"ทนง พิทยะ" เห็นชอบให้แบงก์กรุงศรีฯ ขายหุ้นให้จีอีฯ แล้ว หลังมั่นใจอยู่ในอำนาจของ รมว.คลัง ไม่ต้องส่งให้ ครม.พิจารณา มั่นใจยังมีสถานะเป็นธนาคารไทย แต่จะมีความแข็งแรงมากขึ้น ด้านผู้บริหารแบงก์กรุงศรีฯ เตรียมกำหนดวันแถลงรายละเอียดการขายหุ้นเร็วๆ นี้
นายทนง พิทยะ รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้ลงนามเห็นชอบกรณีที่ธนาคารกรุงศรีอยุธยาได้ขายหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 1,000 ล้านหุ้นให้กับบริษัท จีอี แคปปิตอล เอเชียแปซิฟิก เรียบร้อยแล้ว หลังจากที่ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ปลัดกระทรวงการคลังและนายชัยวัฒน์ วิบูลย์สวัสดิ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้พิจารณารายละเอียดในแง่ของกฎหมาย ซึ่งยืนยันว่าไม่มีอะไรผิดกฎหมาย โดยเฉพาะ พ.ร.บ.การธนาคารพาณิชย์ มาตรา 5 ทวิ และถือเป็นอำนาจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังที่จะลงนามอนุญาต ซึ่งไม่ต้องส่งให้คณะรัฐมนตรีเห็นชอบแต่อย่างใด ทั้งนี้ เมื่อธนาคารกรุงศรีอยุธยาได้ขายหุ้นให้กับบริษัทจีอีแล้ว จะทำให้ธนาคารมีความเข้มแข็งมากขึ้นและยังคงสถานะเป็นธนาคารพาณิชย์ของไทย ซึ่งเชื่อว่าธนาคารกรุงศรีอยุธยาไม่ได้ขายหุ้น เพราะไม่สามารถเพิ่มทุนได้ แต่ต้องการมีพันธมิตรเข้ามาช่วยพัฒนาให้ธนาคารกรุงศรีอยุธยาเข้มแข็งมากขึ้นเท่านั้น โดยจีอีฯ จะถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 25 เศษเท่านั้น และเมื่อรวมกับต่างชาติรายอื่นแล้วก็มีสัดส่วนไม่เกินร้อยละ 49 ซึ่งไม่ได้ผิดกฎหมายการธนาคารพาณิชย์แต่อย่างใด
ขณะที่นางชาลอต โทณวณิก ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด(มหาชน) กล่าวภายหลังที่กระทรวงการคลังอนุมัติให้จีอีฯ เข้าถือหุ้นในธนาคารว่า ขั้นตอนต่อไปธนาคารก็จะหารือกับผู้บริหารของจีอีฯ เพื่อกำหนดวันแถลงข่าวการเข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุนดังกล่าว ซึ่งขณะนี้ผู้บริหารของจีอีฯ ได้บินกลับไปแล้ว ดังนั้น จึงยังไม่สามารถกำหนดวันแถลงข่าวได้ แต่ธนาคารก็จะทำให้เร็วที่สุด
นายทนง พิทยะ รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้ลงนามเห็นชอบกรณีที่ธนาคารกรุงศรีอยุธยาได้ขายหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 1,000 ล้านหุ้นให้กับบริษัท จีอี แคปปิตอล เอเชียแปซิฟิก เรียบร้อยแล้ว หลังจากที่ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ปลัดกระทรวงการคลังและนายชัยวัฒน์ วิบูลย์สวัสดิ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้พิจารณารายละเอียดในแง่ของกฎหมาย ซึ่งยืนยันว่าไม่มีอะไรผิดกฎหมาย โดยเฉพาะ พ.ร.บ.การธนาคารพาณิชย์ มาตรา 5 ทวิ และถือเป็นอำนาจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังที่จะลงนามอนุญาต ซึ่งไม่ต้องส่งให้คณะรัฐมนตรีเห็นชอบแต่อย่างใด ทั้งนี้ เมื่อธนาคารกรุงศรีอยุธยาได้ขายหุ้นให้กับบริษัทจีอีแล้ว จะทำให้ธนาคารมีความเข้มแข็งมากขึ้นและยังคงสถานะเป็นธนาคารพาณิชย์ของไทย ซึ่งเชื่อว่าธนาคารกรุงศรีอยุธยาไม่ได้ขายหุ้น เพราะไม่สามารถเพิ่มทุนได้ แต่ต้องการมีพันธมิตรเข้ามาช่วยพัฒนาให้ธนาคารกรุงศรีอยุธยาเข้มแข็งมากขึ้นเท่านั้น โดยจีอีฯ จะถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 25 เศษเท่านั้น และเมื่อรวมกับต่างชาติรายอื่นแล้วก็มีสัดส่วนไม่เกินร้อยละ 49 ซึ่งไม่ได้ผิดกฎหมายการธนาคารพาณิชย์แต่อย่างใด
ขณะที่นางชาลอต โทณวณิก ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด(มหาชน) กล่าวภายหลังที่กระทรวงการคลังอนุมัติให้จีอีฯ เข้าถือหุ้นในธนาคารว่า ขั้นตอนต่อไปธนาคารก็จะหารือกับผู้บริหารของจีอีฯ เพื่อกำหนดวันแถลงข่าวการเข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุนดังกล่าว ซึ่งขณะนี้ผู้บริหารของจีอีฯ ได้บินกลับไปแล้ว ดังนั้น จึงยังไม่สามารถกำหนดวันแถลงข่าวได้ แต่ธนาคารก็จะทำให้เร็วที่สุด