ผู้บริหารธนาคารธนชาตเจ้าตลาดสินเชื่อเช่าซื้อ เผยแม้ดอกเบี้ยปรับขึ้นแต่ประชาชนยังคงใช้บริการเช่าซื้อรถยนต์ใหม่สูง ส่งผลให้ยอดสินเชื่อครึ่งปีเติบโตร้อยละ 51 คาดครึ่งปีหลังโตใกล้เคียงกัน เพราะการเมืองเริ่มชัดเจนจะทำให้ประชาชนเชื่อมั่นมากขึ้น
นายบัณฑิต ชีวะธนรักษ์ กรรมการรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ที่ผ่านมาแม้อยู่ในบรรยากาศอัตราดอกเบี้ยปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง แต่ประชาชนยังคงไม่หวั่นไหวที่จะขอใช้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ ทำให้ยอดสินเชื่อของธนาคารธนชาติเติบโตกว่าร้อยละ 51 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2549 เพราะถึงแม้อัตราดอกเบี้ยจะปรับขึ้นแต่ก็ยังไม่ถึงร้อยละ 1 ทำให้ภาระของผู้กู้เพิ่มขึ้นประมาณ 200-300 บาทต่อเดือนเท่านั้น
การที่ตัวเลขสินเชื่อของธนาคารธนชาตเติบโตค่อนข้างมากเป็นเพราะว่าได้เตรียมความพร้อมรับมือกับสถานการณ์การแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้น เพราะมีผู้ให้บริการรายใหม่ ๆ เพิ่มขึ้น ทั้งที่เป็นธนาคารและบริษัทรถยนต์ต่าง ๆ รวมถึงปัญหาราคาน้ำมันแพง การปรับตัวของอัตราดอกเบี้ย และค่าเงินบาทที่ไม่นิ่ง โดยได้เร่งพัฒนาความสัมพันธ์กับดีลเลอร์รถมือหนึ่ง และเต็นท์รถมือสอง การบริการหลังการขาย และการขยายสาขาของธนาคารเพิ่มเป็น 106 สาขาทั่วประเทศ ทำให้ประชาชนเข้าถึงธนาคารได้มากขึ้น ขณะที่อัตราดอกเบี้ยก็อยู่ในระดับที่จูงใจ โดยล่าสุดธนาคารเสนออัตราดอกเบี้ยร้อยละ 3.6 อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยจะเริ่มนิ่งแล้วคาดว่าจะปรับอีกไม่เกิน 1 ครั้ง
ส่วนแนวโน้มการเติบโตในช่วงครึ่งหลัง คาดว่าจะใกล้เคียงกับครึ่งปีแรก โดยยอมรับว่าภาวะการเมืองมีผลต่อความรู้สึกของประชาชน หากมีการเลือกตั้งและมีรัฐบาลใหม่เข้ามาบริหารประเทศ เชื่อว่าสถานการณ์ต่าง ๆ จะเริ่มดีขึ้น อุตสาหกรรมรถยนต์ก็จะได้รับอานิสงส์เช่นเดียวกับอุตสาหกรรมอื่น ทั้งนี้ พอร์ตของธนาคารส่วนใหญ่ร้อยละ 82 ยังเป็นสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ใหม่ ที่เหลือเป็นส่วนเชื่อเช่าซื้อรถยนต์มือสอง ซึ่งธนาคารก็มีแผนที่จะเพิ่มสัดส่วนของรถยนต์มือสองมากขึ้นเช่นกัน
สำหรับสาเหตุที่รถยนต์มือสองมีสัดส่วนของสินเชื่อไม่มากเมื่อเทียบรถมือ 1 อาจเป็นเพราะประชาชนสามารถซื้อในราคาเงินสดได้เพราะราคาไม่สูงเกินไป ขณะที่รถยนต์มือ 1 นั้น ประชาชนส่วนใหญ่นิยมเช่าซื้อไม่ซื้อเงินสด
นายบัณฑิต ชีวะธนรักษ์ กรรมการรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ที่ผ่านมาแม้อยู่ในบรรยากาศอัตราดอกเบี้ยปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง แต่ประชาชนยังคงไม่หวั่นไหวที่จะขอใช้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ ทำให้ยอดสินเชื่อของธนาคารธนชาติเติบโตกว่าร้อยละ 51 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2549 เพราะถึงแม้อัตราดอกเบี้ยจะปรับขึ้นแต่ก็ยังไม่ถึงร้อยละ 1 ทำให้ภาระของผู้กู้เพิ่มขึ้นประมาณ 200-300 บาทต่อเดือนเท่านั้น
การที่ตัวเลขสินเชื่อของธนาคารธนชาตเติบโตค่อนข้างมากเป็นเพราะว่าได้เตรียมความพร้อมรับมือกับสถานการณ์การแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้น เพราะมีผู้ให้บริการรายใหม่ ๆ เพิ่มขึ้น ทั้งที่เป็นธนาคารและบริษัทรถยนต์ต่าง ๆ รวมถึงปัญหาราคาน้ำมันแพง การปรับตัวของอัตราดอกเบี้ย และค่าเงินบาทที่ไม่นิ่ง โดยได้เร่งพัฒนาความสัมพันธ์กับดีลเลอร์รถมือหนึ่ง และเต็นท์รถมือสอง การบริการหลังการขาย และการขยายสาขาของธนาคารเพิ่มเป็น 106 สาขาทั่วประเทศ ทำให้ประชาชนเข้าถึงธนาคารได้มากขึ้น ขณะที่อัตราดอกเบี้ยก็อยู่ในระดับที่จูงใจ โดยล่าสุดธนาคารเสนออัตราดอกเบี้ยร้อยละ 3.6 อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยจะเริ่มนิ่งแล้วคาดว่าจะปรับอีกไม่เกิน 1 ครั้ง
ส่วนแนวโน้มการเติบโตในช่วงครึ่งหลัง คาดว่าจะใกล้เคียงกับครึ่งปีแรก โดยยอมรับว่าภาวะการเมืองมีผลต่อความรู้สึกของประชาชน หากมีการเลือกตั้งและมีรัฐบาลใหม่เข้ามาบริหารประเทศ เชื่อว่าสถานการณ์ต่าง ๆ จะเริ่มดีขึ้น อุตสาหกรรมรถยนต์ก็จะได้รับอานิสงส์เช่นเดียวกับอุตสาหกรรมอื่น ทั้งนี้ พอร์ตของธนาคารส่วนใหญ่ร้อยละ 82 ยังเป็นสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ใหม่ ที่เหลือเป็นส่วนเชื่อเช่าซื้อรถยนต์มือสอง ซึ่งธนาคารก็มีแผนที่จะเพิ่มสัดส่วนของรถยนต์มือสองมากขึ้นเช่นกัน
สำหรับสาเหตุที่รถยนต์มือสองมีสัดส่วนของสินเชื่อไม่มากเมื่อเทียบรถมือ 1 อาจเป็นเพราะประชาชนสามารถซื้อในราคาเงินสดได้เพราะราคาไม่สูงเกินไป ขณะที่รถยนต์มือ 1 นั้น ประชาชนส่วนใหญ่นิยมเช่าซื้อไม่ซื้อเงินสด