คณะกรรมการบริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (บสก.) เห็นชอบให้“บรรยง วิเศษมงคลชัย” ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ บสก.ต่ออีกสมัย หลังผลงานบริหารหนี้ด้อยคุณภาพในระบบเป็นไปตามเป้าหมาย ขณะที่ “บรรยง” พร้อมสานต่อนโยบาย เดินหน้าแก้หนี้เสียเพื่อส่งกลับคืนสู่ระบบเศรษฐกิจอีกครั้ง ตั้งเป้าปีนี้รับซื้อรับโอนหนี้ด้อยคุณภาพจากสถาบันการเงินอีก 100,000 ล้านบาท
นายบรรยง วิเศษมงคลชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (บสก.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคมที่ผ่านมา คณะกรรมการ บสก. มีมติแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ต่ออีก 1 วาระ โดยมีผลตั้งแต่วันนี้ (1 ส.ค.) เป็นต้นไป ซึ่งตนและทีมผู้บริหารจะสานต่อนโยบายที่วางไว้ โดย บสก. จะมุ่งสู่การเป็นองค์กรที่เป็นเครื่องมือสำคัญของรัฐในการบริหารจัดการสินทรัพย์ด้อยคุณภาพในระบบเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งในปีนี้ บสก.ตั้งเป้ารับซื้อรับโอนหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) และสินทรัพย์รอการขาย (เอ็นพีเอ) จากสถาบันการเงินจำนวน 100,000 ล้านบาท
นายบรรยง กล่าวว่า บสก. มีความพร้อมที่จะรองรับการบริหารจัดการสินทรัพย์ด้อยคุณภาพทั้งที่มีอยู่แล้ว และที่จะรับซื้อเพิ่มเติมในอนาคตได้อย่างเต็มที่ โดยขณะนี้ บสก. มีบุคลากรทั้งหมดจำนวน 1,300 คน ที่มีความเชี่ยวชาญบริหารจัดการหนี้ด้อยคุณภาพทั้งรายเล็กและรายใหญ่ได้อย่างครบวงจร ขณะเดียวกัน บสก. มีสำนักงานต่างจังหวัดถึง 24 แห่ง ที่ครอบคลุมทั่วทุกภาคของประเทศ ถือเป็นเครือข่ายสำคัญ ซึ่งเป็นศูนย์กลางในการให้บริการลูกค้าทั้งด้านปรับโครงสร้างหนี้และการจำหน่ายอสังหาริมทรัพย์ได้เป็นอย่างดี
สำหรับกลยุทธ์ในการบริหารจัดการสินทรัพย์ด้อยคุณภาพที่อยู่ในความดูแล ยังคงเน้นการปรับโครงสร้างหนี้ โดยใช้แนวทางการประนอมหนี้บนพื้นฐานความร่วมมือกันระหว่าง บสก. และลูกหนี้เพื่อให้ได้ข้อยุติโดยเร็ว รวมทั้งใช้มาตรการเพื่อสร้างแรงจูงใจให้ลูกหนี้ในช่วงที่ผ่านมา โดยเปิดโครงการคืนทรัพย์ให้คุณ เพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้ลูกหนี้นำทรัพย์หลักประกันกลับคืนไปสามารถเข้ามาชำระหนี้ภายใต้เงื่อนไขพิเศษของ บสก. ซึ่ง ณ วันที่ 30 มิถุนายนที่ผ่านมา มีลูกหนี้เข้าร่วมโครงการทั้งสิ้น 461 ราย คิดเป็นเงิน 336 ล้านบาท นอกจากนี้ ในด้านการบริหารจัดการเอ็นพีเอนั้น บสก. มีทีมวิเคราะห์การใช้ประโยชน์ทรัพย์โดยละเอียด