ธนาคารออมสินจัดทำกระปุกที่ระลึก เพื่อร่วมเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวโรกาสฉลองการครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ให้กับผู้ซื้อสลากออมสินพิเศษ งวดที่ 31 ตั้งแต่ 900 บาทขึ้นไป “กรพจน์” เชื่อยังไม่มีความจำเป็นต้องขยับดอกเบี้ยในช่วงนี้
นายกรพจน์ อัศวินวิจิตร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน ได้แถลงข่าวการจัดทำกระปุกออมสินที่ระลึก เพื่อร่วมเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวโรกาสฉลองการครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี โดยได้รับราชานุญาตอัญเชิญตราสัญลักษณ์พระราชพิธีฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ประดับไว้ที่ด้านหน้าของกระปุก ซึ่งทำด้วยเหล็กวิลาส พื้นสีเหลือง รูปทรงกระบอกแบบดั้งเดิม สูง 13.5 ซม. ความยาวเส้นผ่าศูนย์กลาง 8 ซม. โดยจัดทำขึ้น 6 แสนใบเท่านั้น และทุกใบมีตัวเลขไทยกำกับ ตั้งแต่ 1-6 แสนไว้ใต้ฐานกระปุก ทั้งนี้ เพื่อส่งเสริมการออม และมอบให้ประชาชนที่ออมเงินกับสลากออมสินพิเศษ งวดที่ 31 ตั้งแต่ 900 บาทขึ้นไป พร้อมเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกเฉลิมพระเกียรติ มูลค่า 10 บาท อีกทั้งยังได้รับผลตอบแทนจากสลากออมสินพิเศษอีกหน่วยละ 4.25 บาท เมื่อฝากครบอายุ 3 ปี จากราคาหน่วยละ 50 บาท หรือคิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 2.83 ต่อปี และยังมีโอกาสลุ้นรับรางวัล 20 ล้านบาท จากการออกรางวัลสลากออมสินพิเศษเป็นประจำทุกเดือนรวม 35 ครั้ง โดยจะเริ่มมอบของที่ระลึกตั้งแต่วันที่ 10 กรกฎาคมเป็นต้นไป
นอกจากนี้ธนาคารออมสินได้ทำกระปุกออมสินทองคำ ประดับตราสัญลักษณ์พระราชพิธีฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี เพื่อนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยเป็นกระปุกทองคำบริสุทธิ์ 96.5% น้ำหนักรวม 60.9 บาท โดยให้ช่างทองของห้างทองฮั่วเซ่งเฮงเป็นผู้ผลิต นอกจากนี้ธนาคารยังมีการจัดประกวดประดิษฐ์กระปุกออมสินตามแนวคิด “ออมตามพ่อ” เพื่อให้นักเรียน นักศึกษา และประชาชนทั่วไป ออกแบบเพื่อส่งประกวดชิงเงินรางวัลทุนการศึกษา 4 แสนบาท
นายกรพจน์กล่าวถึงผลการดำเนินการของธนาคาร 6 เดือนที่ผ่านมาว่า ทั้งการเติบโตของเงินฝาก สินเชื่อ และอัตราผลกำไร ใกล้เคียงกับ 6 เดือนแรกของปี 2548 โดยคาดว่ามีกำไรประมาณ 5,500-6,000 ล้านบาท ทำให้ทั้งปีเชื่อว่า อัตราผลกำไรจะอยู่ที่ประมาณ 12,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาธนาคารยังมีสภาพคล่อง จึงไม่ได้เน้นการระดมเงินฝากมากนัก ขณะนี้มีสภาพคล่องประมาณ 30,000 ล้านบาท ส่วนสินเชื่อที่มีการเติบโต เป็นสินเชื่อเกี่ยวกับนโยบายของรัฐส่วนใหญ่ สำหรับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ย ส่วนตัวเห็นว่าไม่มีความจำเป็นต้องปรับขึ้นอีกในช่วงนี้ เนื่องจากนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ส่งสัญญาณชัดเจน โดยไม่มีการปรับดอกเบี้ยตามสหรัฐ และหากจะมีการปรับดอกเบี้ยในอีก 2-3 เดือนข้างหน้า ก็อาจจะมีการปรับอีกครั้งหนึ่ง แต่ก็ขึ้นกับนโยบายของ ธปท. ที่จะพิจารณาจากภาพรวม โดยเฉพาะกรณีธนาคารกลางสหรัฐ เพราะเท่าที่ติดตามอัตราเงินเฟ้อขณะนี้มีอัตราที่ชะลอลง
