที่ 0.50 บาท นั้น ในแผนฟื้นฟูกิจการมิได้กำหนดราคาขายไว้ เพียงแต่กำหนดไว้ในแผนว่าการกำหนดราคาหุ้นที่ขายและการจัดสรรหุ้น ให้กับผู้ร่วมทุนใหม่แต่ละราย ให้ผู้บริหารแผนเป็นผู้พิจารณากำหนดตามความเหมาะสมในการร่วมทุนของผู้ร่วมทุนใหม่ แต่ทั้งนี้กระแสเงินสดจากการเพิ่มทุนดังกล่าวต้องมีเพียงพอจะชำระหนี้ได้ตามเงื่อนไขที่กล่าวข้างต้นซึ่งจำนวนเงินสดที่ต้องใช้ในการชำระเงินให้กับเจ้าหนี้ซึ่งเป็นกลุ่มเจ้าหนี้ที่จะต้องชำระเงินภายใน 60 วัน นับจากวันที่เพิ่มทุน จำนวนรวมประมาณ 2,100 ล้านบาท
ดังนั้น เมื่อเทียบจำนวนหุ้นเพิ่มทุนที่ต้องออกตามแผน จำนวน 4,266,666,667 หุ้น กับจำนวนเงินที่ต้องใช้ประมาณ 2,100 ล้านบาท ผู้บริหารแผนจึงกำหนดราคาขายหุ้นเพิ่มทุนใหม่ที่ราคา หุ้นละ 0.50 บาท
โดย Crossventure Holding Limited ประกอบกิจการถือหุ้นและเข้าลงทุนในบริษัทอื่น (holding company) ขณะนี้มิได้ถือหุ้นหรือลงทุนในบริษัทอื่นมีทุนจดทะเบียนที่ได้รับอนุมัติแล้วเป็นจำนวน 50,000 เหรียญสหรัฐ โดยมีวัตถุประสงค์ให้เป็นบริษัทเฉพาะกิจ (Special Purpose Venhicle) หรือ SPV ที่จัดตั้งขึ้นเฉพาะกิจเพื่อรองรับการเพิ่มทุนผ่านนักลงทุนต่างชาติจำนวนประมาณ 4-5 ราย ที่ได้รับการผ่อนผันไม่ต้องทำการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ (tender offer) จากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ตามจดหมายที่ กลต.ก.2194/2549
อย่างไรก็ดีรายชื่อของนักลงทุนดังกล่าวไม่สามารถเปิดเผยชื่อได้เนื่องจากมีข้อจำกัดในการเปิดเผยข้อมูล เมื่อมีการโอนหุ้นให้นักลงทุนต่างชาติแล้ว บริษัทฯจะแจ้งให้ทราบอีกครั้งหนึ่ง
สำหรับ บริษัท เคทูเจ โฮลดิ้ง จำกัด จัดตั้งขึ้นเมื่อ 5 เมษายน 2549 ยังไม่ได้พัฒนาโครงการใดๆประกอบกิจการถือหุ้นและเข้าลงทุนในบริษัทอื่น (holding company)จัดตั้งขึ้นโดยบริษัท กลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทฯ ได้แก่ คุณคีรี กาญจนพาสน์ โดยถือหุ้นผ่าน บริษัท เอ็กเซล แปซิฟิก กรุ๊ป จำกัด (ประเทศฮ่องกง) นายพงษ์ศักดิ์ ชมสุวรรณ และ นางสาวเพ็ชรรัตน์ ดลเฉลิมพรรค โดยมีวัตถุประสงค์ให้เป็นบริษัทเฉพาะกิจ (Special Purpose Venhicle) หรือ SPV ที่จัดตั้งขึ้นเฉพาะกิจเพื่อการเข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุนของบริษัท มิได้ถือหุ้นหรือลงทุนในบริษัทอื่นภายหลังการลดทุนและการเพิ่มทุนโดยการออกหุ้นใหม่ตามแผนฟื้นฟูกิจการของบริษัท สัดส่วนการถือหุ้นเป็นดังนี้ (ก) เจ้าหนี้แปลงหนี้เป็นทุนเป็นจำนวนร้อยละ 10 ของหุ้นที่ออกจำหน่ายแล้วของบริษัท (ข) ผู้ลงทุนใหม่คือ บริษัท Crossventure Holding Limited และบริษัท เคทูเจ โฮลดิ้ง จำกัด จำนวนร้อยละ 80 ของหุ้นที่ออกจำหน่ายแล้วของบริษัทฯ (ร้อยละ 42.50 เป็นของ Crossventure และร้อยละ 37.50 เป็นของบริษัท เคทูเจ) และ (ค) อีกร้อยละ 10 ของหุ้นที่ออกจำหน่ายแล้วของบริษัทฯจะถือโดยผู้ถือหุ้นเดิมทั้งหมด
