xs
xsm
sm
md
lg

การเมืองไทย...ใกล้ความฝัน (4) ในเทศกาลแห่งความรัก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


โดย มนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด มหาชน) (montree4life@yahoo.com)

ในเดือนแห่งเทศกาลความรัก เรื่องการเมืองไทยก็ดูจะร้อนแรงยิ่งๆ ขึ้น สำหรับนักลงทุน ขอให้ตระหนักในสภาพแวดล้อมที่ผันผวน มีข่าวดีและข่าวร้ายสลับกันไป ดังนั้นนักลงทุนควรเรียนรู้ว่า (1) ต้องระมัดระวังการลงทุนอย่างรอบคอบ (2) ต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด (3) ข่าวที่ทำให้ปัญหาบานปลายเป็นข่าวร้าย ข่าวที่ทำให้ปัญหาคลี่คลายเป็นข่าวดี และ (4) จนกว่าจะได้ทางออกระยะยาว จะมีข่าวดีและข่าวร้ายสลับกันออกมาจากแต่ละฝ่าย

ผมขอมองการเมืองไทยด้วยใจรัก ดังนี้

1.เสถียรภาพและความสงบของบ้านเมือง เป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้บ้านเมืองเจริญก้าวหน้า ดังครอบครัวที่รักสามัคคีกัน ครอบครัวก็ก้าวหน้า กิจการที่รักสามัคคีกัน กิจการก็ก้าวหน้า ประเทศที่รักสามัคคีกัน ประเทศก็ก้าวหน้า เพราะความรักความสามัคคีจะทำให้ ทุกคนทุ่มเทพลังงาน สร้างคุณค่าต่อกัน และส่วนรวมก็เกิดคุณค่ารวมที่สูงเป็น Positive-Sum Game แต่ความไม่รักสามัคคีกัน นำไปสู่ความเอาเปรียบ โกงกัน สังคมคิดเพียงเอาประโยชน์ส่วนตนเป็นที่ตั้ง เพียงคิดเอาประโยชน์จากผู้อื่น ก็เป็นสังคม Zero-Sum Game ซึ่งจะเกิดความอ่อนแอ ขาดความจริงใจกัน หากสังคมเห็นกันว่า ผู้มีความสามารถคือผู้สามารถสร้างความได้เปรียบ หรือเอาเปรียบผู้อื่น ถึงจุดหนึ่งก็ยากที่จะรักษาความสงบและความสามัคคีได้

2.ประชาธิปไตยที่มั่นคง และโปร่งใส ทำให้เศรษฐกิจไทยก้าวหน้าและประชาธิปไตยในทุกประเทศต้องใช้เวลาในการเติบโต เป็นที่พิสูจน์แล้วว่า การปกครองประเทศให้ก้าวหน้า พึงทำเพื่อประชาชน โดยประชาชน การเลือกตั้งที่บริสุทธิ์เพื่ออำนาจรัฐจึงมีความสำคัญ คนไทยเราสำนึกพระคุณสถาบันพระมหากษัตริย์ที่ได้ทรงสละพระราชอำนาจให้ประเทศไทยมีรัฐธรรมนูญการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข และพระมหากษัตริย์ของเรา ทรงพระปรีชาและทรงปกครองดูแลพสกนิกรของพระองค์ด้วยความรักความเมตตาเป็นที่ประจักษ์เสมอมา กว่าจะถึงจุดที่ประชาธิปไตยในประเทศจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ก็จะผ่านช่วงลองผิดลองถูก ผ่านจากช่วงเผด็จการทหาร ก็มาสู่ช่วงเงินนิยม (ผมไม่อยากให้สับสนกับระบบทุนนิยมด้านเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นธรรมชาติที่ไม่เลวร้าย หากเราเรียนรู้ที่จะทำธุรกิจแบบเสรีนิยมจริงๆ ที่ทุกคนได้ผลตอบแทนจากสิ่งที่ “สร้าง” ให้คนอื่น ไม่ใช่สิ่งที่ “เอา” จากคนอื่น)ประชาธิปไตยในบ้านเราเปรียบเหมือนเด็กกำลังโต และอาจหลงทางในการลองผิดลองถูก ก็อาจถูกทำโทษบ้าง เพื่อเรียนรู้ ผมก็หวังในด้านดีว่า กระบวนการความแตกต่างทางความคิด จะนำไปสู่การเรียนรู้ แต่ขอให้อยู่บนพื้นฐาน 2 ข้อคือ (1) เราถูกสร้างมาให้มีกันและกัน เพื่อกันและกัน ทุกคนควรคำนึงถึงส่วนรวมด้วย การเห็นแก่ตัวเป็นรากแห่งความทุกข์ของสังคม และ (2) ดังนั้น เราพึงรักกันและกัน รักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง เป้าหมายและหลักการที่ถูกต้องจะนำไปสู่การเรียนรู้ที่ถูกต้อง

3.แผ่นดินธรรม แผ่นดินทอง แผ่นดินไหนที่เป็นธรรม แผ่นดินนั้นจะเป็นทอง ความรัก ความจริงใจที่คนในประเทศมีต่อกัน จะนำไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองเป็นแผ่นดินทองได้ แม้การเมืองบ้านเราจะค่อยๆ เติบโต แต่ผมก็ถือว่ามีความเจริญมากเป็นลำดับตลอดอายุ 40 ปีเศษของผม (แม้ดูภายนอกจะนึกว่าอายุไม่ถึงก็ตาม) เราจึงควรเชื่อในหลักที่ถูกต้องว่า มนุษย์เราถูก “สร้าง” มาอย่างให้ “เป็นผู้สร้าง” อยู่แล้ว ไม่มีสัตว์เผ่าพันธุ์ใด หรือพืชใดที่สร้างสรรค์อะไรใหม่ นอกจากมนุษย์ สังคมใดๆ ในโลกเจริญได้ เมื่อทุกคนใช้พลังงาน “สร้าง” คุณค่าต่อกัน ไม่ใช่เกิดมาเพื่อกินพื้นที่ในโลก และเอาผลประโยชน์ใส่ตนเท่านั้น หากเราเชื่อว่า เมื่อเรารักกัน จริงใจต่อกัน ดำเนินชีวิตต่อกันและกันด้วยความรัก ก็จะทำให้แผ่นดินเราเป็น แผ่นดินธรรม แล้วแผ่นดินเราก็จะเป็นแผ่นดินทองครับ

การเลือกตั้งเป็นส่วนสำคัญของประชาธิปไตย การชุมนุม “อย่างสงบ” ก็เป็นสิทธิพื้นฐานของประชาชนตามระบอบประชาธิปไตย ขอให้ทุกฝ่ายใช้สติ ความรัก ความปรารถนาดี เรียกร้องความรักชาติ รักประชาชน รักคุณธรรมความดี อย่าสร้างความแตกแยก แต่เคารพความแตกต่าง และเรียนรู้กันและกันจากความแตกต่าง เพื่อประชาธิปไตยไทยจะได้เติบโต และเชื่อว่าเศรษฐกิจไทยจะเจริญรุ่งเรืองครับ
กำลังโหลดความคิดเห็น