นายกรพจน์ อัศวินวิจิตร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน ได้แถลงข่าวการจัดทำกระปุกออมสินที่ระลึก เพื่อร่วมเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวโรกาสฉลองการครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี โดยได้รับราชานุญาตอัญเชิญตราสัญลักษณ์พระราชพิธีฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ประดับไว้ที่ด้านหน้าของกระปุก ซึ่งทำด้วยเหล็กวิลาส พื้นสีเหลือง รูปทรงกระบอกแบบดั้งเดิม สูง 13.5 ซม. ความยาวเส้นผ่าศูนย์กลาง 8 ซม. โดยจัดทำขึ้น 6 แสนใบเท่านั้น และทุกใบมีตัวเลขไทยกำกับ ตั้งแต่ 1-6 แสนไว้ใต้ฐานกระปุก ทั้งนี้ เพื่อส่งเสริมการออม และมอบให้ประชาชนที่ออมเงินกับสลากออมสินพิเศษ งวดที่ 31 ตั้งแต่ 900 บาทขึ้นไป พร้อมเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกเฉลิมพระเกียรติ มูลค่า 10 บาท อีกทั้งยังได้รับผลตอบแทนจากสลากออมสินพิเศษอีกหน่วยละ 4.25 บาท เมื่อฝากครบอายุ 3 ปี จากราคาหน่วยละ 50 บาท หรือคิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 2.83 ต่อปี และยังมีโอกาสลุ้นรับรางวัล 20 ล้านบาท จากการออกรางวัลสลากออมสินพิเศษเป็นประจำทุกเดือนรวม 35 ครั้ง โดยจะเริ่มมอบของที่ระลึกตั้งแต่วันที่ 10 กรกฎาคมเป็นต้นไป
นอกจากนี้ธนาคารออมสินได้ทำกระปุกออมสินทองคำ ประดับตราสัญลักษณ์พระราชพิธีฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี เพื่อนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยเป็นกระปุกทองคำบริสุทธิ์ 96.5% น้ำหนักรวม 60.9 บาท โดยให้ช่างทองของห้างทองฮั่วเซ่งเฮงเป็นผู้ผลิต นอกจากนี้ธนาคารยังมีการจัดประกวดประดิษฐ์กระปุกออมสินตามแนวคิด “ออมตามพ่อ” เพื่อให้นักเรียน นักศึกษา และประชาชนทั่วไป ออกแบบเพื่อส่งประกวดชิงเงินรางวัลทุนการศึกษา 4 แสนบาท
นายกรพจน์กล่าวถึงผลการดำเนินการของธนาคาร 6 เดือนที่ผ่านมาว่า ทั้งการเติบโตของเงินฝาก สินเชื่อ และอัตราผลกำไร ใกล้เคียงกับ 6 เดือนแรกของปี 2548 โดยคาดว่ามีกำไรประมาณ 5,500-6,000 ล้านบาท ทำให้ทั้งปีเชื่อว่า อัตราผลกำไรจะอยู่ที่ประมาณ 12,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาธนาคารยังมีสภาพคล่อง จึงไม่ได้เน้นการระดมเงินฝากมากนัก ขณะนี้มีสภาพคล่องประมาณ 30,000 ล้านบาท ส่วนสินเชื่อที่มีการเติบโต เป็นสินเชื่อเกี่ยวกับนโยบายของรัฐส่วนใหญ่ สำหรับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ย ส่วนตัวเห็นว่าไม่มีความจำเป็นต้องปรับขึ้นอีกในช่วงนี้ เนื่องจากนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ส่งสัญญาณชัดเจน โดยไม่มีการปรับดอกเบี้ยตามสหรัฐ และหากจะมีการปรับดอกเบี้ยในอีก 2-3 เดือนข้างหน้า ก็อาจจะมีการปรับอีกครั้งหนึ่ง แต่ก็ขึ้นกับนโยบายของ ธปท. ที่จะพิจารณาจากภาพรวม โดยเฉพาะกรณีธนาคารกลางสหรัฐ เพราะเท่าที่ติดตามอัตราเงินเฟ้อขณะนี้มีอัตราที่ชะลอลง


