โรงพยาบาลมหาชัย ยังไม่มีแผนเพิ่มสภาพคล่องหุ้น ฟุ้งนักลงทุนถือหุ้นยาวจากปันผลทุกปี กำไรโตต่อเนื่องปีละ 15% มากกว่าหวังให้ราคาหุ้นหวือหวา ตั้งลั่นปีนี้รายได้กว่า 1,000 ล้านบาท เตรียมเปิดให้บริการ หลังจากปีที่ผ่านมาลงทุนซื้อที่ดิน
นายพงษ์พัฒน์ ปธานวนิช กรรมการผู้จัดการ บริษัท โรงพยาบาลมหาชัย จำกัด (มหาชน) หรือ M-CHAI เปิดเผยว่า จากการที่บริษัทมีทุนจดทะเบียน 160 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 10 บาท คิดเป็นจำนวนหุ้น 16 ล้านหุ้น ซึ่งถือว่ามีสภาพคล่องที่น้อยนั้น บริษัทไม่มีความกังวลเรื่องการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯ ไม่มีสภาพคล่อง เนื่องจากนักลงทุนที่เข้าลงทุนในบริษัทเป็นนักลงทุนระยะยาว จากที่บริษัทมีอัตราการเติบโตที่ดีปีละ 15% และมีการจ่ายปันผลไม่ต่ำว่า 40% ทุกปี คิดเป็นผลตอบแทนจากเงินปันผล 5% ต่อปี มากกว่าราคาหุ้นหวือหวา
ขณะเดียวกัน บริษัทยังไม่มีแผนที่จะมีการเพิ่มทุนจดทะเบียน และการแตกพาร์ เพราะบริษัทยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมากในโครงการขนาดใหญ่ เพราะในปีที่ผ่านมาบริษัทได้มีการลงทุนไปแล้วจำนวน 200 ล้านบาท ซึ่งเป็นการลงทุนระยะเวลา 2 ปี ในการซื้อที่ดิน จัดตั้งบริษัท เว็ลตี้เฮลท์แคร์ จำกัด มีทุนจดทะเบียน 60 ล้านบาท พาร์ 10 บาท หุ้นสามัญ 6 ล้านหุ้น บริษัทถือหุ้น 99.99% ของทุนจดทะเบียน เพื่อดำเนินธุรกิจ ประเภทธุรกิจให้บริการรักษาพยาบาล และสนับสนุนธุรกิจบริษัทในเครือ จะเริ่มดำเนินการได้ในปีนี้
"ขณะนี้บริษัทมีปริมาณหุ้นที่หมุนเวียนในตลาดหลักทรัพย์ (ฟรีโฟท) 50% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด ที่ 16 ล้านหุ้น แต่บริษัทไม่รู้สึกกังวลและยังไม่มีแผนที่จะมีการเพิ่มปริมาณฟรีโฟท เนื่องจากนักลงทุนที่ซื้อหุ้นของบริษัทจะลงทุนระยะยาว เพราะ บริษัทมีการจ่ายปันผลทุกปี กำไรเติบโตต่อเนื่องปีละ 15% มากกว่าที่จะหวังผลต่างของราคาหุ้น" นายพงษ์พัฒน์ กล่าวว่า
สำหรับผลการสำรวจผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้น 5 ปีย้อนหลัง พบว่าธุรกิจโรงพยาบาลให้ผลตอบแทนมากเป็นอันดับที่ 1 หรือคิดเป็นอัตราผลตอบแทน 75% และบริษัทโรงพยาบาลมหาชัย ให้ผลตอบแทนมากเป็นอันดับที่ 4 ในกลุ่มธุรกิจโรงพยาบาล หรือคิดเป็นอัตราผลตอบแทน 40.3%
นายพงษ์พัฒน์ กล่าวว่า บริษัทคาดว่าปีนี้จะมีรายได้เพิ่มขึ้น 15% จำนวนกว่า 1,000 ล้านบาท จากปี 48 ที่มีรายได้รวม 918.45 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 54.39 ล้านบาท เนื่องจาก จะมีการขยายฐานลุกค้าเงินสด (ผู้ป่วยนอก) เพิ่มมากขึ้น รวมทั้งมีบริการตรวจโรคเฉพาะทางผ่านทางศูนย์หัวใจมหาชัยและศูนย์โรคไตและไตเทียม ซึ่งจะทำให้รายได้ต่อคนไข้เพิ่มขึ้นอีก 5-6% จากปี 2548 ที่มีรายได้ต่อคนไข้ประมาณ 700 บาท