หากทรัพย์รายการใดมีศักยภาพที่สามารถปรับปรุงให้มีมูลค่าเพิ่มได้ ก็จะเข้าพัฒนาให้เป็น “บ้านพร้อมอยู่ ที่ดินพร้อมใช้” หรือทรัพย์บางรายการก็อาจพัฒนาจนได้มาตรฐานของ บสก. ทำให้เอ็นพีเอเป็นที่ต้องการของตลาดมากขึ้น ขณะเดียวกันได้มีการวางแผนโฆษณาประชาสัมพันธ์ส่งเสริมการขายทรัพย์อย่างต่อเนื่อง ทั้งในรูปการจัดแคมเปญและโปรโมชั่นพิเศษ ตลอดจนการเข้าร่วมออกบูธในงานมหกรรมอสังหาริมทรัพย์ต่าง ๆ ทั่วประเทศ
ด้านทรัพย์สินของ บสก. ณ เดือนมิถุนายน 2549 มีเอ็นพีแอลทั้งสิ้น 220,000 ล้านบาท และมีเอ็นพีเอจำนวน 11,986 รายการ คิดเป็นมูลค่า 38,721 ล้านบาท ซึ่งเป็นที่ดินเปล่า 24,594 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 63.52 ของเอ็นพีเอทั้งหมด โดย บสก. มีผลเรียกเก็บเป็นเงินสดจากการบริหารจัดการสินทรัพย์ด้อยคุณภาพคิดเป็นเงิน 51,662 ล้านบาท และมีอัตราผลตอบแทนจากการดำเนินงานต่อทุนรับซื้อร้อยละ 175.74 นอกจากนี้ ณ เดือนกรกฎาคม 2549 บสก. สามารถคืนหนี้จากการลดทุนให้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินเป็นจำนวนเงิน 40,582 ล้านบาท จากเงินลดทุนที่ต้องชำระคืน 41,025 ล้านบาท คงเหลือเงินลดทุนที่ต้องชำระคืนอีกเพียง 443 ล้านบาท ซึ่งภายในเดือนกันยายนนี้ สามารถชำระกองทุนฟื้นฟูฯ ครบถ้วน ซึ่งเท่ากับว่าช่วงการบริหารที่ผ่านมา บสก.มีผลงานดีกว่าที่คาดไว้ สามารถดำเนินการเกี่ยวกับการแก้ไขหนี้ด้อยคุณภาพ จนมีผลสำเร็จ และไม่มีภาระให้กับทางการ
นายบรรยง วิเศษมงคลชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (บสก.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคมที่ผ่านมา คณะกรรมการ บสก. มีมติแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ต่ออีก 1 วาระ โดยมีผลตั้งแต่วันนี้ (1 ส.ค.) เป็นต้นไป ซึ่งตนและทีมผู้บริหารจะสานต่อนโยบายที่วางไว้ โดย บสก. จะมุ่งสู่การเป็นองค์กรที่เป็นเครื่องมือสำคัญของรัฐในการบริหารจัดการสินทรัพย์ด้อยคุณภาพในระบบเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งในปีนี้ บสก.ตั้งเป้ารับซื้อรับโอนหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) และสินทรัพย์รอการขาย (เอ็นพีเอ) จากสถาบันการเงินจำนวน 100,000 ล้านบาท
