ตลาดหลักทรัพย์ฯ ปรับเกณฑ์จับคู่คำสั่งซื้อขาย ณ ราคาเปิดและราคาปิด แก้ปัญหานักลงทุนตั้งราคาสูงหรือต่ำเกินไป สร้างสถียรภาพราคาหุ้น พร้อมอนุมัติให้ส่งคำสั่ง Basket Order - VWAP เริ่มใช้ 3 ก.ค. 49 เอื้อประโยชน์ต่อนักลงทุนทั่วไปและนักลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงทำให้ตลาดหุ้นไทยมีความน่าสนใจมากขึ้น
นายสุทธิชัย จิตรวาณิช รองผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้มีการปรับปรุงหลักเกณฑ์การซื้อขายหลักทรัพย์เกี่ยวกับคำสั่งซื้อขายหลักทรัพย์ 3 เรื่อง ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 3 ก.ค. นี้ คือ 1.การเปลี่ยนลำดับในการจับคู่คำสั่งซื้อขาย ณ ราคาเปิด (ATO)และคำสั่งซื้อขาย ณ ราคาปิด (ATC) คือ จะให้สิทธิผู้ที่ส่งคำสั่งซื้อขายแบบ ATOและ ATC จับคู่การซื้อขาย ก่อนผู้ที่ส่งคำสั่งซื้อขายแบบระบุราคา จากเดิมที่คำสั่งซื้อขายแบบ ATOและATC จะมีการจับคู่ซื้อขายหลังจากคำสั่งซื้อขายระบุราคา โดยจะส่งผลดีต่อนักลงทุนทั่วไป
ทั้งนี้เหตุผลเนื่องจาก การเปลี่ยนลำดับในการจับคู่ตามวิธีเดิมนั้นไม่เอื้ออำนวยให้แก่ผู้ลงทุนจัดการคำสั่งซื้อขายที่ราคาเปิดหรือปิดได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นการลดปัญหาการตั้งราคาเผื่อไว้สูง หรือ ต่ำเกิดไปกรณีที่ต้องการราคาเปิดหรือปิด ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวไม่ส่งผลกระทบกับวิธีการคำนวณราคาเปิดหรือปิดของหลักทรัพย์ตามเกณฑ์เดิม แต่จะมีผลทำให้คนที่ได้รับสิทธิจับคู่และปริมาณหุ้นที่ได้รับการจับคู่จะเปลี่ยนแปลงไป
2.การอนุญาตให้มีการส่งคำสั่งซื้อขายแบบ Basket Order หรือ คำสั่งซื้อหรือขายประเภทกลุ่มหลักทรัพย์ ที่ประกับด้วยคำสั่งย่อยหลายหลักทรัพย์ในคราวเดียวกัน แต่จะต้องเป็นคำสั่งซื้อขายหุ้นในดัชนี SET50 ต้องมีจำนวนหลักทรัพย์ไม่น้อยกว่า 10 หลักทรัพย์ และมีมูลค่าการซื้อหรือ ขายไม่น้อยกว่า 15 ล้านบาท และเป็นราคาที่ระบุในคำสั่งซื้อขายต้องอยู่ในช่วง+ 2%ของราคาซื้อขายล่าสุดของหลักทรัพย์ เพื่อไม่ให้คำสั่งดังกล่าวมีผลกระทบต่อราคาหลักทรัพย์หรือตลาดโดยรวม
นายสุทธิชัย กล่าวว่า การอนุญาตดังกล่าวเพื่อเป็นการรองรับการทำธุรกรรมจากส่วนต่างของดัชนีราคาหุ้นในตลาดหลักทรัพยืกับราคาอินเด็กซ์พวิเจอร์สในตลาดตราสารอนุพันธ์หรือ Index Arbitrage การบริหารความเสี่ยงของการลงทุนหรือ Hedging รวมทั้งเอื้อต่อการบริหารพอร์ตของบริษัทหลักทรัพย์จัดการลงทุนที่ลงทุนในกองทุนที่อ้างอิงผลตอบแทนจากดัชนี (Index-linked fund) ดังนั้น จึงเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการลงทุนของผู้ลงทุนสถาบัน และการพัฒนาตลาดอนุพันธ์
3.อนุญาตให้มีการส่งคำสั่งซื้อขายที่เป็นราคาเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก (VWAP)ในลักษณะทยอยส่งคำสั่งโดยอัตโนมัติ ซึ่งเป็นโปรแกรมคอมพิวเตอร์ประเภทVWAP เป็นชุดคำสั่งคอมพิวเตอร์ที่ใช้สร้างและส่งคำสั่งซื้อขายโดยอัตโนมัติ เพื่อให้สามารถซื้อขายหลักทรัพย์ ณ ราคาที่เท่ากับ หรือใกล้เคียงราคาเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักประจำวันของหลักทรัพย์นั้นๆ ในตลาด (Volume Weighted Average Price)