ทั้งนี้ สัดส่วนรายได้จากลูกค้าเงินสดคิดเป็น 70% ของรายได้รวม และลูกค้าประกันสังคมคิดเป็น 30% ของรายได้รวมทั้งนี้กำไรสุทธิไตรมาส1/49ของบริษัทมีการปรับตัวลดลง เหลือ 10.64 ล้านบาท จากไตรมาสเดียวกันปีก่อนที่ 17.6 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทได้มีการลงทุนในการจัดตั้งบริษัทใหม่ และได้มีการซื้อที่ดิน แต่ไตรมาส2/49 บริษัทจะมีกำไรดีขึ้นจากไม่มีค่าใช้จ่ายเหมือนไตรมาส1/49
สำหรับจุดแข็งของบริษัทที่ทำให้สามารถแข่งขันได้ จากการที่มีเครือข่ายโรงพยาบาลแข็งแกร่งในต่างจังหวัด โดยขณะนี้มีโรงพยาบาลในเครือจำนวน 4 แห่งประกอบด้วยโรงพยาบาลมหาชัย โรงพยาบาลมหาชัย 2 โรงพยาบาลแม่กลอง2 และโรงพยาบาลเพชรรัชต์ ซึ่งรวมเป็นจำนวนเตียงประมาณ 600 เตียง มีอัตราการใช้เตียง 60-70% ความสามารถในการรองรับผู้ป่วยนอกอยู่ที่ 2,500 คนต่อวัน ทั้งนี้ยอดรายได้กลุ่มโรงพยาบาลที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์จำนวน 20,000 ล้านบาท บริษัทคิดเป็น 5% หรือ 1,000 ล้านบาท
"บริษัทยอดมรับว่า เรามีขนาดเล็กเมื่อเทียบกับโรงพยาบาลขนาดใหญ่ในกทม. และที่จะรุกตลาดมาในต่างจังหวัดนั้น รวมถึงจะมีการเปิดเสรีการแพทย์นั้น บริษัทเชื่อว่าาบริษัทสามารถแข่งขันกับคู่แข่งทั้งในและต่างประเทศได้ เนื่องจากมีความเชี่ยวชาญด้านการแพทย์ และไม่มีแผนที่จะควบรวมกิจการให้ใหญ่ขึ้น เพราะ บริษัทมีกำไรจากการดำเนินการที่สามารถใช้ลงทุนต่อได้ ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาเงินจากแหล่งอื่นจากที่ไม่มีการลงทุนขาดใหญ่" นายพงษ์พัฒน์ กล่าว
นายพงษ์พัฒน์ ปธานวนิช กรรมการผู้จัดการ บริษัท โรงพยาบาลมหาชัย จำกัด (มหาชน) หรือ M-CHAI เปิดเผยว่า จากการที่บริษัทมีทุนจดทะเบียน 160 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 10 บาท คิดเป็นจำนวนหุ้น 16 ล้านหุ้น ซึ่งถือว่ามีสภาพคล่องที่น้อยนั้น บริษัทไม่มีความกังวลเรื่องการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯ ไม่มีสภาพคล่อง เนื่องจากนักลงทุนที่เข้าลงทุนในบริษัทเป็นนักลงทุนระยะยาว จากที่บริษัทมีอัตราการเติบโตที่ดีปีละ 15% และมีการจ่ายปันผลไม่ต่ำว่า 40% ทุกปี คิดเป็นผลตอบแทนจากเงินปันผล 5% ต่อปี มากกว่าราคาหุ้นหวือหวา
ขณะเดียวกัน บริษัทยังไม่มีแผนที่จะมีการเพิ่มทุนจดทะเบียน และการแตกพาร์ เพราะบริษัทยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมากในโครงการขนาดใหญ่ เพราะในปีที่ผ่านมาบริษัทได้มีการลงทุนไปแล้วจำนวน 200 ล้านบาท ซึ่งเป็นการลงทุนระยะเวลา 2 ปี ในการซื้อที่ดิน จัดตั้งบริษัท เว็ลตี้เฮลท์แคร์ จำกัด มีทุนจดทะเบียน 60 ล้านบาท พาร์ 10 บาท หุ้นสามัญ 6 ล้านหุ้น บริษัทถือหุ้น 99.99% ของทุนจดทะเบียน เพื่อดำเนินธุรกิจ ประเภทธุรกิจให้บริการรักษาพยาบาล และสนับสนุนธุรกิจบริษัทในเครือ จะเริ่มดำเนินการได้ในปีนี้
