ตลท.โยนภาระดูแลการย้ายงานของเจ้าหน้าที่มาร์เกตติ้งให้สมาคมบล.รับผิดชอบ เพื่อหวังให้เป็นองค์กรที่กำกับดูแลตัวเอง เรียกประชุมบริษัทหลักทรัพย์เพื่อหารือในวันนี้ พร้อมกับการรับฟังความคิดเห็นเรื่องโครงสร้างค่าคอมมิชชัน"ก้องเกียรติ"หนุนให้ยืดโครงสร้างค่าคอมมิชชั่น 0.25%ออกไปอีก 3 ปี แนะทางการสร้างแรงจูงใจให้โบรกเกอร์ควบรวมกัน
แหล่งข่าวจากโบรกเกอร์เปิดเผยว่า สมาคมบริษัทหลักทรัพย์ได้เรียกบริษัทหลักทรัพย์ที่เป็นสมาชิกเข้าหารือในวันนี้(27 มิ.ย.)ซึ่งมีวาระการประชุมเกี่ยวกับการที่ตลาดหลักทรัพย์จะมอบหมายให้สมาคมบริษัทหลักทรัพย์เป็นผู้ดูแลการเรื่องการย้ายงานของเจ้าหน้าที่มาร์เกตติ้ง เพื่อหวังให้สมาคมบริษัทหลักทรัพย์เป็นองค์กรที่ดูแลตัวเองหรือ SRO ได้ เพราะการย้ายงานของเจ้าหน้าที่มาร์เกตติ้งนั้นเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ที่ควรจะดูแล การดำเนินการดังกล่าวสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ก็จะต้องได้รับมอบอำนาจการดูแลจากตลาดหลักทรัพย์ด้วย
อย่างไรก็ตามได้มีการมองว่าสาเหตุหนึ่งที่ตลาดหลักทรัพย์โอนเรื่องการดูแลการย้ายงานเจ้าหน้าที่มาร์เกตติ้งไปยังสมาคม เพราะมองว่าปัญหาการย้ายงานของเจ้าหน้าที่มาร์เกตติ้งนั้น ในช่วงที่ผ่านมาในบางครั้งไม่สามารถควบคุมดูแลได้ จึงไม่ต้องการที่จะเข้าไปยุ่ง
"ในสมัยนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง เป็นกรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์นั้นจะเป็นผู้เข้ามาดูแลการย้ายงานของเจ้าหน้าที่มาร์เกตติ้ง เพราะเกรงว่าการแย่งตัวเจ้าหน้าที่มาร์เกตติ้งอาจจะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมโดยรวมได้ ในกรณีที่มีการย้ายงานเป็นจำนวนมากๆ และส่งผลทำให้บริษัทหลักทรัพย์ที่เจ้าหน้าที่มาร์เกตติ้งลาออกได้รับผลกระทบ แต่จากการที่ตลาดหลักทรัพย์เข้าไปดูแลจึงทำให้ถูกเจ้าหน้าที่มาร์เกตติ้งฟ้องต่อศาลปกครองในช่วงที่ผ่านมา ดังนั้นจึงอาจจะทำให้ขณะนี้ตลาดหลักทรัพย์ไม่ต้องการที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวในเรื่องดังกล่าว"แหล่งข่าวกล่าว
นอกจากนี้การประชุมในวันนี้จะมีการหารือเกี่ยวกับโครงสร้างค่าธรรมเนียมในการซื้อขายหลักทรัพย์หรือคอมมิชชั่น ที่ได้เสนอให้กับตลาดหลักทรัพย์ โดยกำหนดเพดานขั้นต่ำ 0.25% ต่อไปอีกเป็นระยะเวลา 3 ปี ซึ่งจะให้บริษัทสมาชิกแสดงความคิดเห็นก่อนที่จะนำเรื่องเสนอไปยังสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์หรือ ก.ล.ต.