“การอนุญาตให้โบรกเกอร์ใช้โปรแกรมประเภท VWAP ช่วยคำนวณและส่งคำสั่งซื้อขายได้ จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของบริษัทสมาชิกในการจัดการคำสั่งซื้อขายของลูกค้า ที่กำหนดราคาเป็นราคาเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักจากราคาตลาดของหลักทรัพย์นั้น ๆ การปรับปรุงเกณฑ์ต่าง ๆ เกี่ยวกับการซื้อขายหลักทรัพย์ครั้งนี้ จึงนับเป็นการอำนวยความสะดวกให้ทั้งบริษัทสมาชิก และผู้ลงทุน ซึ่งจะมีผลให้ผู้ลงทุนได้รับความสะดวกจากการลงทุน นับเป็นการเพิ่มความน่าสนใจให้ตลาดหลักทรัพย์ไทยมากยิ่งขึ้น” รองผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ฯ กล่าว
ทั้งนี้การดำเนินงานการ 3 เรื่องดังกล่าวคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ (บอร์ด)ได้มีการอนุมัติแล้วเมื่อเดือน ก.พ.ที่ผ่านมาและได้มีการนำเข้าสู่กระบวนการแก้ไขเปลี่ยนแปลงกคำสั่งซื้อขายแล้ว และได้มีการประสานกับฝ่ายไอทีกลางของตลาดหลักทรัพย์และฝ่ายไอทีของบริษัทหลักทรัพย์ทั้ง 37 แห่งแล้ว ซึ่งบริษัทหลักทรัพย์ดังกล่าวได้มีการตอบกลับว่าพร้อมมีการดำเนินการดังกล่าว โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการทดสอบระบบ
“การเปลี่ยนลำดับการจับคู่คำสั่งซื้อขาย แบบ ATOและ ATC ทุกโบรกเกอร์ต้องทำตาม แต่ในเรื่องส่งคำสั่งซื้อขายแบบ Basket Order และ VWAP ขึ้นอยู่กับลูกค้าของโบรกเกอร์ว่าจะมีการส่งคำสั่งซื้อขายดังกล่าวหรือไม่ ซึ่งคาดว่าก่อน 3 ก.ค. โบรกเกอร์จะมีการแจ้งความจำนง ซึ่งขณะนี้มี บล.1 ราย ที่แจ้งว่าจะมีการส่งคำสั่งซื้อขายแบบ VWAP”นายสุทธิชัย กล่าว
นายสุทธิชัย จิตรวาณิช รองผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้มีการปรับปรุงหลักเกณฑ์การซื้อขายหลักทรัพย์เกี่ยวกับคำสั่งซื้อขายหลักทรัพย์ 3 เรื่อง ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 3 ก.ค. นี้ คือ 1.การเปลี่ยนลำดับในการจับคู่คำสั่งซื้อขาย ณ ราคาเปิด (ATO)และคำสั่งซื้อขาย ณ ราคาปิด (ATC) คือ จะให้สิทธิผู้ที่ส่งคำสั่งซื้อขายแบบ ATOและ ATC จับคู่การซื้อขาย ก่อนผู้ที่ส่งคำสั่งซื้อขายแบบระบุราคา จากเดิมที่คำสั่งซื้อขายแบบ ATOและATC จะมีการจับคู่ซื้อขายหลังจากคำสั่งซื้อขายระบุราคา โดยจะส่งผลดีต่อนักลงทุนทั่วไป
ทั้งนี้เหตุผลเนื่องจาก การเปลี่ยนลำดับในการจับคู่ตามวิธีเดิมนั้นไม่เอื้ออำนวยให้แก่ผู้ลงทุนจัดการคำสั่งซื้อขายที่ราคาเปิดหรือปิดได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นการลดปัญหาการตั้งราคาเผื่อไว้สูง หรือ ต่ำเกิดไปกรณีที่ต้องการราคาเปิดหรือปิด ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวไม่ส่งผลกระทบกับวิธีการคำนวณราคาเปิดหรือปิดของหลักทรัพย์ตามเกณฑ์เดิม แต่จะมีผลทำให้คนที่ได้รับสิทธิจับคู่และปริมาณหุ้นที่ได้รับการจับคู่จะเปลี่ยนแปลงไป