ทั้งนี้ ในส่วนร้อยละ 10 ซึ่งจะถือโดยผู้ถือหุ้นเดิมตามที่กล่าวข้างต้น คุณคีรี กาญจนพาสน์ จะถือหุ้นจำนวนร้อยละ 0.75 ซึ่งเมื่อรวมกับหุ้นที่บริษัท เคทูเจ โฮลดิ้ง จำกัด ถือจำนวน 37.50 ก็จะเป็นจำนวนหุ้นที่ถือโดยกลุ่ม คุณคีรี กาญจนพาสน์ เท่ากับร้อยละ 38.25 ของหุ้นที่ออกจำหน่ายแล้ว ของบริษัทฯ ซึ่งได้รับการผ่อนผันไม่ต้องทำการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์(tender offer) จากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ตามจดหมายที่ กลต. ก.2194/2549
ส่วนในกรณีที่มีหุ้นบางส่วนขายให้กับบริษัทกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิม นั้น สืบเนื่องมาจากการที่บริษัทฯเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการตั้งแต่ปี 2545 จนศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งเห็นชอบกับแผนฟื้นฟูกิจการ เมื่อเดือนพฤษภาคม 2548 ซึ่งเป็นระยะเวลาที่นาน ทำให้นักลงทุนที่บริษัทฯได้ติดต่อเจรจาไว้หลายรายไม่แน่ใจในการลงทุนในบริษัทฯ ประกอบกับจำนวนเงินที่ต้องใช้ในการลงทุนเป็นจำนวนเงินที่สูงมากถึง 2,000 ล้านบาท บริษัทฯจึงไม่สามารถสรรหานักลงทุนใหม่ได้ครบตามจำนวนที่ต้องการ บริษัทกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมจึงต้องช่วยลงทุนเพิ่มเติมในส่วนที่ขาด เพื่อให้แผนฟื้นฟูกิจการของบริษัทฯดำเนินไปได้ด้วยดีเพื่อผลประโยชน์ของเจ้าหนี้และผู้ถือหุ้นรายย่อยอีกด้วย
ทั้งนี้ หลักเกณฑ์ในการกำหนดราคาขายหุ้นที่ 0.50 บาท นั้น ในแผนฟื้นฟูกิจการมิได้กำหนดราคาขายไว้ เพียงแต่กำหนดไว้ในแผนว่าการกำหนดราคาหุ้นที่ขายและการจัดสรรหุ้น ให้กับผู้ร่วมทุนใหม่แต่ละราย ให้ผู้บริหารแผนเป็นผู้พิจารณากำหนดตามความเหมาะสมในการร่วมทุนของผู้ร่วมทุนใหม่ แต่ทั้งนี้กระแสเงินสดจากการเพิ่มทุนดังกล่าวต้องมีเพียงพอจะชำระหนี้ได้ตามเงื่อนไขที่กล่าวข้างต้นซึ่งจำนวนเงินสดที่ต้องใช้ในการชำระเงินให้กับเจ้าหนี้ซึ่งเป็นกลุ่มเจ้าหนี้ที่จะต้องชำระเงินภายใน 60 วัน นับจากวันที่เพิ่มทุน จำนวนรวมประมาณ 2,100 ล้านบาท
ดังนั้น เมื่อเทียบจำนวนหุ้นเพิ่มทุนที่ต้องออกตามแผน จำนวน 4,266,666,667 หุ้น กับจำนวนเงินที่ต้องใช้ประมาณ 2,100 ล้านบาท ผู้บริหารแผนจึงกำหนดราคาขายหุ้นเพิ่มทุนใหม่ที่ราคา หุ้นละ 0.50 บาท