อสังหาฯ เมืองพัทยาบูมกำลังกลายเป็นทำเลทอง หลังผู้ประกอบการคาดหวังผลสนามบินสุวรรณภูมิเปิดใช้ ส่งผลราคาที่ดินถูกปั่นขึ้นไปเกือบ 3 เท่าตัวในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ล่าสุดเจ้าของร้านอาหารจีน "ซั่งไห่เสี่ยวหลงเปา" ผุดบ้านหรู "บ้านทะเล" พัทยา บนเนื้อที่ 53 ไร่ ริมหาดจอมเทียน เคาะราคาขาย 14-120 ล้านบาท มูลค่าโครงการกว่า 1,400 ล้านบาท เน้นจับกลุ่มลูกค้าเศรษฐีคนไทย-ต่างชาติ
นายอรัญ เอี่ยมสุรีย์ ประธาน บริษัท เออีเอช จำกัด ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในพัทยา จังหวัดชลบุรี เปิดเผยว่า สำหรับสถานการณ์การแข่งขันของตลาดอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะบ้านระดับไฮเอ็นด์ในเมืองพัทยา ยังไม่ถือว่ารุนแรงมากนัก เนื่องจากที่ดินที่มีความเหมาะสมที่จะนำมาพัฒนานั้นหาได้ยาก ส่งผลให้ราคาที่ดินในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาปรับราคาเพิ่มขึ้นถึง 3 เท่า ซึ่งผู้ประกอบการที่เข้ามาในตลาดนี้ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ประกอบการที่มาจากส่วนกลางหรือในกรุงเทพมหานครทั้งสิ้น
อย่างไรก็ตาม สาเหตุที่ทำให้การพัฒนาโครงการในเมืองพัทยาขยายตัวเพิ่มสูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมาเป็นเพราะ ได้รับอานิสงส์จากเหตุการณ์สึนามิเมื่อปลายปี 2547 ทำให้นักท่องเที่ยวหันมาเที่ยวชายฝั่งทะเลตะวันออกมากขึ้น รวมทั้งการเปิดใช้สนามบินสุวรรณภูมิในวันที่ 28 กันยายนที่จะถึงนี้
"ผมยืนยันได้เลยว่า ตอนนี้ในแง่การลงทุนพัฒนาโครงการจัดสรรในเมืองพัทยาอยู่ในช่วงที่เรียกว่าโตสูงมาก(พีค) สังเกตได้จาก ไลฟ์สไตล์ มอลล์และโครงการจัดสรรที่เกิดขึ้นแล้วและกำลังจะเกิดในอนาคตอันใกล้นี้ มีจำนวนมากขึ้น"
ล่าสุด บริษัทได้เปิดตัวโครงการใหม่ ภายใต้ชื่อ "บ้านทะเล-พัทยา" ริมหาดนาจอมเทียนเมืองพัทยา อยู่ใกล้กับโรงแรมซันเซ็ท-พัทยา และศูนย์ฝึกอบรมธนาคารไทยพาณิชย์ บนเนื้อที่ 53 ไร่ จำนวน 68 แปลง ขนาดพื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 373.22-750 ตารางเมตร เป็นบ้านไสตล์ทรอปิคอลมีให้เลือก 6 แบบ โดยบริษัทได้วางรูปแบบการขายออกเป็น 2 แบบ คือ ขายบ้านพร้อมที่ดิน ราคาขายเริ่มต้นที่ 14-120 ล้านบาท และตัดขายเฉพาะที่ดินเปล่าจำนวน 11 แปลง ราคาขายเริ่มต้นที่ 6 ล้านบาทขึ้นไป เน้นจับกลุ่มลูกค้าชาวไทยเป็นหลักในสัดส่วน 70% และชาวต่างชาติ 30% บริหารงานขายโดยบริษัท ซีบีริชาร์ด เอลลิส (ประเทศไทย) จำกัด
