xs
xsm
sm
md
lg

การเมืองไทย...ใกล้ความฝัน (18) เมื่อทุกฝ่ายตระหนักถึงบทเรียนคุณธรรมจากพระเจ้าอยู่หัว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เหตุการณ์ต่างๆในช่วงนี้ ทำให้ผมนึกถึงพระราชดำรัสคำสอนถึงหลักคุณธรรม 4 ประการ เป็นดังแสงสว่างส่องทางชีวิตคนไทยเราจริงๆ ที่เราทุกคนน่าจะได้นำมาใคร่ครวญ ด้วยสติ ปัญญา และปฏิบัติด้วยความรัก ความสามัคคี มุ่งดีต่อกันและกันและส่วนรวม ดังนี้

1.ประการแรก คือ การที่ทุกคนคิด พูด ทำ ด้วยความเมตตา มุ่งดี มุ่งเจริญต่อกัน ทำให้ผมนึกถึงเหตุการณ์ความไม่สงบในภาคใต้ การที่ครูจูหลิงต้องถูกทำร้าย ทำให้เราได้ร่วมกันรู้สึกถึงความเจ็บปวด แต่สิ่งที่สำคัญคือ ไม่ใช่ให้ความเจ็บปวดกรณีครูจูหลิง นำไปสู่ความเกลียดชังกันมากขึ้น การใช้มาตรการ “ตาต่อตา ฟันต่อฟัน” มากขึ้น เพื่อให้การแก้ไขปัญหาด้วยวิธีรุนแรงนั้นดูชอบธรรมมากขึ้น หากคิดเช่นนั้น ผมคิดว่า “คนไทยเรา” ก็แพ้ตั้งแต่ต้นแล้วครับ เรื่องความสงบในบ้านเมือง ผู้บริหารต้องนำให้เห็นถึงเป้าหมายแห่งความสมานฉันท์ ความรักกันฉันพี่น้องคนไทยร่วมชาติ การแสดงออกถึงความรักห่วงใยกันมีความสำคัญยิ่ง เพื่อไม่ให้เกิดความรู้สึกน่าน้อยใจของกลุ่มคนไทยที่มีพื้นฐานต่างกันบ้าง หากเราทำให้พี่น้องคนไทยอีกจำนวนหนึ่งลดความรู้สึกภาคภูมิใจใจความเป็นคนไทย ก็เป็นการบริหารงานที่ทำให้เกิดความแตกแยก และ “แพ้” ต่อความโกรธความเกลียดครับ ผมขอให้กำลังใจทุกฝ่ายในการแก้ไขปัญหา เพื่อให้ “ความรัก” ชนะ “ความโกรธ” และนำเอาความรักสามัคคีความสมานฉันท์กลับคืนมาให้ได้ครับ

2.ประการที่สอง คือ การที่แต่ละคนต่างช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ประสานงาน ประสานประโยชน์กัน ให้งานที่ทำสำเร็จผล ทั้งแก่ตน แก่ผู้อื่น และกับประเทศชาติ ทำให้ผมนึกถึงปัญหาล่าสุดกรณีโคลนถล่มที่ภาคเหนือตอนล่าง ผมเห็นภาพข่าวที่ถ่ายจากเฮลิคอปเตอร์ เหมือนเป็นต้นซุงมากมายอยู่เต็มลำน้ำเป็นบริเวณกว้างขวาง หลายคนก็เห็นคล้ายกัน แม้นักข่าวเองยังเอ่ยว่าเป็นใบเสร็จการโค่นไม้ทำลายป่าอย่างชัดเจนและต้องติดตามดูว่ารัฐบาลจะเอาคนผิดมาลงโทษได้หรือไม่ ก็น่าผิดหวังว่า หลังจากนั้นมีการไปถ่ายกองไม้จำนวนน้อยบางส่วนที่เป็นธรรมชาติ แต่การติดตามไม้จำนวนมากดังที่ถ่ายได้จากเฮลิคอปเตอร์นั้นกลับไม่มี ผมก็เพียงแต่ภาวนาว่า ไม่มีการร่วมมือกัน โค่นไม้ทำลายป่า และช่วยกันปกปิด เพราะการรักษาป่า และรักษาน้ำ เป็นน้ำพระทัยยิ่งใหญ่ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเพื่อประโยชน์ของคนไทยทั้งชาติที่เราทุกคนพึงรักษาให้ดี

