โดย มนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (montree4life@yahoo.com)
ผมได้จัดทำวีซีดีภาพยนตร์ดี ๆ มีบทเรียน ชุดที่ 4 เรื่อง “Joy to the World” เพื่อมอบให้กับท่านู้สนใจในเทศกาลวันคริสตมาส ซึ่งเป็นเทศกาลแห่งความสุข เทศกาลแห่งการให้ และเทศกาลแห่งครอบครัวที่มีความหมายต่อคนทั่วโลก เพื่อระลึกถึงการเสด็จมาประสูติขององค์พระเยซูคริสต์ ผู้ทรงนำความชื่นชมยินดี ความรัก และสันติสุขแท้มาสู่เราทุกคนครับ
ผมนึกถึงภาพยนตร์น่ารักเรื่อง “Home Alone” ซึ่งสะท้อน ความรัก และการคืนดีกันมาสู่คนในครอบครัว เควินเด็กชายวัย 8 ขวบ เบื่อความวุ่นวายในบ้าน ใครๆก็ไม่ให้เกียรติเขา เมื่อแม่ทำโทษให้เขาขึ้นไปนอนบนห้องใต้หลังคา แม่บอกว่า “แม่ไม่อยากเห็นเธอตลอดคืนนี้” เขาตอบว่า “ผมไม่อยากเห็นแม่และครอบครัวอีกเลยตลอดชีวิตนี้” เขาไม่อยากอยู่กับครอบครัว และอยากที่จะอยู่คนเดียวตลอดไป
เช้าวันรุ่งขึ้น ด้วยความรีบเร่งของครอบครัวที่จะเดินทางไปฉลองคริสตมาสที่ฝรั่งเศสทำให้ลืมเควินที่บ้าน เควินคิดว่าคำอธิษฐกานของเขาทำให้ครอบครัวหายไปได้จริงๆ เขาได้มีโอกาสอยู่คนเดียวในบ้าน มีอิสระที่จะทำอะไรก็ได้ตามที่ต้องการ เขารู้สึกมีความสุข สนุกกับการได้อยู่คนเดียว แต่เมื่อเวลาผ่านไป เขาเริ่มคิดถึงครอบครัว เริ่มรู้สึกอยากให้ครอบครัวกลับมาอยู่พร้อมหน้ากันเควินพบกับคุณตามาร์ซี่ที่โบสถ์ คุณตามาร์ซี่โกรธกับลูกชาย อยู่กับบ้านเพียงเดียวดาย เขาคิดถึงครอบครัว ในคืนก่อนวันคริสตมาส เขาทราบว่าหลานสาวมาซ้อมร้องเพลงจึงมาแอบดูอยู่ห่างๆ ด้วยความคิดถึง เขาต้องทนกับความเหงาเดียวดาย สูญเสียช่วงเวลาแห่งความรักและความสุขชื่นชมยินดีในครอบครัว เพียงเพราะ “ทิฐิ” ของตัว
พระเยซูคริสต์ทรงตรัสสอนว่า “หากท่านมีปัญหาขัดแย้งกับผู้ใด จงไปคืนดีกันก่อนมาหาพระองค์” สะท้อนให้เห็นว่า พระเจ้าสร้างเรามาดังอวัยวะแก่กันและกัน ความรักกัน ไม่โกรธกัน เป็นหัวใจสำคัญสำหรับความสัมพันธ์ต่อกัน “การคืนดี” จึงเป็นเรื่องสำคัญเพราะมนุษย์มักมีความไม่สมบูรณ์ การโกรธกันบ้างย่อมเป็นไปได้ การรักกันให้อภัยกัน ละทิฐิคืนดีกัน ให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ต่อกันและกัน เมื่อรักกัน ชีวิตก็จะเป็นสุขครับ...
