xs
xsm
sm
md
lg

"ซีคอน"ระบุพิษการเมืองทำตกเป้า20% หันสร้างบ้านเอื้อฯขายกคช.เสริมรายได้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

"ซีคอน"จับมือบริษัทเอส บี ซีฯ รับเหมาก่อสร้างสัญชาติมาเลเซีย พัฒนาบ้านเอื้อฯขายการเคหะฯ มูลค่า 1,000 ล้านบาท หลังเบรกรับงานโครงการจัดสรร เหตุไม่คุ้มลงทุนแถมกำไรน้อย ส่วนปี49ตั้งเป้ารายได้100% จากงานสร้างบ้านบนที่ดินลูกค้า เผยครึ่งปีแรกยอดขาย 250ล้านบาท ระบุพิษการเมืองทำตลาดทรุด ส่งผลยอดขายตกเป้า 20% เตรียมส่งแบบบ้านใหม่ลงตลาดเพิ่ม 17 แบบ หวังดันดอยขายให้ได้ตามเป้าในครึ่งปีหลัง

นางสาวศุภิชชา ชัยพิพัฒน์ ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ซีคอน จำกัด เปิดเผยว่า ในช่วงต้นเดือนที่ผ่านมานายกอบชัย ซอโสตถิกุล กรรมการผู้จัดการ ได้ลงนามสัญญาร่วมลงทุนก่อสร้างโครงการบ้านเอื้ออาทร อำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร กับบริษัท เอส บี ซี คอร์ปอเรชั่น เบอร์หาด จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้างจากประเทศมาเลเซีย ที่มีระบบก่อสร้างสำเร็จรูป พัฒนาโครงการอาคารชุดขายให้กับ การเคหะแห่งชาติ (กคช.)โดยโครงการดังกล่าวจะก่อสร้างเป็นโครงการอาคารชุดรวม50อาคาร จำนวน 2,300 ยูนิต รวมมูลค่า1,000ล้านบาท

โดยในการก่อสร้างโครงการบ้านเอื้ออาทรนี้ บริษัทได้มีการเสนอขายโครงการแบบเบ็ดเสร็จให้แก่การเคหะฯตั้งแต่ปลายปี48 ซึ่งหลังจากดำเนินการผ่านขั้นตอนต่างๆ ตามที่กคช.กำหนดเสร็จเรียบร้อยแล้ว การเคหะฯ จึงได้เรียกให้เข้าไปเซ็นสัญญาเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา สำหรับโครงการนี้เป็นการร่วมลงทุนก่อสร้างกับบริษัทต่างชาติเป็นโครงการแรก โดยบริษัทจะใช้เทคโนโลยีการก่อสร้างแบบสำเร็จรูปของบริษัทเอส บี ซีฯ ในการก่อสร้าง สัดส่วนรายได้ที่ได้จากการขายโครงการทั้งหมดจะจัดสรรแบบ 50-50%

" แนวโน้มการรับงานโครงการในภาครัฐฯของซีคอนในปี 49 คาดว่าจะยังไม่มีการรับงานเพิ่ม เนื่องจากโครงการที่ดำเนินการก่อสร้างอยู่ค่อนข้างขนาดใหญ่ มียูนิตมาก ดังนั้นจึงต้องการก่อสร้างโครงการนี้ให้เสร็จ และส่งมอบให้เรียบร้อยก่อนจึงจะหันไปรับงานเพิ่มในส่วนของโครงการภาครัฐฯ "ผู้อำนวยการใหญ่กล่าว

นางสาวศุภิชชากล่าวว่า สำหรับสัดส่วนในการรับงานก่อสร้างบ้านปี49 นี้ บริษัทตั้งเป็นว่ามีรายได้จากการรับสร้างบ้านบนที่ดินของลูกค้าทั้ง 100% ส่วนงานรับสร้างบ้านในโครงการบ้านจัดสรรนั้นจะชะลอไว้ก่อน หลังจากสถานการณ์ราคาน้ำมัน ภาวะอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น ได้ส่งผลให้ต้นทุนในการก่อสร้างโครงการประเภทบ้านจัดสรรขยับตัวขึ้น โดยเฉพาะในส่วนของค่าขนส่งและวัสดุก่อสร้าง ในขณะที่ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ต่างพยายามลดต้นทุนการก่อสร้างโครงการ ทำให้โอกาสที่จะได้กำไรจากการรับงานก่อสร้างบ้านในโครงการเอกชนต่ำลง