นายบรรยง กล่าวว่า บสก. มีความพร้อมที่จะรองรับการบริหารจัดการสินทรัพย์ด้อยคุณภาพทั้งที่มีอยู่แล้ว และที่จะรับซื้อเพิ่มเติมในอนาคตได้อย่างเต็มที่ โดยขณะนี้ บสก. มีบุคลากรทั้งหมดจำนวน 1,300 คน ที่มีความเชี่ยวชาญบริหารจัดการหนี้ด้อยคุณภาพทั้งรายเล็กและรายใหญ่ได้อย่างครบวงจร ขณะเดียวกัน บสก. มีสำนักงานต่างจังหวัดถึง 24 แห่ง ที่ครอบคลุมทั่วทุกภาคของประเทศ ถือเป็นเครือข่ายสำคัญ ซึ่งเป็นศูนย์กลางในการให้บริการลูกค้าทั้งด้านปรับโครงสร้างหนี้และการจำหน่ายอสังหาริมทรัพย์ได้เป็นอย่างดี
สำหรับกลยุทธ์ในการบริหารจัดการสินทรัพย์ด้อยคุณภาพที่อยู่ในความดูแล ยังคงเน้นการปรับโครงสร้างหนี้ โดยใช้แนวทางการประนอมหนี้บนพื้นฐานความร่วมมือกันระหว่าง บสก. และลูกหนี้เพื่อให้ได้ข้อยุติโดยเร็ว รวมทั้งใช้มาตรการเพื่อสร้างแรงจูงใจให้ลูกหนี้ในช่วงที่ผ่านมา โดยเปิดโครงการคืนทรัพย์ให้คุณ เพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้ลูกหนี้นำทรัพย์หลักประกันกลับคืนไปสามารถเข้ามาชำระหนี้ภายใต้เงื่อนไขพิเศษของ บสก. ซึ่ง ณ วันที่ 30 มิถุนายนที่ผ่านมา มีลูกหนี้เข้าร่วมโครงการทั้งสิ้น 461 ราย คิดเป็นเงิน 336 ล้านบาท นอกจากนี้ ในด้านการบริหารจัดการเอ็นพีเอนั้น บสก. มีทีมวิเคราะห์การใช้ประโยชน์ทรัพย์โดยละเอียด หากทรัพย์รายการใดมีศักยภาพที่สามารถปรับปรุงให้มีมูลค่าเพิ่มได้ ก็จะเข้าพัฒนาให้เป็น “บ้านพร้อมอยู่ ที่ดินพร้อมใช้” หรือทรัพย์บางรายการก็อาจพัฒนาจนได้มาตรฐานของ บสก. ทำให้เอ็นพีเอเป็นที่ต้องการของตลาดมากขึ้น ขณะเดียวกันได้มีการวางแผนโฆษณาประชาสัมพันธ์ส่งเสริมการขายทรัพย์อย่างต่อเนื่อง ทั้งในรูปการจัดแคมเปญและโปรโมชั่นพิเศษ ตลอดจนการเข้าร่วมออกบูธในงานมหกรรมอสังหาริมทรัพย์ต่าง ๆ ทั่วประเทศ
ด้านทรัพย์สินของ บสก. ณ เดือนมิถุนายน 2549 มีเอ็นพีแอลทั้งสิ้น 220,000 ล้านบาท และมีเอ็นพีเอจำนวน 11,986 รายการ คิดเป็นมูลค่า 38,721 ล้านบาท ซึ่งเป็นที่ดินเปล่า 24,594 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 63.52 ของเอ็นพีเอทั้งหมด โดย บสก. มีผลเรียกเก็บเป็นเงินสดจากการบริหารจัดการสินทรัพย์ด้อยคุณภาพคิดเป็นเงิน 51,662 ล้านบาท และมีอัตราผลตอบแทนจากการดำเนินงานต่อทุนรับซื้อร้อยละ 175.74 นอกจากนี้ ณ เดือนกรกฎาคม 2549 บสก. สามารถคืนหนี้จากการลดทุนให้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินเป็นจำนวนเงิน 40,582 ล้านบาท จากเงินลดทุนที่ต้องชำระคืน 41,025 ล้านบาท คงเหลือเงินลดทุนที่ต้องชำระคืนอีกเพียง 443 ล้านบาท ซึ่งภายในเดือนกันยายนนี้ สามารถชำระกองทุนฟื้นฟูฯ ครบถ้วน ซึ่งเท่ากับว่าช่วงการบริหารที่ผ่านมา บสก.มีผลงานดีกว่าที่คาดไว้ สามารถดำเนินการเกี่ยวกับการแก้ไขหนี้ด้อยคุณภาพ จนมีผลสำเร็จ และไม่มีภาระให้กับทางการ