ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ (กคช.) เตรียมพิจารณาปรับราคาบ้านเอื้ออาทรขึ้นจาก 390,000 บาทต่อยูนิต อีกไม่เกินร้อยละ 5 เหตุจากต้นทุนต่างๆ สูงขึ้นต่อเนื่อง เชื่อจะไม่เป็นภาระผู้ผ่อนบ้านมากเกินไป มั่นใจโครงการบ้านเอื้ออาทรยังเป็นโครงการที่ได้รับความสนใจจากประชาชนผู้มีรายได้น้อยที่ต้องการมีบ้านของตนเองในราคาไม่แพงอย่างต่อเนื่องได้
นางชวนพิศ ฉายเหมือนวงศ์ ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ เปิดเผยว่า จากปัญหาราคาน้ำมันแพงอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมาจนถึงขณะนี้ ทำให้ผู้ประกอบการที่รับเหมาทำโครงการบ้านเอื้ออาทรของการเคหะแห่งชาติในแต่ละพื้นที่มีภาระเพิ่มขึ้นเมื่อรวมกับภาระต่างๆ ที่การเคหะแห่งชาติต้องแบกรับอยู่ในขณะนี้เพิ่มสูงขึ้น ดังนั้น การเคหะแห่งชาติกำลังพิจารณาข้อมูลผลกระทบต่างๆ ที่เกิดขึ้นนำไปวิเคราะห์และอาจจำเป็นต้องปรับราคาบ้านในโครงการเอื้ออาทรขึ้นตามต้นทุนที่สูงขึ้นอีกอย่างน้องประมาณร้อยละ 5 จากปัจจุบันราคาบ้านเอื้ออาทรของการเคหะแห่งชาติอยู่ที่ยูนิตละ 390,000 บาท เป็นกว่า 400,000 บาท เพื่อบรรเทาผลกระทบจากต้นทุนการก่อสร้างและวัสดุต่างๆ มีราคาสูงขึ้นอยู่ในขณะนี้
“ยอมรับว่าราคาน้ำมันแพงอย่างต่อเนื่องส่งผลกระทบต่อต้นทุนการก่อสร้างโครงการบ้านเอื้ออาทรในแต่ละโครงการอย่างมาก หากการเคหะฯ ไม่ปรับราคาบ้านเอื้ออาทรขึ้นไปบ้างก็อาจจะทำให้ผู้รับเหมาก่อสร้างแบกรับต้นทุนไม่ไหว แต่การพิจารณาปรับราคาบ้านเอื้ออาทรขึ้นจะพยายามปรับขึ้นให้น้อยที่สุด โดยเบื้องต้นหากจะปรับราคาบ้านขึ้นจะไม่ขึ้นไม่เกินร้อยละ 5 จากราคาบ้านเอื้ออาทรปัจจุบันอยู่ที่หลังละ 390,000 บาท เป็นกว่า 400,000 บาทต้นๆ ซึ่งตัวเลขการปรับราคาบ้านในโครงการบ้านเอื้ออาทรขึ้นหรือไม่จะต้องนำเสนอต่อกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ได้พิจารณาอีกครั้งหนึ่ง” นางชวนพิศ กล่าว
นางชวนพิศ กล่าวอีกว่า ราคาบ้านเอื้ออาทรที่จะพิจารณาปรับขึ้นนั้น การเคหะฯ คิดว่าน่าจะปรับใช้จริงได้ในปี 2550 ซึ่งในปี 2549 ยังจะเป็นราคาเดิมไปก่อน แต่อยากให้ประชาชนได้เตรียมความพร้อมไว้ และเมื่อราคาบ้านเอื้ออาทรขยับขึ้นไปบ้างแล้วอัตราการผ่อนส่งและการคิดอัตราดอกเบี้ยที่ธนาคารออมสินและธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) จะต้องขยับตามไปด้วย