ทั้งนี้ บริษัทได้ซื้อที่ดินแปลงดังกล่าวมาเมื่อ 3 ปีก่อนในราคาประมาณ 200 ล้านบาท เพราะเห็นถึงศักยภาพในทำเลที่ตั้งโครงการที่มีความเหมาะสมในการนำมาพัฒนาบ้านระดับไฮเอ็นด์ เนื่องจากลักษณะของที่ดินที่เป็น สโลปลดหลั่นลงไปจนถึงหน้าหาดที่อยู่ด้านล่าง ทำให้บ้านทุกหลังมองเห็นทะเลได้ทั้งหมด ประกอบกับที่ดินติดริมหาดในพัทยาหายากมาก นอกจากนี้ที่ดินแปลงดังกล่าวยังมีหน้ากว้างติดหาดถึง 140 เมตร
ภายในโครงการบ้านทะเลจะเน้นสังคมที่เป็นส่วนตัวสูง เพียบพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน อาทิ คลับเฮ้าส์ขนาดใหญ่มีพื้นที่ประมาณ 2,000 ตารางเมตร มูลค่าก่อสร้างกว่า 150 ล้านบาท พร้อมระบบรักษาความปลอดภัยที่ได้มาตรฐาน ตลอด 24 ชั่วโมงเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าภายในโครงการ
นายอรัญ กล่าวต่อว่า หลังเปิดพรีเซลมาได้ระยะหนึ่ง ก็ได้รับการความสนใจจากลูกค้าทั้งชาวไทยและต่างชาติจำนวนมาก และสามารถขายบ้านและที่ดินภายในโครงการได้แล้วประมาณ 10 กว่ายูนิต ซึ่งปลายเดือนตุลาคมนี้บริษัทมีแผนที่จะเปิดอย่างเป็นทางการ (Grand Opening) พร้อมกับเปิดตัวบ้านตัวอย่างหลังแรกราคายูนิตละ 120 ล้านบาทไปพร้อมกัน คาดว่าจะสามารถปิดการขายได้ในปลายปี 2550
นอกจากนี้ บริษัทได้เตรียมงบประมาณ 40 ล้านบาท สำหรับจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาด และโฆษณาประชาสัมพันธ์โครงการให้กลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้รู้จักในวงกว้าง อาทิ กลุ่มนักธุรกิจ , เจ้าของกิจการ และผู้บริหารระดับสูง รวมทั้งผู้ที่กำลังมองหาบ้านพักตากอากาศในเมืองท่องเที่ยวอีกด้วย
สำหรับนโยบายของบริษัทจากนี้ไป นายอรัญ กล่าวว่า บริษัทจะให้ความสำคัญทีจะลงทุนในทำเลโซนตะวันออกต่อไป โดยจะเน้นการพัฒนาโครงการที่เป็นแนวราบระดับกลาง-บนเป็นหลัก เนื่องจากมีประการณ์และความเชี่ยวชาญมากกว่าโครงการในแนวสูง และยังสนใจที่จะลงทุนพัฒนาโครงการประเภททาวน์เฮาส์และบ้านระดับกลางในอนาคตอีกด้วย
ก่อนหน้านี้ นายอรัญฯ เคยพัฒนาที่ดินของครอบครัวเนื้อที่ประมาณ 1,000 ไร่ ภายใต้ชื่อโครงการ "เดอะ ลากูน" ในอำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี รูปแบบการพัฒนาทั้งจัดสรรที่ดินเปล่าและขายบ้านพร้อมที่ดิน หลังจากนั้นได้พัฒนาโครงการ "อาสา เฮ้าส์" รูปแบบเป็นบ้านบีโอไอ ราคาขายเฉลี่ย 5 แสนบาทต่อยูนิต ภายใต้ชื่อ บริษัท เออีเอช จำกัด
หลังจากนั้นในช่วงวิกฤติเศรษฐกิจ อสังหาฯในกรุงเทพฯซบเซามาก บริษัทได้หันมาพัฒนาโครงการจัดสรรในโซนตะวันออก โดยซื้อที่ดิน 1 แปลง เนื้อที่ 200 ไร่ พัฒนาโครงการบ้านเนินน้ำ ติดอ่างเก็บน้ำห้วยขุนกิจ จำนวน 436 ยูนิต ปัจจุบันมียอดขายแล้ว 80 % จึงได้หาซื้อที่ดินมาพัฒนาและมาพัฒนาโครงการบ้านทะเล-พัทยาดังกล่าว
