วันที่ 12 สิงหาคม ที่จะถึงนี้ นับเป็นวันสำคัญยิ่งอีกวันหนึ่งในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พระคู่บารมีองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ขอพระองค์ทั้งสองทรงพระเจริญ ทรงพระเกษมสำราญ มีพระพลานามัยแข็งแรง ยิ่งยืนนาน
จึงเป็น “วันแม่แห่งชาติ” ที่มีความหมายอย่างยิ่ง ผมเชื่อในหลักการว่า “จงให้เกียรติแก่บิดามารดาของเจ้า นี่เป็นพระบัญญัติข้อแรกที่มีพระสัญญาด้วย เพื่อเจ้าจะไปดีมาดี และมีอายุยืนในแผ่นดินโลก” วันแม่จึงเป็นโอกาสที่เราจะระลึกถึงโอกาสที่เราจะให้เกียรติ และกตัญญูต่อพ่อแม่ของเรา “ทุกวัน” ตลอดไป
ผมมีแรงบันดาลใจที่ระลึกถึงการเกิดเป็นคนไทย ในผืนแผ่นดินไทย นับเป็นความโชคดีที่ได้อาศัยพระคุณแผ่นดิน จึงควรที่คนไทยทุกคน จะตระหนักในพระคุณแผ่นดิน และตอบแทนบุญคุณ “แผ่นดินแม่” ของเราโดยทั่วกัน
และในโอกาสนี้ ผมระลึกถึง พระราชเสาวนีย์ ที่ได้ทรงพระราชทานคำขวัญวันแม่แห่งชาติ ประจำปี 2549 แก่สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เพื่อจะนำไปเผยแพร่เทิดพระคุณแม่ทั่วประเทศ ความว่า
รักในหลวงพร้อมใจใส่เสื้อเหลือง
รักบ้านเมืองจงน้อมใจให้สร้างสรรค์
ใส่สีเดียวแล้วใจเดียวกลมเกลียวกัน
รักเช่นนั้นชาติของตนจึงพ้นภัย
ผมมีความประทับใจจากพระราชเสาวนีย์ “คำขวัญวันแม่แห่งชาติ ปี 2549” ดังนี้
1. รักในหลวงพร้อมใจใส่เสื้อเหลือง : ผมเองรู้สึกประทับใจ และสุขใจ เมื่อเห็นพี่น้องชาวไทยจำนวนมาก ได้แสดงความจงรักภักดี และความรักอันบริสุทธิ์ใจต่อองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เราอาจเคยได้ยินว่า “รักแท้ ไม่ต้องพูดมาก รักด้วยการกระทำ” แต่ผมเห็นว่า “การกระทำด้วยความรัก” ย่อมสำคัญยิ่ง อันแสดงถึงความจริงใจ แต่ “การพูด” และ “การแสดงออก” ถึง “ความรัก” ต่อกันก็มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ที่ทะนุบำรุงความรักให้หวานชื่นตลอดเวลา ผมเชื่อว่า
“บอกรักโดยไม่ทำ” ก็เป็นการไม่จริงใจ
“ไม่บอกรัก แม้ตั้งใจกระทำด้วยความรัก” ก็แห้งแล้งเกินไป
ผมเชื่อว่า “บอกรัก” อย่างหวานชื่น ให้ชื่นใจ และ “กระทำ” ด้วยรักอย่างจริงใจ ดีที่สุด
2. รักบ้านเมืองจงน้อมใจให้สร้างสรรค์ : ความสร้างสรรค์ คือการสร้างประโยชน์ต่อกัน ไม่มุ่งเบียดเบียนกัน ไม่เอาประโยชน์จากผู้อื่นมาเป็นของตน เราพึงเข้าใจว่า ในโลกเสรีที่สวยงาม เราหาประโยชน์ได้ จากประโยชน์ที่เรา “สร้าง” ให้กับผู้อื่น ไม่ใช่หาจากการไป “หักหาญ” ประโยชน์ มาจากผู้อื่น หรือบนภาระของผู้อื่น
3. ใส่สีเดียวแล้วใจเดียวกลมเกลียวกัน : ความงดงามของมนุษย์เรา คือ คนเราแต่ละคนมีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว เราแต่ละคนถูกสร้างมาต่างๆกัน เราทุกคนน่าภูมิใจที่มีเราเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้นในโลก เราจึงอาจมีความแตกต่างกันบ้างทางความคิด แต่ “ความแตกต่าง” ต้องไม่นำไปสู่ “ความแตกแยก” ในระบอบประชาธิปไตย ประชาชนจึงมีเสรีภาพที่จะคิดแตกต่าง แสดงข้อมูลและแลกเปลี่ยนความเห็นต่อกันได้ อย่างโปร่งใส ตรงไปตรงมา ไม่มีใครยุให้เราโกรธหรือแตกแยกกันได้แม้จะคิดต่างกันบ้าง ดังนี้แล้วประเทศชาติก็จะเจริญก้าวหน้าอย่างยั่งยืน ประชาธิปไตยเข้มแข็ง มีการถ่วงดุลอำนาจ มีการตรวจสอบที่โปร่งใสได้ โดยใจยังรักสามัคคีต่อกันเสมอ
4. รักเช่นนั้นชาติของตนจึงพ้นภัย : “ความรัก” เป็นข้อสรุปที่สำคัญยิ่ง ที่ทำให้ชาติของเราพ้นภัย ผมขอนำเอาหลักการความรักที่สำคัญยิ่งสำหรับสถานการณ์ช่วงนี้ว่า ความรักนั้นก็อดทนนาน และกระทำคุณให้ ความรักไม่อิจฉา ไม่อวดตัว ไม่หยิ่งผยอง ไม่หยาบคาย ไม่คิดเห็นแก่ตนเองฝ่ายเดียว ไม่ฉุนเฉียว ไม่ช่างจดจำความผิด ไม่ชื่นชมยินดีเมื่อประพฤติผิด แต่ชื่นชมยินดีเมื่อประพฤติชอบ หวังว่าทุกคนจะมุ่งดีต่อกันและกัน รักษาความชอบธรรม ไม่เอาเปรียบเบียดเบียนกัน แม้จะคิดแตกต่างกัน ก็แลกเปลี่ยนกัน ชี้แจงกัน ประเทศจะพ้นภัยอย่างยั่งยืนครับ
มนตรี ศรไพศาล (montree4life@yahoo.com)