โดยปัจจุบันทั้ง 2 ธนาคารคิดอัตราดอกเบี้ยผู้ผ่อนบ้านในโครงการบ้านเอื้ออาทรอยู่ที่ร้อยละ 5.50 ต่อปี และในปี 2550-2553 ทั้ง 2 ธนาคารจะปรับดอกเบี้ยขึ้นอีกร้อยละ 0.5 เป็นร้อยละ 6 ซึ่งจะทำให้อัตราการผ่อนชำระบ้านในแต่ละเดือนขยับขึ้นไปบ้างจากปัจจุบันผ่อนชำระเฉลี่ยต่อเดือนอยู่ที่ประมาณ 1,800 บาท เป็น 2,000 บาทต่อเดือน ตลอดอายุสัญญาผ่อนชำระ 30 ปี
“การเคหะฯ จะพยายามไม่สร้างภาระให้กับประชาชนผู้ผ่อนชำระบ้านตามโครงการบ้านเอื้ออาทรแต่ละโครงการมากเกินไป แม้ว่าจะปรับราคาบ้านหรืออัตราดอกเบี้ยผ่อนชำระบ้านขึ้นไปบ้าง ซึ่งจะเน้นคำนึงถึงไม่ให้กระทบต่อค่าครองชีพของประชาชนที่ผ่อนชำระบ้านเอื้ออาทรมากจนเกินไป แต่หากไม่มีการปรับราคาบ้านหรือขยับอัตราดอกเบี้ยขึ้นไปตามต้นทุนที่สูงขึ้นไปบ้างก็จะทำให้ผู้ประกอบการที่รับเหมาก่อสร้างอยู่ก็ทนแบกรับภาระที่สูงขึ้นไม่ไหวเช่นกัน และเชื่อว่าประชาชนผู้ผ่อนชำระบ้านหรือผู้ที่สนใจในโครงการบ้านเอื้ออาทรของการเคหะแห่งชาติจะเข้าใจปัญหาดังกล่าวได้เป็นอย่างดี และเท่าที่ได้สำรวจความต้องการบ้านเอื้ออาทรของประชาชนทั่วไปยังมีความต้องการเพิ่มมากขึ้น เพราะเป็นโครงการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนผู้มีรายได้น้อยให้สามารถมีบ้านเป็นของตนเองในราคาที่ไม่แพงมากนัก” นางชวนพิศ กล่าว
นางชวนพิศ ฉายเหมือนวงศ์ ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ เปิดเผยว่า จากปัญหาราคาน้ำมันแพงอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมาจนถึงขณะนี้ ทำให้ผู้ประกอบการที่รับเหมาทำโครงการบ้านเอื้ออาทรของการเคหะแห่งชาติในแต่ละพื้นที่มีภาระเพิ่มขึ้นเมื่อรวมกับภาระต่างๆ ที่การเคหะแห่งชาติต้องแบกรับอยู่ในขณะนี้เพิ่มสูงขึ้น ดังนั้น การเคหะแห่งชาติกำลังพิจารณาข้อมูลผลกระทบต่างๆ ที่เกิดขึ้นนำไปวิเคราะห์และอาจจำเป็นต้องปรับราคาบ้านในโครงการเอื้ออาทรขึ้นตามต้นทุนที่สูงขึ้นอีกอย่างน้องประมาณร้อยละ 5 จากปัจจุบันราคาบ้านเอื้ออาทรของการเคหะแห่งชาติอยู่ที่ยูนิตละ 390,000 บาท เป็นกว่า 400,000 บาท เพื่อบรรเทาผลกระทบจากต้นทุนการก่อสร้างและวัสดุต่างๆ มีราคาสูงขึ้นอยู่ในขณะนี้
