“ได้ค่าจ้างจากตระกูลชินวัตร ในฐานะโฆษกตระกูลชินวัตรเท่าไหร่หรือนี่” เสียงจากสายโทรศัพท์โผล่งออกมาถามทีมงานผู้จัดการรายวัน ทันทีเมื่อถ้อยแถลงชี้แจงต่อสื่อมวลชนของ “สุวรรณ วลัยเสถียร” โฆษกตระกูลชินวัตร และดามาพงศ์ ผ่านทางโทรทัศน์ช่อง 9 เสร็จสิ้นลง
ที่สำคัญ น้ำเสียงในสายโทรศัพท์ยังเต็มไปด้วยความผิดหวัง และเสียดายในความเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายและภาษี มือพระกาฬของประเทศ คนที่พวกเขาเคยนับหน้าถือตา
“พี่ฟังแล้วรู้สึกเกลียด เห็นบอกว่าเพิ่งรับทำงานโฆษกตระกูลชินวัตร 5 อาทิตย์ ทำไมถึงชี้แจงเป็นตุเป็นตะขนาดนี้ ขายหุ้นละ 1 บาท กระเป๋าซ้าย ขวา ประทานโทษเรื่องแบบนี้ถ้าไม่ใช่พ่อคิด ลูกคิดเองไม่ได้หรอก ความน่าเชื่อถือของสุวรรณไม่เหลือแล้วตอนนี้”
มีคนกล่าวตรงกันว่า คำชี้แจงที่ออกจากปาก “สุวรรณ” ยังมีหลายคำตอบที่เลี่ยงแบบน้ำขุ่น
แล้ว “สุวรรณ วลัยเสถียร” คนที่ออกมารับหน้าเสื่อตอบคำถามให้ตระกูลชินวัตรเป็นใครกัน สนิทชิดเชื้อกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีแค่ไหน!!
ในทางการเมืองอย่างเป็นทางการนั้น “สุวรรณ” ทำงานให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย เมื่อปี 2544 ก่อนได้รับความไว้วางใจให้นั่งตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2544
ความเชี่ยวกรากด้านภาษีของ “สุวรรณ” ทำให้เขาเคยได้รับการมอบหมายให้ศึกษาโครงสร้างการจัดเก็บภาษีทั้งระบบ อย่างไรก็ดี ข่าวคราวของ “สุวรรณ” เริ่มห่างหายจากวงการการเมืองพอสมควร หลังจากพ้นตำแหน่ง รมช.พาณิชย์
จวบจนกระทั่งเมื่อดีลการซื้อขายหุ้นชิน คอร์ปอเรชั่น (SHIN) ที่ข่าวรั่วเป็นปียุติลง ชื่อของ “สุวรรณ” ก็โผล่ขึ้นมาชนิดที่ตกเป็น “ทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์” อีกครั้ง เพราะเขาปรากฏกายในฐานะ “โฆษกตระกูลชินวัตร” เพื่อชี้แจงดีลขายหุ้นชินคอร์ป ให้กับกลุ่มเทมาเส็ก มูลค่ากว่า 7.3 หมื่นล้านบาท
โดยที่การขายครั้งนี้ 2 ผู้ถือหุ้นใหญ่ “ตระกูลชินวัตร-ดามาพงศ์” ไม่ต้องเสียภาษีให้กับกรมสรรพากรแม้แต่สตางค์แดงเดียว จากกระบวนการโอนหุ้นมีการโยนกันไปกันมาอย่างสลับซับซ้อนชวนน่าสงสัย
ยิ่งไปกว่านั้น พ.ต.ท.ทักษิณ อยู่ในฐานะผู้นำตระกูลชินวัตร และเป็นผู้นำประเทศ กลับปล่อยให้มีพฤติการณ์เลี่ยงภาษีเสียเอง แทนที่จะเป็นแบบอย่างในการเสียภาษีให้ประชาชน
เป็นธรรมดาที่ใครต่อใครย่อมอดคิดถามไม่ได้ว่า ในฐานะมือกฎหมายชั้นเซียนอย่าง “สุวรรณ” เขาได้รับค่าตัวจากดีลนี้เป็นจำนวนเงินเท่าไหร่ ???
ส่วนถ้าใครจะหาคำตอบเรื่องนี้คงลำบากถ้าเจ้าตัวไม่ตอบ แต่หากวิเคราะห์คาดคะเนไปตามประวัติการทำงาน ก็ไปเดากันเองได้ เพราะ “สุวรรณ” ขึ้นชื่อในวงการตลาดทุนมาช้านานแล้วว่า การรับงานทำธุรกิจเรื่องภาษี-บัญชี หรือที่ปรึกษาธุรกรรม “ราคาแพง” จนเป็นที่มาของความร่ำรวยของเขาในวันนี้
แต่ยังมีสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม ก็คือ สุวรรณ คนนี้เป็นใครและเป้าหมายของงานชิ้นนี้เพื่ออะไร?
“สุวรรณ” เกิดเมื่อวันที่ 13 ก.ค.2488 ที่กรุงเทพฯ สมรสกับนางดวงใจ วลัยเสถียร จบการศึกษาชั้นประกาศนียบัตรที่โรงเรียนอัสสัมชัญพาณิชย์, นิติศาสตรบัณฑิต (เกียรตินิยม) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, เนติบัณฑิตไทย, นิติศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัย Harvard และนิติศาสตร์ดุษฎีบัณฑิต มหาวิทยาลัย George Washington
ด้วยฝีไม้ลายมือด้านภาษี-บัญชีของเขาที่ไม่ธรรมดา ทำให้ชื่อเสียงของสุวรรณโด่งดังในตลาดทุนไทยมานาน ผ่านสถานการณ์และวิกฤตการณ์ในตลาดหุ้นไทยครั้งสำคัญหลายครั้ง ตลอดจนธุรกรรมเทกโอเวอร์ วางแผนการทำธุรกิจของบริษัทจดทะเบียนก็เคยโชว์ผลงานมาแล้ว
ชั่วโมงนั้นไม่มีใครไม่รู้จัก สุวรรณ วลัยเสถียร มือกฎหมาย-ภาษี-บัญชี มาถึงปัจจุบันก็ยังเชื่อว่าหลายคนยังจดจำฝีไม้ลายมือในอดีตของเขาได้ดี เมื่อสมัยหนึ่งเขาเคยเป็นที่ปรึกษาคนสำคัญให้กับกลุ่มเอกธนกิจ (ฟินวัน) กลุ่มธุรกิจด้านการเงินยักษ์ใหญ่ในอดีตที่ล้มลงเมื่อวิกฤตเศรษฐกิจ
โดยที่ทุกวันนี้ “ปิ่น จักกะพาก” เจ้าของอาณาจักรเอกธนกิจ นอกจากไม่ต้องรับผิดชอบเหตุการณ์เหมือนเจ้าของไฟแนนซ์รายอื่นๆ แล้ว ปัจจุบันยังสามารถไปใช้ชีวิตในต่างแดนได้
ส่วนการทำงานในทางการเมืองปัจจุบัน เขาเปิดตัวเป็นผู้ลงสมัครสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ที่กำลังจะมีการเลือกตั้งในเดือนเมษายน 2549 แล้วผลงานชิ้นนี้จะหนุน หรือฉุดคะแนนเสียงก็ต้องติดตามกันต่อไป