สำหรับตลาดรวมของธุรกิจรับสร้างบ้านในช่วงต้นปีที่ผ่านมา มีอัตราการขยายตัวที่ต่ำกว่าเป้าที่วางไว้ เนื่องจากสถานะการณ์ด้านการเมือง ดอกเบี้ย และราคาน้ำมัน ที่เข้ามากระทบ ส่งผลให้เกิดการชะลอตัวในการสร้างบ้านของกลุ่มลูกค้า โดยเฉพาะสถานการณ์ด้านการเมือง ซึ่งหลังจากที่มีความรุนแรงในช่วง2 เดือนแรกทำให้ยอดขายในตลาดรวมลดลงมาก แต่หลังจากในช่วงเดือน พ.ค.-มิ.ย. นั้น ปรากฏว่ายอดขายกลับมาดีขึ้น ลูกค้าตัดสินใจในการเลือกแบบบ้านและตัดสินใจจองสร้างบ้านกับบริษัทเร็วขึ้น โดยเฉลี่ยจะจองสร้างบ้านระหว่าง 2-3 สัปดาห์

ทั้งนี้ ในปี 49 บริษัทตั้งเป้าจะมียอดขายตลอดทั้งปีประมาณ 625 ล้านบาท หรือมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นจากปี 2548 ประมาณ 14% โดยในช่วงครึ่งปีแรกนี้ บริษัทมีจองสร้างบ้านแล้ว 90 ยูนิต คิดเป็นมูลค่า250 ล้านบาท ซึ่งต่ำกว่าเป้าที่วางไว้ 310ล้านบาท ประมาณ 20% อย่างไรก็ตามในส่วนของสต็อกบ้านเดิมที่มีการจองและรอทำสัญญาก่อสร้างในมือนั้น ขณะนี้บริษัทมียอดจองรอทำสัญญาประมาณ 60 ยูนิต คิดเป็นมูลค่าขาย ประมาณ 200 กว่าล้านบาท

สำหรับภาวะตลาดในช่วงครึ่งหลังของปี49 นี้บริษัทคาดว่าจะยังทรงๆ ซึ่งตลาดจะมีการปรับตัวดีขึ้นมามากน้อยเท่าใดนั้น ต้องรอดูสถานการณ์ด้านการเมืองเป็นหลัก เนื่องจากปัญหาด้านการเมืองเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจสร้างบ้าน ของกลุ่มลูกค้าซึ่งหากสถานการณ์การเมืองได้ข้อสรุปและลงตัว คาดว่าจะทำให้ตลาดกลับมาขยายตัวเพิ่มขึ้น แม้ว่าอาจจะไม่มากนัก ซึ่งในช่วงหลังของปีนี้ บริษัทเองก็ต้องพยายามเพิ่มยอดขายให้ได้มากขึ้นเพื่อให้สามารถทำรายได้ได้ตามเป้าที่วางไว้

โดยบริษัทมีแผนด้านการตลาดว่าจะเร่งสร้างความเชื่อมมั่นในแบรนด์ ของบริษัทเพื่อดึงลูกค้าให้เข้ามา สร้างบ้านกับบริษัทมากขึ้น ในขณะเดียวกันเพื่อสร้างความหลากหลายในสินค้าที่จะเสนอให้ลูกค้า บริษัทจะมีการออกแบบบ้านใหม่เพิ่มขึ้นอีก โดยคาดว่าในปีนี้ทั้งปี บริษัทจะพัฒนาแบบบ้านใหม่ๆ ออกมาให้ลูกค้าเลือกไม่เกิน 20 แบบ ซึ่งในช่วงต้นปีที่ผ่านมา บริษัทได้ออกแบบบ้านใหม่ไปแล้ว 3 แบบ และในขณะนี้กำลังจะออกเพิ่มอีก 10 แบบ ส่วนในช่วงครึ่งหลังของปีนั้นคาดว่าจะออกเพิ่มอีก 7 แบบ เพื่อให้มีแบบบ้านครอบ20 แบบตามที่วางแผนไว้
กำลังโหลดความคิดเห็น