3.ประการที่สาม คือ การที่ทุกคนประพฤติปฏิบัติตนอยู่ในความสุจริต ในกฎกติกา และในระเบียบแบบแผน โดยเท่าเทียมเสมอกัน ทำให้ผมนึกถึงปัญหาการ “จ้าง” พรรคการเมืองส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง ซึ่ง “พรรคผู้ถูกจ้าง”ถูกทำโทษยุบพรรคไปแล้วอย่างรวดเร็ว ก็น่าจะพิจารณากรณี “พรรคผู้ว่าจ้าง” ด้วยหลักความสุจริต กฎกติกา และระเบียบแบบแผน อย่างเท่าเทียมกันด้วย

4.ประการที่สี่คือ การที่ต่างคนต่างพยายามทำความคิด ความเห็นของตนให้ถูกต้อง เที่ยงตรง และมั่นคงอยู่ในเหตุในผล สิ่งใดที่ทำมีเหตุมีผลที่ดี ก็จะเกิดความชอบธรรม และหากขาดเหตุผล ผู้คนก็อยู่ในความหวาดหวั่นว่าความเป็นธรรมและความชอบธรรมของบ้านเมืองอยู่ที่ไหน ดูมีเหตุผลที่พรรคเล็กจะส่งผู้สมัครด้วยการถูกจ้าง เพราะเป็นรัฐบาลชั่วคราวเพื่อการปฏิรูปการเมือง เสียงค้านแทบไม่มีความหมาย ต้องมีการโกงข้อมูลโดยเจ้าหน้าที่ กกต. และหลักฐานดูจะเพียงพอให้ถูกสั่งยุบพรรคไปแล้ว ดูมีเหตุผลที่บางพรรคจะกล้าจ้างพรรคเล็กให้ลงเลือกตั้ง เพื่อให้ดูเป็นประชาธิปไตย ไม่ใช่พรรคเดียว โดยเฉพาะเมื่อมีอำนาจเหลือล้น ดูมีเหตุผลที่บางพรรคจะพยายามอย่างยิ่งที่จะหาหลักฐานจับผู้กระทำผิด ดูไร้เหตุผลที่จะมีการจ้างวานให้พรรคการเมืองไม่ลงเลือกตั้ง เพราะต้องจ้างทุกพรรคหลายสิบพรรคจึงสำเร็จ และดูไร้เหตุผลที่จะกล่าวหาว่า พรรค ปชป.อยู่เบื้องหลังพันธมิตรฯ เพราะหากฟังกลุ่มพันธมิตรฯซึ่งเป็นกลุ่มเอ็นจีโอและสื่อมวลชนผู้ทำหน้าที่ “หมาเฝ้าบ้าน” (Watch Dog) พูด ก็ชัดเจนว่า ไม่ว่าเป็นรัฐบาลใด หากทำถูกต้องก็ไม่มีปัญหา แต่หากโกงกินมุ่งใช้อำนาจรัฐหาประโยชน์ส่วนตน ก็จะถูกต่อต้าน ไม่ว่าจะเป็นพรรคใด

ผมเชื่อว่า หากเราได้ปฏิบัติตามหลักคุณธรรมที่พระองค์ทรงสอน ประเทศจะร่มเย็น เศรษฐกิจจะเจริญรุ่งเรืองยั่งยืนครับ

montree4life@yahoo.com
กำลังโหลดความคิดเห็น