ในช่วงเวลาที่ผ่านมา เราคนไทยอาจอยู่ในความกังวล เป็นห่วงว่าทิศทางบ้านเมืองจะไปทางไหน ? เราจะหลีกพ้นความแตกแยกถึงขั้นความรุนแรงหรือไม่ ? เราจะได้ความชอบธรรมควบคู่กับความรักความสามัคคีหรือไม่ ?
ผมจึงได้ทำวีดีทัศน์ “ภาพยนตร์ดีๆมีบทเรียน” ชุดที่ 5 เรื่อง “ความหวัง” ขึ้น เพื่อจุดประกายความหวัง เป็นกำลังใจให้ทุกท่าน และขอเชิญชวนทุกท่านที่สนใจ ส่งความเห็นหรือบทความสั้นๆเรื่อง “ความหวัง” มาที่ montree4life@yahoo.com เราจะได้ติดต่อกลับไปเพื่อนัดรับวีดีทัศน์ดังกล่าวฟรีครับ
นอกจากภาพยนตร์เรื่อง แพทช์อาดัม และ เดอะเฮอริเคนแล้ว เรายังได้มีการนำเสนอเรื่อง “พลังแห่งความหวัง” เป็นเรื่องของเทียน 4 เล่ม ทำนองนี้ครับ
เทียน 4 เล่ม กำลังมอดไหม้อย่างช้า ๆ บรรยากาศรอบข้างเงียบสงบ จนได้ยินเสียงเทียนทั้ง 4 เล่มคุยกัน เทียนเล่มแรกเอ่ยว่า "ฉันคือสันติสุข" "โลกเต็มไปด้วยความโกรธและการต่อสู้ มุ่งเอาชนะกันเพียงเพื่อประโยชน์ส่วนตัว ไม่มีใครปกป้องเทียนฉันไว้" แล้วเปลวเทียนสันติสุขก็ดับวูบลง
เทียนเล่มที่สองร้องว่า "ฉันคือความเชื่อ" "โลกเริ่มไม่ให้ความสำคัญกับความเชื่อในหลักคุณธรรมและความชอบธรรม บูชาเงินทองและอำนาจ เหนือความชอบธรรม ไม่มีประโยชน์ที่ฉันจะจุดสว่างอีกต่อไป" แล้วสายลมก็พัดเปลวเทียนความเชื่อให้ดับลง
เทียนเล่มที่สามพูดด้วยความเศร้าว่า "ฉันคือความรัก" "สังคมไม่สนใจความสัมพันธ์ และความรักที่มีต่อกัน ไม่รู้รักสามัคคี มีแต่คนเห็นแก่ตัว ผู้คนไม่เข้าใจความสำคัญของฉัน พวกเขาเอาฉันออกไปจากใจ แม้แต่คนใกล้ตัวที่สุด พวกเขายังลืมที่จะรัก ฉันไม่มีกำลังที่จะจุดสว่างอีกแล้ว" แล้วไม่นาน เปลวเทียนความรักก็มอดดับลง
ทันใดนั้น.....เด็กน้อยคนหนึ่งเข้ามาในห้อง เมื่อมองเห็นเทียน 3 เล่ม ดับมอดลง เธอเริ่มร้องไห้
เทียนเล่มที่ 4 บอกว่า อย่ากลัวไปเลย "ฉันคือความหวัง" "เทียนฉันยังสว่างอยู่ เราจุดเทียนเล่มอื่นขึ้นมาใหม่ได้"
แล้วเด็กน้อยก็หยิบเทียนแห่งความหวัง จุดเทียนเล่มอื่น ๆ ให้สว่างขึ้นมาใหม่ เปลวเทียนความหวังไม่เคยไปจากชีวิตของเรา และด้วยความหวังนี่เอง ทำให้ชีวิตเรามีสันติสุข ความเชื่อ และความรัก
สันติสุข คือ ความรู้รักสามัคคี ความสมานฉันท์ การยอมรับความแตกต่าง โดยไม่แตกแยก
ความเชื่อ คือ ความยึดมั่นในหลักแห่งคุณธรรม ความชอบธรรม จริยธรรม หลักประชาธิปไตยที่โปร่งใส ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องครบด้าน องค์กรอิสระเป็นอิสระ องค์กรยุติธรรมตั้งอยู่ในหลักความถูกต้องยุติธรรม แม้จะยังไม่เห็น แต่เราเชื่อว่าจะเป็นจริงได้
ความรัก คือ ความรักส่วนรวม รักชาติรักแผ่นดิน และรักกันและกัน มองประโยชน์ส่วนรวมนอกเหนือจากประโยชน์ส่วนตน
ตราบเท่าที่เรายังรักษาความหวัง ยืนหยัดในความชอบธรรม ผมมีหลักการอยู่ว่า “ท่ามกลางความสับสน ดูเหมือนมีแต่ความมืดมน ให้มองไปที่สูง มองไปที่ความสว่าง แม้จะเป็นลำแสงน้อยนิด ด้วยความหวัง เราจะยังพอรักษาความสุขใจและกำลังใจของเราไว้ได้ และเมื่อถึงเวลา ปาฏิหาริย์แห่งความชอบธรรมก็เกิดขึ้นได้
การยึดอำนาจรัฐในบ้านเราดูจะสร้างความแปลกใจให้กับชาวโลก จากบรรยากาศที่กังวลว่าจะมีความแตกแยกรุนแรง กลับมีบรรยากาศของความรักความสามัคคีคืนมา จากความรู้สึกมืดมนถึงความขาดความโปร่งใสชอบธรรมทางการเมือง ขาดการรับรู้ข้อมูลข่าวสารให้ครบด้านโดยถ้วนหน้า รู้สึกอยู่ใต้ระบอบเผด็จการในคราบประชาธิปไตย แล้วเราก็เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ มีความหวังกับการปฏิรูปการเมืองอีกขั้นเพื่อระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เพื่อประโยชน์สุขของปวงชนชาวไทยทั้งชาติ หากทุกอย่างเป็นไปตามเป้าประสงค์อันบริสุทธิ์นี้ บ้านเมืองเราก็รอดแล้ว และจะนำไปสู่ความมั่นคงและความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนได้ต่อไปครับ
และเพื่อสร้างความหวังแก่ผู้ป่วยและญาติมิตรผู้ป่วย กระทรวงสาธารณสุข โดยกรมการแพทย์ ร่วมกับชมรมชีวันตารักษ์ ได้จัดประชุมวิชาการ วันชีวันตารักษ์โลก เพื่อตอบคำถามว่า “ดูแลชีวิตอย่างไร เมื่อหัวใจ (จิตใจ) เป็นมะเร็ง” ในวันที่ 7-8 ต.ค. นี้ ณ โรงพยาบาลสงฆ์ ถ.ศรีอยุธยา เขตราชเทวี ผมจะไปบรรยายหัวข้อ “ความรักที่ไม่มีเงื่อนไข และความสุขที่แท้จริง” ในวันที่ 8 เวลา 13.30-15.00 น. ดำเนินรายการโดย น.พ. ชูเสกข์ ศรไพศาล
สังคมจะดีกว่า ถ้าทุกคนช่วยกันสร้างและรักษาความหวังครับ
มนตรี ศรไพศาล (montree4life@yahoo.com)