2.การอนุญาตให้มีการส่งคำสั่งซื้อขายแบบ Basket Order หรือ คำสั่งซื้อหรือขายประเภทกลุ่มหลักทรัพย์ ที่ประกับด้วยคำสั่งย่อยหลายหลักทรัพย์ในคราวเดียวกัน แต่จะต้องเป็นคำสั่งซื้อขายหุ้นในดัชนี SET50 ต้องมีจำนวนหลักทรัพย์ไม่น้อยกว่า 10 หลักทรัพย์ และมีมูลค่าการซื้อหรือ ขายไม่น้อยกว่า 15 ล้านบาท และเป็นราคาที่ระบุในคำสั่งซื้อขายต้องอยู่ในช่วง+ 2%ของราคาซื้อขายล่าสุดของหลักทรัพย์ เพื่อไม่ให้คำสั่งดังกล่าวมีผลกระทบต่อราคาหลักทรัพย์หรือตลาดโดยรวม
นายสุทธิชัย กล่าวว่า การอนุญาตดังกล่าวเพื่อเป็นการรองรับการทำธุรกรรมจากส่วนต่างของดัชนีราคาหุ้นในตลาดหลักทรัพยืกับราคาอินเด็กซ์พวิเจอร์สในตลาดตราสารอนุพันธ์หรือ Index Arbitrage การบริหารความเสี่ยงของการลงทุนหรือ Hedging รวมทั้งเอื้อต่อการบริหารพอร์ตของบริษัทหลักทรัพย์จัดการลงทุนที่ลงทุนในกองทุนที่อ้างอิงผลตอบแทนจากดัชนี (Index-linked fund) ดังนั้น จึงเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการลงทุนของผู้ลงทุนสถาบัน และการพัฒนาตลาดอนุพันธ์
3.อนุญาตให้มีการส่งคำสั่งซื้อขายที่เป็นราคาเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก (VWAP)ในลักษณะทยอยส่งคำสั่งโดยอัตโนมัติ ซึ่งเป็นโปรแกรมคอมพิวเตอร์ประเภทVWAP เป็นชุดคำสั่งคอมพิวเตอร์ที่ใช้สร้างและส่งคำสั่งซื้อขายโดยอัตโนมัติ เพื่อให้สามารถซื้อขายหลักทรัพย์ ณ ราคาที่เท่ากับ หรือใกล้เคียงราคาเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักประจำวันของหลักทรัพย์นั้นๆ ในตลาด (Volume Weighted Average Price)
“การอนุญาตให้โบรกเกอร์ใช้โปรแกรมประเภท VWAP ช่วยคำนวณและส่งคำสั่งซื้อขายได้ จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของบริษัทสมาชิกในการจัดการคำสั่งซื้อขายของลูกค้า ที่กำหนดราคาเป็นราคาเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักจากราคาตลาดของหลักทรัพย์นั้น ๆ การปรับปรุงเกณฑ์ต่าง ๆ เกี่ยวกับการซื้อขายหลักทรัพย์ครั้งนี้ จึงนับเป็นการอำนวยความสะดวกให้ทั้งบริษัทสมาชิก และผู้ลงทุน ซึ่งจะมีผลให้ผู้ลงทุนได้รับความสะดวกจากการลงทุน นับเป็นการเพิ่มความน่าสนใจให้ตลาดหลักทรัพย์ไทยมากยิ่งขึ้น” รองผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ฯ กล่าว
ทั้งนี้การดำเนินงานการ 3 เรื่องดังกล่าวคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ (บอร์ด)ได้มีการอนุมัติแล้วเมื่อเดือน ก.พ.ที่ผ่านมาและได้มีการนำเข้าสู่กระบวนการแก้ไขเปลี่ยนแปลงกคำสั่งซื้อขายแล้ว และได้มีการประสานกับฝ่ายไอทีกลางของตลาดหลักทรัพย์และฝ่ายไอทีของบริษัทหลักทรัพย์ทั้ง 37 แห่งแล้ว ซึ่งบริษัทหลักทรัพย์ดังกล่าวได้มีการตอบกลับว่าพร้อมมีการดำเนินการดังกล่าว โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการทดสอบระบบ
“การเปลี่ยนลำดับการจับคู่คำสั่งซื้อขาย แบบ ATOและ ATC ทุกโบรกเกอร์ต้องทำตาม แต่ในเรื่องส่งคำสั่งซื้อขายแบบ Basket Order และ VWAP ขึ้นอยู่กับลูกค้าของโบรกเกอร์ว่าจะมีการส่งคำสั่งซื้อขายดังกล่าวหรือไม่ ซึ่งคาดว่าก่อน 3 ก.ค. โบรกเกอร์จะมีการแจ้งความจำนง ซึ่งขณะนี้มี บล.1 ราย ที่แจ้งว่าจะมีการส่งคำสั่งซื้อขายแบบ VWAP”นายสุทธิชัย กล่าว