"ขณะนี้บริษัทมีปริมาณหุ้นที่หมุนเวียนในตลาดหลักทรัพย์ (ฟรีโฟท) 50% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด ที่ 16 ล้านหุ้น แต่บริษัทไม่รู้สึกกังวลและยังไม่มีแผนที่จะมีการเพิ่มปริมาณฟรีโฟท เนื่องจากนักลงทุนที่ซื้อหุ้นของบริษัทจะลงทุนระยะยาว เพราะ บริษัทมีการจ่ายปันผลทุกปี กำไรเติบโตต่อเนื่องปีละ 15% มากกว่าที่จะหวังผลต่างของราคาหุ้น" นายพงษ์พัฒน์ กล่าวว่า
สำหรับผลการสำรวจผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้น 5 ปีย้อนหลัง พบว่าธุรกิจโรงพยาบาลให้ผลตอบแทนมากเป็นอันดับที่ 1 หรือคิดเป็นอัตราผลตอบแทน 75% และบริษัทโรงพยาบาลมหาชัย ให้ผลตอบแทนมากเป็นอันดับที่ 4 ในกลุ่มธุรกิจโรงพยาบาล หรือคิดเป็นอัตราผลตอบแทน 40.3%
นายพงษ์พัฒน์ กล่าวว่า บริษัทคาดว่าปีนี้จะมีรายได้เพิ่มขึ้น 15% จำนวนกว่า 1,000 ล้านบาท จากปี 48 ที่มีรายได้รวม 918.45 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 54.39 ล้านบาท เนื่องจาก จะมีการขยายฐานลุกค้าเงินสด (ผู้ป่วยนอก) เพิ่มมากขึ้น รวมทั้งมีบริการตรวจโรคเฉพาะทางผ่านทางศูนย์หัวใจมหาชัยและศูนย์โรคไตและไตเทียม ซึ่งจะทำให้รายได้ต่อคนไข้เพิ่มขึ้นอีก 5-6% จากปี 2548 ที่มีรายได้ต่อคนไข้ประมาณ 700 บาท
ทั้งนี้ สัดส่วนรายได้จากลูกค้าเงินสดคิดเป็น 70% ของรายได้รวม และลูกค้าประกันสังคมคิดเป็น 30% ของรายได้รวมทั้งนี้กำไรสุทธิไตรมาส1/49ของบริษัทมีการปรับตัวลดลง เหลือ 10.64 ล้านบาท จากไตรมาสเดียวกันปีก่อนที่ 17.6 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทได้มีการลงทุนในการจัดตั้งบริษัทใหม่ และได้มีการซื้อที่ดิน แต่ไตรมาส2/49 บริษัทจะมีกำไรดีขึ้นจากไม่มีค่าใช้จ่ายเหมือนไตรมาส1/49
สำหรับจุดแข็งของบริษัทที่ทำให้สามารถแข่งขันได้ จากการที่มีเครือข่ายโรงพยาบาลแข็งแกร่งในต่างจังหวัด โดยขณะนี้มีโรงพยาบาลในเครือจำนวน 4 แห่งประกอบด้วยโรงพยาบาลมหาชัย โรงพยาบาลมหาชัย 2 โรงพยาบาลแม่กลอง2 และโรงพยาบาลเพชรรัชต์ ซึ่งรวมเป็นจำนวนเตียงประมาณ 600 เตียง มีอัตราการใช้เตียง 60-70% ความสามารถในการรองรับผู้ป่วยนอกอยู่ที่ 2,500 คนต่อวัน ทั้งนี้ยอดรายได้กลุ่มโรงพยาบาลที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์จำนวน 20,000 ล้านบาท บริษัทคิดเป็น 5% หรือ 1,000 ล้านบาท
"บริษัทยอดมรับว่า เรามีขนาดเล็กเมื่อเทียบกับโรงพยาบาลขนาดใหญ่ในกทม. และที่จะรุกตลาดมาในต่างจังหวัดนั้น รวมถึงจะมีการเปิดเสรีการแพทย์นั้น บริษัทเชื่อว่าาบริษัทสามารถแข่งขันกับคู่แข่งทั้งในและต่างประเทศได้ เนื่องจากมีความเชี่ยวชาญด้านการแพทย์ และไม่มีแผนที่จะควบรวมกิจการให้ใหญ่ขึ้น เพราะ บริษัทมีกำไรจากการดำเนินการที่สามารถใช้ลงทุนต่อได้ ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาเงินจากแหล่งอื่นจากที่ไม่มีการลงทุนขาดใหญ่" นายพงษ์พัฒน์ กล่าว