xs
xsm
sm
md
lg

Joy to the World (3)

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

โดย มนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด มหาชน) (montree4life@yahoo.com)

ในองค์ประกอบของความหมายของวันคริสตมาส อันเป็นที่มาของหลักการ Joy to the World มีพระพรหลักๆที่ผมชื่นชอบมาก 3 ส่วน คือ พระเจ้าทรงประทานความชื่นชมยินดี (Joy) พระเจ้าทรงสร้างสันติ (Peace) และ พระเจ้าทรงเป็นความรัก (Love)ในบทความที่แล้ว ผมได้พูดถึงเรื่องความความชื่นชมยินดีไปแล้ว ผมยังระลึกถึงคำสอนหลายๆเรื่องในการสร้างสันติของพระเจ้า เช่น ตามข้อพระคัมภีร์ว่า “เหตุฉะนั้น ถ้าท่านนำเครื่องบูชามาถึงแท่นบูชาแล้ว และระลึกขึ้นได้ว่า พี่น้องมีเหตุขัดเคืองข้อหนึ่งข้อใดกับท่าน จงวางเครื่องบูชาไว้ที่หน้าแท่นบูชา กลับไปคืนดีกับพี่น้องผู้นั้นเสียก่อน แล้วจึงค่อยมาถวายเครื่องบูชาของท่าน” พระองค์ทรงให้ระลึกว่า ความสัมพันธ์ต่อกันและกันนั้นสำคัญยิ่ง หากมีปัญหากัน ก็ไปคืนดีกันเสียก่อน ก่อนมาหาพระองค์ด้วย

ผมขอยกตัวอย่างอีกภาพยนตร์เรื่อง Pocahontas ซึ่งเป็นเรื่องของคน 2 กลุ่มที่มาต่อสู้กันด้วยเหตุผลต่างกัน กลุ่มแรกคิดว่าตัวเองมีอำนาจ และต้องการแสวงหาดินแดนที่พวกเขาเชื่อว่าอุดมไปด้วยทองคำ เพื่อความร่ำรวยและอำนาจ ส่วนอีกกลุ่มหนึ่งคือพวกอินเดียนแดงที่ถูกรุกราน ทั้งสองกลุ่มจึงกลายเป็นศัตรูกัน

ท่ามกลางความขัดแย้งมากมาย มีผู้ไม่เห็นด้วยกับความรุนแรงนี้ คือ กัปตันจอห์น สมิธ ผู้เดินทางท่องเที่ยวในโลกกว้าง เขามีความรักและมีความสุขในชีวิต โพคาฮอนทัส ลูกสาวหัวหน้าเผ่า เธอรักอิสระ และรักธรรมชาติ เมื่อกัปตันจอห์นกับ โพคาฮอนทัสพบกัน เธอก็ร้องเพลง Color of the Wind เพื่อเตือนสติจอห์น เพลงนี้มีเนื้อหาสำคัญว่า สิ่งต่างๆในธรรมชาตินั้น พระเจ้าได้สร้างสรรค์อย่างมีพระประสงค์ และประทานนามให้ เป็นสาระที่เตือนใจได้มากว่า เราอยู่ในสังคมโลกเพื่อกันและกัน ทุกสิ่งและทุกคนเป็นดังอวัยวะของกายเดียวกัน จึงควรที่จะให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ คือความรักที่มีต่อกัน เพื่ออยู่ร่วมกันอย่างสันติ

เหตุการณ์ความขัดแย้งรุนแรงขึ้น เมื่อโคโคอัม หนุ่มนักรบชาวอินเดียนแดง รุกประชิดตัวกัปตันจอห์นเป็น ศึกชิงนางเพื่อชิงโพคาฮอนทัส โธมัสลูกน้องของกัปตัวจอห์นจึงยิงปืนเข้าใส่โคโคอัมจนเสียชีวิต ทุกฝ่ายตอบโต้กันแบบ ตาต่อตา ฟันต่อฟันสถานการณ์ก็มีแต่เลวร้ายลงกัปตันจอห์นให้โธมัสซึ่งมีเจตนาเพียงจะช่วยเขาให้หนีไป และยอมให้ชาวเผ่าอินเดียนแดงจึงจับตัวเขาไปแทน เพื่อจะประหารชีวิต ทั้งสองฝ่ายยกขบวนเข้าหากัน ฝ่ายหนึ่งถือปืน ตะโกนร้อง “ป่าเถื่อน ป่าเถื่อน”ว่าพวกอินเดียนแดง ฝ่ายหนึ่งถือธนู ก็ตะโกนร้อง “ป่าเถื่อน ป่าเถื่อน” ว่าพวกผู้บุกรุก

เมื่อหัวหน้าเผ่ากำลังจะยกไม้เท้าทุบศีรษะกัปตันจอห์นเพื่อประหารชีวิต โพคาฮอนทัสก็โผเข้าไปกั้นไว้ บอกว่า “ความโกรธเกลียดได้นำเรามาสู่ความขัดแย้งขั้นแตกหัก มุ่งทำลายกัน ลูกเลือกทางสันติ ทางแห่งความรัก ถ้าจะฆ่าเขา ก็ฆ่าลูกก่อน พ่อจะเลือกทางใด” แล้วพ่อก็ระลึกถึงว่า ทุกคนถูกสร้างมา ให้อยู่เพื่อกันและกันได้ แทนที่จะปล่อยให้สู้รบทำลายกัน ก็มีแต่ความสูญเสีย จึงยกย่อว่า “โพคาฮอนทัส แสดงความกล้าหาญและประกอบด้วยสติปัญญาเป็นผู้ใหญ่ เราอยู่กันอย่างสันติจะดีกับทุกฝ่าย” สันติจึงเกิดขึ้น ความสูญเสียไม่ต้องมี ทุกฝ่ายก็ช่วยเหลือกันได้

การพร้อมที่จะเสียสละชีวิตของตนเพื่อสร้างสันติ แสดงให้เห็นถึงความรัก ความเสียสละที่บริสุทธิใจ เหมือนอย่างที่พระเยซูคริสต์ทรงให้เรารักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง ให้เรารักได้แม้กระทั่งศัตรู ไม่คิดเห็นแก่ตนเองฝ่ายเดียว หรือคิดว่าตัวเองเหนือกว่าคนอื่น พระองค์สอนให้เราเชื่อส่วนดีของผู้อื่นก่อนเสมอ พระเยซูคริสต์ทรงแก้ไขปัญหาการเห็นแก่ตัวซึ่งเป็นความบาปพื้นฐานของมนุษย์ทั่วไป โดยการเป็นแบบอย่างความรัก ถึงขั้นยอมสละชีวิตของพระองค์เป็นความรักให้เราทุกคน เพื่อที่เราจะรักซึ่งกันและกันตลอดไป

ผมเชื่อว่า หากคนในสังคมอยู่ร่วมกันด้วยความรัก ความเข้าใจ มีความเห็นอกเห็นใจกัน และปรารถนาจะหยิบยื่นสิ่งดีให้แก่กัน ให้อภัยและไม่มุ่งร้ายต่อกัน คิดถึงส่วนดีของอีกฝ่ายหนึ่งเสมอ เราจะอยู่ด้วยกันได้อย่างสงบและมีสันติสุข ในไปสู่ครอบครัวที่มีแต่ความรักและสันติสุข องค์กรที่มีความรักความสามัคคีมีพลังขับเคลื่อนเข้มแข็ง และประเทศชาติที่มีแต่ความรักสามัคคี ไม่เอาเปรียบกัน ก็จะเป็นประเทศที่มีพลังครับ
กำลังโหลดความคิดเห็น