ส่วนกรณีที่ก.ล.ต.ไม่เห็นด้วยกับการกำหนดเพดานขั้นต่ำ 0.25% เพราะมองว่าทำให้รายได้ของบริษัทหลักทรัพย์นั้นไม่กระจายไปยังส่วนอื่นๆ และมีผลต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมหลักทรัพย์ของไทยนั้น
แหล่งข่าวกล่าวว่า ในภาวะตลาดหุ้นที่ซบเซาเช่นปัจจุบันนี้ทำให้บริษัทหลักทรัพย์กระจายรายได้ไปยังส่วนอื่นๆ ได้ลำบาก ซึ่งรวมถึงธุรกิจวาณิชธนกิจที่ได้รับผลกระทบ รวมถึงธุรกิจด้านอนุพันธ์ที่เพิ่งจะเปิดซื้อขายจึงยังไม่มีการทำธุรกรรมมากนัก
นายก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เอเซียพลัส(ASP) เปิดเผยว่า สนับสนุนให้มีการยืดค่าคอมมิชชั่นขั้นต่ำ 0.25% ออกไปอีก 3 ปี เพราะหากเปิดให้มีการคิดค่าธรรมเนียมตามปริมาณการซื้อขายนักลงทุนรายใหญ่จะมีต้นทุนถูกกว่ารายย่อยที่ต้องจ่ายสูงกว่า ดังนั้นจะเกิดปัญหาว่านักลงทุนรายย่อยจะยอมรับกับภาวะการณ์ดังกล่าวหรือไม่ขณะเดียวกันเห็นว่าตลาดทุนไทยยังขาดผลิตภัณฑ์เพื่อจะเป็นแหล่งสร้างรายได้อื่นเสริมให้กับบริษัทหลักทรัพย์ แม้ว่าปัจจุบันจะมีตลาดอนุพันธ์แต่ปริมาณการซื้อขายยังอยู่ในระดับต่ำ ทำให้บริษัทหลักทรัพย์ต่างมุ่งสู่ธุรกิจวาณิชธนกิจ ทำให้เกิดการแย่งชิงลูกค้าเพราะปริมาณธุรกรรมมีไม่เพียงพอรองรับกับจำนวนบริษัทหลักทรัพย์ที่มีมากเกินไปสำหรับโครงสร้างตลาดทุนในปัจจุบัน
ทั้งนี้ จะเสนอต่อทางการที่เกี่ยวข้องถึงวิธีการปรับโครงสร้างตลาดทุนเพราะระหว่าง 3 ปีที่ยืดอายุคอมมิชชั่นขั้นต่ำออกไป ถึงเวลาที่โบรกเกอร์ต้องเตรียมตัวไม่อย่างนั้นอีก 3 ปีข้างหน้าต้องกลับมาถกในปัญหาเดิม ๆ คือต้องเร่งสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เข้าสู่ตลาดทุน และสร้างแรงจูงใจให้บริษัทหลักทรัพย์ควบรวมกิจการกัน แต่สิ่งเหล่านี้ทางการต้องเข้ามามีบทบาทในการกระตุ้น วางรากฐานให้เอกชนเกิดการพูดคุยกัน สร้างแรงจูงใจในการควบรวมเช่น สิทธิทางภาษี
แหล่งข่าวจากโบรกเกอร์เปิดเผยว่า สมาคมบริษัทหลักทรัพย์ได้เรียกบริษัทหลักทรัพย์ที่เป็นสมาชิกเข้าหารือในวันนี้(27 มิ.ย.)ซึ่งมีวาระการประชุมเกี่ยวกับการที่ตลาดหลักทรัพย์จะมอบหมายให้สมาคมบริษัทหลักทรัพย์เป็นผู้ดูแลการเรื่องการย้ายงานของเจ้าหน้าที่มาร์เกตติ้ง เพื่อหวังให้สมาคมบริษัทหลักทรัพย์เป็นองค์กรที่ดูแลตัวเองหรือ SRO ได้ เพราะการย้ายงานของเจ้าหน้าที่มาร์เกตติ้งนั้นเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ที่ควรจะดูแล การดำเนินการดังกล่าวสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ก็จะต้องได้รับมอบอำนาจการดูแลจากตลาดหลักทรัพย์ด้วย
อย่างไรก็ตามได้มีการมองว่าสาเหตุหนึ่งที่ตลาดหลักทรัพย์โอนเรื่องการดูแลการย้ายงานเจ้าหน้าที่มาร์เกตติ้งไปยังสมาคม เพราะมองว่าปัญหาการย้ายงานของเจ้าหน้าที่มาร์เกตติ้งนั้น ในช่วงที่ผ่านมาในบางครั้งไม่สามารถควบคุมดูแลได้ จึงไม่ต้องการที่จะเข้าไปยุ่ง
"ในสมัยนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง เป็นกรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์นั้นจะเป็นผู้เข้ามาดูแลการย้ายงานของเจ้าหน้าที่มาร์เกตติ้ง เพราะเกรงว่าการแย่งตัวเจ้าหน้าที่มาร์เกตติ้งอาจจะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมโดยรวมได้ ในกรณีที่มีการย้ายงานเป็นจำนวนมากๆ และส่งผลทำให้บริษัทหลักทรัพย์ที่เจ้าหน้าที่มาร์เกตติ้งลาออกได้รับผลกระทบ แต่จากการที่ตลาดหลักทรัพย์เข้าไปดูแลจึงทำให้ถูกเจ้าหน้าที่มาร์เกตติ้งฟ้องต่อศาลปกครองในช่วงที่ผ่านมา ดังนั้นจึงอาจจะทำให้ขณะนี้ตลาดหลักทรัพย์ไม่ต้องการที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวในเรื่องดังกล่าว"แหล่งข่าวกล่าว
นอกจากนี้การประชุมในวันนี้จะมีการหารือเกี่ยวกับโครงสร้างค่าธรรมเนียมในการซื้อขายหลักทรัพย์หรือคอมมิชชั่น ที่ได้เสนอให้กับตลาดหลักทรัพย์ โดยกำหนดเพดานขั้นต่ำ 0.25% ต่อไปอีกเป็นระยะเวลา 3 ปี ซึ่งจะให้บริษัทสมาชิกแสดงความคิดเห็นก่อนที่จะนำเรื่องเสนอไปยังสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์หรือ ก.ล.ต.