นอกจากนี้นายอรัญ ยังเป็นผู้บริหารและเจ้าของร้านอาหารจีน "ซั่งไห่ เสี่ยวหลงเปา" มีสาขาในกรุงเทพไม่ต่ำกว่า 10 สาขา และกำลังจะขยายสาขาเพิ่มอีก 2 แห่งที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิร์ล และเซ็นทรัล บางนา
นายอรัญ เอี่ยมสุรีย์ ประธาน บริษัท เออีเอช จำกัด ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในพัทยา จังหวัดชลบุรี เปิดเผยว่า สำหรับสถานการณ์การแข่งขันของตลาดอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะบ้านระดับไฮเอ็นด์ในเมืองพัทยา ยังไม่ถือว่ารุนแรงมากนัก เนื่องจากที่ดินที่มีความเหมาะสมที่จะนำมาพัฒนานั้นหาได้ยาก ส่งผลให้ราคาที่ดินในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาปรับราคาเพิ่มขึ้นถึง 3 เท่า ซึ่งผู้ประกอบการที่เข้ามาในตลาดนี้ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ประกอบการที่มาจากส่วนกลางหรือในกรุงเทพมหานครทั้งสิ้น
อย่างไรก็ตาม สาเหตุที่ทำให้การพัฒนาโครงการในเมืองพัทยาขยายตัวเพิ่มสูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมาเป็นเพราะ ได้รับอานิสงส์จากเหตุการณ์สึนามิเมื่อปลายปี 2547 ทำให้นักท่องเที่ยวหันมาเที่ยวชายฝั่งทะเลตะวันออกมากขึ้น รวมทั้งการเปิดใช้สนามบินสุวรรณภูมิในวันที่ 28 กันยายนที่จะถึงนี้
"ผมยืนยันได้เลยว่า ตอนนี้ในแง่การลงทุนพัฒนาโครงการจัดสรรในเมืองพัทยาอยู่ในช่วงที่เรียกว่าโตสูงมาก(พีค) สังเกตได้จาก ไลฟ์สไตล์ มอลล์และโครงการจัดสรรที่เกิดขึ้นแล้วและกำลังจะเกิดในอนาคตอันใกล้นี้ มีจำนวนมากขึ้น"
ล่าสุด บริษัทได้เปิดตัวโครงการใหม่ ภายใต้ชื่อ "บ้านทะเล-พัทยา" ริมหาดนาจอมเทียนเมืองพัทยา อยู่ใกล้กับโรงแรมซันเซ็ท-พัทยา และศูนย์ฝึกอบรมธนาคารไทยพาณิชย์ บนเนื้อที่ 53 ไร่ จำนวน 68 แปลง ขนาดพื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 373.22-750 ตารางเมตร เป็นบ้านไสตล์ทรอปิคอลมีให้เลือก 6 แบบ โดยบริษัทได้วางรูปแบบการขายออกเป็น 2 แบบ คือ ขายบ้านพร้อมที่ดิน ราคาขายเริ่มต้นที่ 14-120 ล้านบาท และตัดขายเฉพาะที่ดินเปล่าจำนวน 11 แปลง ราคาขายเริ่มต้นที่ 6 ล้านบาทขึ้นไป เน้นจับกลุ่มลูกค้าชาวไทยเป็นหลักในสัดส่วน 70% และชาวต่างชาติ 30% บริหารงานขายโดยบริษัท ซีบีริชาร์ด เอลลิส (ประเทศไทย) จำกัด
ทั้งนี้ บริษัทได้ซื้อที่ดินแปลงดังกล่าวมาเมื่อ 3 ปีก่อนในราคาประมาณ 200 ล้านบาท เพราะเห็นถึงศักยภาพในทำเลที่ตั้งโครงการที่มีความเหมาะสมในการนำมาพัฒนาบ้านระดับไฮเอ็นด์ เนื่องจากลักษณะของที่ดินที่เป็น สโลปลดหลั่นลงไปจนถึงหน้าหาดที่อยู่ด้านล่าง ทำให้บ้านทุกหลังมองเห็นทะเลได้ทั้งหมด ประกอบกับที่ดินติดริมหาดในพัทยาหายากมาก นอกจากนี้ที่ดินแปลงดังกล่าวยังมีหน้ากว้างติดหาดถึง 140 เมตร