“ยอมรับว่าราคาน้ำมันแพงอย่างต่อเนื่องส่งผลกระทบต่อต้นทุนการก่อสร้างโครงการบ้านเอื้ออาทรในแต่ละโครงการอย่างมาก หากการเคหะฯ ไม่ปรับราคาบ้านเอื้ออาทรขึ้นไปบ้างก็อาจจะทำให้ผู้รับเหมาก่อสร้างแบกรับต้นทุนไม่ไหว แต่การพิจารณาปรับราคาบ้านเอื้ออาทรขึ้นจะพยายามปรับขึ้นให้น้อยที่สุด โดยเบื้องต้นหากจะปรับราคาบ้านขึ้นจะไม่ขึ้นไม่เกินร้อยละ 5 จากราคาบ้านเอื้ออาทรปัจจุบันอยู่ที่หลังละ 390,000 บาท เป็นกว่า 400,000 บาทต้นๆ ซึ่งตัวเลขการปรับราคาบ้านในโครงการบ้านเอื้ออาทรขึ้นหรือไม่จะต้องนำเสนอต่อกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ได้พิจารณาอีกครั้งหนึ่ง” นางชวนพิศ กล่าว
นางชวนพิศ กล่าวอีกว่า ราคาบ้านเอื้ออาทรที่จะพิจารณาปรับขึ้นนั้น การเคหะฯ คิดว่าน่าจะปรับใช้จริงได้ในปี 2550 ซึ่งในปี 2549 ยังจะเป็นราคาเดิมไปก่อน แต่อยากให้ประชาชนได้เตรียมความพร้อมไว้ และเมื่อราคาบ้านเอื้ออาทรขยับขึ้นไปบ้างแล้วอัตราการผ่อนส่งและการคิดอัตราดอกเบี้ยที่ธนาคารออมสินและธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) จะต้องขยับตามไปด้วย โดยปัจจุบันทั้ง 2 ธนาคารคิดอัตราดอกเบี้ยผู้ผ่อนบ้านในโครงการบ้านเอื้ออาทรอยู่ที่ร้อยละ 5.50 ต่อปี และในปี 2550-2553 ทั้ง 2 ธนาคารจะปรับดอกเบี้ยขึ้นอีกร้อยละ 0.5 เป็นร้อยละ 6 ซึ่งจะทำให้อัตราการผ่อนชำระบ้านในแต่ละเดือนขยับขึ้นไปบ้างจากปัจจุบันผ่อนชำระเฉลี่ยต่อเดือนอยู่ที่ประมาณ 1,800 บาท เป็น 2,000 บาทต่อเดือน ตลอดอายุสัญญาผ่อนชำระ 30 ปี
“การเคหะฯ จะพยายามไม่สร้างภาระให้กับประชาชนผู้ผ่อนชำระบ้านตามโครงการบ้านเอื้ออาทรแต่ละโครงการมากเกินไป แม้ว่าจะปรับราคาบ้านหรืออัตราดอกเบี้ยผ่อนชำระบ้านขึ้นไปบ้าง ซึ่งจะเน้นคำนึงถึงไม่ให้กระทบต่อค่าครองชีพของประชาชนที่ผ่อนชำระบ้านเอื้ออาทรมากจนเกินไป แต่หากไม่มีการปรับราคาบ้านหรือขยับอัตราดอกเบี้ยขึ้นไปตามต้นทุนที่สูงขึ้นไปบ้างก็จะทำให้ผู้ประกอบการที่รับเหมาก่อสร้างอยู่ก็ทนแบกรับภาระที่สูงขึ้นไม่ไหวเช่นกัน และเชื่อว่าประชาชนผู้ผ่อนชำระบ้านหรือผู้ที่สนใจในโครงการบ้านเอื้ออาทรของการเคหะแห่งชาติจะเข้าใจปัญหาดังกล่าวได้เป็นอย่างดี และเท่าที่ได้สำรวจความต้องการบ้านเอื้ออาทรของประชาชนทั่วไปยังมีความต้องการเพิ่มมากขึ้น เพราะเป็นโครงการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนผู้มีรายได้น้อยให้สามารถมีบ้านเป็นของตนเองในราคาที่ไม่แพงมากนัก” นางชวนพิศ กล่าว