xs
xsm
sm
md
lg

การเมืองไทย...ใกล้ความฝัน (14) บทเรียนราคาแพงนั้นมีค่า

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ผมเชื่อว่านักลงทุนคงต้องตามเรื่องการเมืองไปเรื่อยๆจนกว่าจะเห็นภาพชัดมากขึ้น และนอกจากเราจะตามเรื่องการเมือง เพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจลงทุนได้ดีขึ้นแล้ว เราทุกคนมีส่วนร่วมในการพัฒนาคุณภาพของการเมืองไทย ด้วยพลังการตรวจสอบของประชาชน และจะนำไปสู่การพัฒนาเศรษฐกิจที่เข้มแข็งมากขึ้น ผมไม่ได้หมายความว่า การตรวจสอบจะหมายถึงการค้านอำนาจรัฐอย่างเดียว ผมเชื่อว่าการตรวจสอบต้องมีคุณภาพ คือให้กำลังใจในการทำในสิ่งที่ถูกต้องและคัดค้านในสิ่งที่เป็นปัญหาของส่วนรวม

มีแนวโน้มที่สภาวะปัญหาการเมืองไทยยังไม่นิ่ง เราน่าจะมีการเลือกตั้งใหม่ ผมอยากให้กำลังใจในแง่บวกว่า เราไม่ควรรู้สึกเบื่อหรือท้อแท้ เราควรมีกำลังใจว่า สิ่งที่เกิดขึ้นนั้น มีพระพรเป็นบทเรียนซ่อนอยู่ ดังนี้

(1) มีบทเรียนว่า “ต้นไม้ดีย่อมให้แต่ผลดี ต้นไม้เลวก็ย่อมให้ผลเลว ต้นไม้ดีจะเกิดผลเลวไม่ได้ หรือต้นไม้เลวจะเกิดผลดีก็ไม่ได้ ต้นไม้ซึ่งไม่เกิดผลดีย่อมต้องถูกฟันลงและทิ้งเสียในไฟ เหตุฉะนั้น ท่านจะรู้จักเขาได้เพราะผลของเขา” หากมีการเลือกตั้งใหม่จริง ผมอยากให้กำลังใจนักการเมืองว่า เราควร “แยกแยะ” เหตุดีนำไปสู่ผลดี และเหตุไม่ดีก็นำไปสู่ผลไม่ดี ด้วยจิตใจที่มีสำนึกประกอบด้วยคุณธรรม

1.1) ไม่ใช่ว่า “คนทำตามกติกาลงเลือกตั้งที่ผ่านมาต้องเสียเปรียบ” ลงทุนเพื่อหาเสียงไปแล้วมากมาย กลับต้องเลือกตั้งใหม่ แต่น่าจะคิดได้ว่า การทำตามกติกาไม่ได้เป็นผลให้อาจเสียเปรียบ แต่เป็นผลของการหลีกเลี่ยงจากประเด็นการตรวจสอบจากข้อกล่าวหาต่างๆว่ามีการทุจริต เอื้อประโยชน์ส่วนตนมากมายจนนำไปสู่การยุบสภาให้เลือกตั้งใหม่ในเวลาอันสั้นนั้นต่างหาก ที่ไม่เป็นที่ยอมรับของประชาชน การจัดการเลือกตั้งที่ผ่านมา ก็มีความไม่ชอบมาพากลหลายประการ เช่น การรักษาการลงคะแนนให้เป็นการลับ การมีพรรคเล็กถูกว่าจ้างให้ส่งสมัครรับเลือกตั้ง เป็นต้น ที่นำไปสู่การจัดเลือกตั้งใหม่

1.2) ไม่ใช่ว่า “ตกลงเราจะต้องยอมตามกฎหมู่หรือ ?” ผมเห็นด้วยว่า รัฐบาลจะบริหารงานได้ยากมาก หากมีกลุ่มคนจัดตั้งขึ้นเพื่อเรียกร้องประโยชน์ส่วนตนแล้วรัฐบาลต้องทำตามกฎหมู่เช่นนั้น แต่อย่างกรณีนี้ เมื่อประชาชนบางกลุ่มไม่พอใจการบริหารงานที่ไม่สุจริต และผู้บริหาร “มิได้ตอบปัญหา” ที่ถาม เพียงแต่ให้คำตอบที่บิดเบือนและเป็นทางเดียว ไม่เคยให้ซักถามอย่างรู้ทัน ก็สมควรที่จะถือได้ว่า ผู้ประท้วงได้เรียกร้องเพื่อประโยชน์ส่วนรวม มิใช่เพื่อประโยชน์เฉพาะของกลุ่มตนแต่อย่างใด จึงได้สะท้อนถึงการเมืองภาคประชาชนเพื่อการตรวจสอบที่มีความเข้มแข็งที่น่ายินดี และไม่ควรที่ใครจะนำไปบิดเบือนว่า เราต้องยอมรับกฎหมู่

หากมีใครตีความแตกต่างจากนี้ น่าจะคิดว่า ได้ใช้จิตสำนึกแห่งคุณธรรมและความชอบธรรมหรือไม่ ? และน่าเสียดายที่จะไม่ได้รับบทเรียนที่มีค่าเหล่านี้

(2) มีบทเรียนอีกว่า “คนรักเงินย่อมไม่อิ่มเงิน และคนรักสมบัติไม่รู้จักอิ่มกำไร นี่ก็อนิจจังด้วย” ผมอยากให้กำลังใจผู้บริหารบ้านเมืองว่า การเสียสละมาทำงานเพื่อส่วนรวมนั้น เป็นสิ่งที่น่ายกย่อง ผู้มีความสามารถและได้ใช้ความสามารถบริหารงานราชการ เพื่อประโยชน์สุขของประเทศชาติและประชาชนเป็นที่ประจักษ์ อาจได้รับเกียรติเป็นรัฐบุรุษอีกท่านได้ แต่การเป็นที่ยอมรับได้นั้น ย่อมต้องอยู่บนความสัตย์ซื่อ ทำงานเพื่อส่วนรวม ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ส่วนตน แต่จะว่าไป หากทำงานอย่างสุจริต แล้วมีเงินเป็นหลักพันล้าน เทียบกับการเสี่ยงทุจริต แล้วมีเงินเป็นหลักแสนล้าน แต่ไม่เป็นที่เคารพนับถือ ก็ไม่รู้ว่าจะเอาเงินส่วนเพิ่มมากมายไปอีกทำไม แลกกับศักดิ์ศรีและเกียรติภูมิของตน เพราะ “การหลับของกรรมกรก็ผาสุกไม่ว่าเขาจะได้กินน้อยหรือได้กินมาก แต่ความอิ่มท้องของคนมั่งมีก็ไม่ช่วยเขาให้หลับ”

เราก็คงเตรียมตัวกับการเลือกตั้งใหม่ ผมอยากให้เราคนไทยมีส่วนร่วมกันเพื่อการเมืองที่พัฒนามากขึ้น ผมเชื่อว่า การเมืองย่อมต้องมีส่วนดีและส่วนเสียเสมอ แต่การเมืองที่ดี เมื่อมีการหลงจากทางที่ชอบธรรมไปทางใดทางหนึ่ง ต้องมีพลังกดดันเพียงพอให้กลับมาสู่ความชอบธรรม และเราคนไทยมีส่วนร่วมกันทุกคนที่จะทำให้การเมืองชอบธรรม และนำไปสู่การพัฒนาประเทศชาติที่เติบโตยั่งยืนครับ

มนตรี ศรไพศาล(montree4life@yahoo.com)
กำลังโหลดความคิดเห็น