ภายในโครงการบ้านทะเลจะเน้นสังคมที่เป็นส่วนตัวสูง เพียบพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน อาทิ คลับเฮ้าส์ขนาดใหญ่มีพื้นที่ประมาณ 2,000 ตารางเมตร มูลค่าก่อสร้างกว่า 150 ล้านบาท พร้อมระบบรักษาความปลอดภัยที่ได้มาตรฐาน ตลอด 24 ชั่วโมงเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าภายในโครงการ
นายอรัญ กล่าวต่อว่า หลังเปิดพรีเซลมาได้ระยะหนึ่ง ก็ได้รับการความสนใจจากลูกค้าทั้งชาวไทยและต่างชาติจำนวนมาก และสามารถขายบ้านและที่ดินภายในโครงการได้แล้วประมาณ 10 กว่ายูนิต ซึ่งปลายเดือนตุลาคมนี้บริษัทมีแผนที่จะเปิดอย่างเป็นทางการ (Grand Opening) พร้อมกับเปิดตัวบ้านตัวอย่างหลังแรกราคายูนิตละ 120 ล้านบาทไปพร้อมกัน คาดว่าจะสามารถปิดการขายได้ในปลายปี 2550
นอกจากนี้ บริษัทได้เตรียมงบประมาณ 40 ล้านบาท สำหรับจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาด และโฆษณาประชาสัมพันธ์โครงการให้กลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้รู้จักในวงกว้าง อาทิ กลุ่มนักธุรกิจ , เจ้าของกิจการ และผู้บริหารระดับสูง รวมทั้งผู้ที่กำลังมองหาบ้านพักตากอากาศในเมืองท่องเที่ยวอีกด้วย
สำหรับนโยบายของบริษัทจากนี้ไป นายอรัญ กล่าวว่า บริษัทจะให้ความสำคัญทีจะลงทุนในทำเลโซนตะวันออกต่อไป โดยจะเน้นการพัฒนาโครงการที่เป็นแนวราบระดับกลาง-บนเป็นหลัก เนื่องจากมีประการณ์และความเชี่ยวชาญมากกว่าโครงการในแนวสูง และยังสนใจที่จะลงทุนพัฒนาโครงการประเภททาวน์เฮาส์และบ้านระดับกลางในอนาคตอีกด้วย
ก่อนหน้านี้ นายอรัญฯ เคยพัฒนาที่ดินของครอบครัวเนื้อที่ประมาณ 1,000 ไร่ ภายใต้ชื่อโครงการ "เดอะ ลากูน" ในอำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี รูปแบบการพัฒนาทั้งจัดสรรที่ดินเปล่าและขายบ้านพร้อมที่ดิน หลังจากนั้นได้พัฒนาโครงการ "อาสา เฮ้าส์" รูปแบบเป็นบ้านบีโอไอ ราคาขายเฉลี่ย 5 แสนบาทต่อยูนิต ภายใต้ชื่อ บริษัท เออีเอช จำกัด
หลังจากนั้นในช่วงวิกฤติเศรษฐกิจ อสังหาฯในกรุงเทพฯซบเซามาก บริษัทได้หันมาพัฒนาโครงการจัดสรรในโซนตะวันออก โดยซื้อที่ดิน 1 แปลง เนื้อที่ 200 ไร่ พัฒนาโครงการบ้านเนินน้ำ ติดอ่างเก็บน้ำห้วยขุนกิจ จำนวน 436 ยูนิต ปัจจุบันมียอดขายแล้ว 80 % จึงได้หาซื้อที่ดินมาพัฒนาและมาพัฒนาโครงการบ้านทะเล-พัทยาดังกล่าว
นอกจากนี้นายอรัญ ยังเป็นผู้บริหารและเจ้าของร้านอาหารจีน "ซั่งไห่ เสี่ยวหลงเปา" มีสาขาในกรุงเทพไม่ต่ำกว่า 10 สาขา และกำลังจะขยายสาขาเพิ่มอีก 2 แห่งที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิร์ล และเซ็นทรัล บางนา