ส่วนกรณีที่ก.ล.ต.ไม่เห็นด้วยกับการกำหนดเพดานขั้นต่ำ 0.25% เพราะมองว่าทำให้รายได้ของบริษัทหลักทรัพย์นั้นไม่กระจายไปยังส่วนอื่นๆ และมีผลต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมหลักทรัพย์ของไทยนั้น
แหล่งข่าวกล่าวว่า ในภาวะตลาดหุ้นที่ซบเซาเช่นปัจจุบันนี้ทำให้บริษัทหลักทรัพย์กระจายรายได้ไปยังส่วนอื่นๆ ได้ลำบาก ซึ่งรวมถึงธุรกิจวาณิชธนกิจที่ได้รับผลกระทบ รวมถึงธุรกิจด้านอนุพันธ์ที่เพิ่งจะเปิดซื้อขายจึงยังไม่มีการทำธุรกรรมมากนัก
นายก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เอเซียพลัส(ASP) เปิดเผยว่า สนับสนุนให้มีการยืดค่าคอมมิชชั่นขั้นต่ำ 0.25% ออกไปอีก 3 ปี เพราะหากเปิดให้มีการคิดค่าธรรมเนียมตามปริมาณการซื้อขายนักลงทุนรายใหญ่จะมีต้นทุนถูกกว่ารายย่อยที่ต้องจ่ายสูงกว่า ดังนั้นจะเกิดปัญหาว่านักลงทุนรายย่อยจะยอมรับกับภาวะการณ์ดังกล่าวหรือไม่ขณะเดียวกันเห็นว่าตลาดทุนไทยยังขาดผลิตภัณฑ์เพื่อจะเป็นแหล่งสร้างรายได้อื่นเสริมให้กับบริษัทหลักทรัพย์ แม้ว่าปัจจุบันจะมีตลาดอนุพันธ์แต่ปริมาณการซื้อขายยังอยู่ในระดับต่ำ ทำให้บริษัทหลักทรัพย์ต่างมุ่งสู่ธุรกิจวาณิชธนกิจ ทำให้เกิดการแย่งชิงลูกค้าเพราะปริมาณธุรกรรมมีไม่เพียงพอรองรับกับจำนวนบริษัทหลักทรัพย์ที่มีมากเกินไปสำหรับโครงสร้างตลาดทุนในปัจจุบัน
ทั้งนี้ จะเสนอต่อทางการที่เกี่ยวข้องถึงวิธีการปรับโครงสร้างตลาดทุนเพราะระหว่าง 3 ปีที่ยืดอายุคอมมิชชั่นขั้นต่ำออกไป ถึงเวลาที่โบรกเกอร์ต้องเตรียมตัวไม่อย่างนั้นอีก 3 ปีข้างหน้าต้องกลับมาถกในปัญหาเดิม ๆ คือต้องเร่งสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เข้าสู่ตลาดทุน และสร้างแรงจูงใจให้บริษัทหลักทรัพย์ควบรวมกิจการกัน แต่สิ่งเหล่านี้ทางการต้องเข้ามามีบทบาทในการกระตุ้น วางรากฐานให้เอกชนเกิดการพูดคุยกัน สร้างแรงจูงใจในการควบรวมเช่น สิทธิทางภาษี