แม้ว่าเราจะถูกสร้างมาต่างกัน แต่พระเจ้าก็ให้ความรัก ความเสมอภาคกัน เหมือนดังพระอาทิตย์ที่ส่องแสงสว่างให้กับทุกคนอย่างเท่าเทียมกันครับ หลายคนเมื่อเปรียบเทียบกับคนอื่นแล้วก็ทุกข์ใจ จนอาจน้อยใจพระเจ้าว่า เราอยากจะรวยกว่านี้ หล่อสวยกว่านี้ ผอมกว่านี้ (แม้ผมอยากแต่ไม่น้อยใจ) สูงกว่านี้
แต่ถ้าเราเข้าใจว่า เราถูกสร้างมาอย่างดีให้เป็นเราเพียงหนึ่งเดียวอย่างน่าภูมิใจ เราก็ไม่มีข้อสงสัยในชีวิต เข้าใจว่าเราเป็นอวัยวะที่ต่างกัน และเกิดมาเพื่อกันและกัน ถ้าเราทุกคนถูกสร้างให้เป็นบิลเกตต์แล้วโปรแกรมคอมพิวเตอร์จะให้ใครใช้ หรือถ้าทุกคนเป็นพี่เบิร์ดจะร้องเพลงให้ใครฟัง เราน่าจะคิดเสียว่า มหาเศรษฐียังทำโปรแกรม MicroSoft ให้เราใช้ เศรษฐีสุดหล่อเสียงดียังร้องเพลงให้เราฟัง เราก็สุขใจที่เป็นเรา เข้าใจในบทบาทชีวิตของเราเพื่อเป็นอวัยวะแก่กันและกัน และทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุดอย่างภาคภูมิใจดังในภาพยนตร์เรื่อง “Titanic” แคลดอน มหาเศรษฐีแห่งพิตส์เบิร์ก คิดว่าการมีสมบัติมาก ก็ยิ่งทำให้เขามีความสุขมาก แต่ก็จะเห็นว่า เขาไม่ได้มีความสุขที่แท้จริง ใจอยู่ที่สมบัติ แม้มีมากมาย ก็ยังไม่รู้จักพอ ดะงพระคัมภีร์ที่ว่า “คนรักเงินย่อมไม่อิ่มเงิน” เขาใช้เงินซื้อทุกทุกอย่างรวมทั้งโรสผู้หญิงที่ตนรัก แต่เราก็เห็นว่า เงินซื้อความรัก และความสุขใจไม่ได้ต่างกับแจ็คเป็นคนมองโลกในแง่ดี มีความสุขและชื่นชมยินดีกับสิ่งรอบตัวเสมอ เขาไปที่หัวเรือ ชื่นชมธรรมชาติ ท้องฟ้า ทะเล ชูแขนสูดลมหายใจด้วยความสุขใจ แม้เขาจะมีเงินเพียง 10 เหรียญในกระเป๋า เขาก็ยังมีความสุขได้เสมอ
พันธสัญญาใหม่ของพระเจ้า คือ “เพราะว่าพระเจ้าทรงรักโลก จนได้ประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ เพื่อทุกคนที่วางใจในพระบุตรนั้น จะไม่พินาศแต่มีชีวิตนิรันดร์”เราทุกคนมีโอกาสได้รับชีวิตนิรันดร์เท่าเทียมกัน ไม่มีความแตกต่างระหว่างความมั่งมีกับความยากจนอย่างน่ายินดีจริงๆ ผู้สนใจ VCD เพียงส่งอีเมลแนะนำตัวท่าน พร้อมความเห็นว่าท่านเห็นด้วยไหมที่ “เทศกาลคริสตมาสเป็นเทศกาลครอบครัวที่มีความหมาย” แล้วจะติดต่อท่านกลับไปครับ
ผมได้จัดทำวีซีดีภาพยนตร์ดี ๆ มีบทเรียน ชุดที่ 4 เรื่อง “Joy to the World” เพื่อมอบให้กับท่านู้สนใจในเทศกาลวันคริสตมาส ซึ่งเป็นเทศกาลแห่งความสุข เทศกาลแห่งการให้ และเทศกาลแห่งครอบครัวที่มีความหมายต่อคนทั่วโลก เพื่อระลึกถึงการเสด็จมาประสูติขององค์พระเยซูคริสต์ ผู้ทรงนำความชื่นชมยินดี ความรัก และสันติสุขแท้มาสู่เราทุกคนครับ
ผมนึกถึงภาพยนตร์น่ารักเรื่อง “Home Alone” ซึ่งสะท้อน ความรัก และการคืนดีกันมาสู่คนในครอบครัว เควินเด็กชายวัย 8 ขวบ เบื่อความวุ่นวายในบ้าน ใครๆก็ไม่ให้เกียรติเขา เมื่อแม่ทำโทษให้เขาขึ้นไปนอนบนห้องใต้หลังคา แม่บอกว่า “แม่ไม่อยากเห็นเธอตลอดคืนนี้” เขาตอบว่า “ผมไม่อยากเห็นแม่และครอบครัวอีกเลยตลอดชีวิตนี้” เขาไม่อยากอยู่กับครอบครัว และอยากที่จะอยู่คนเดียวตลอดไป
เช้าวันรุ่งขึ้น ด้วยความรีบเร่งของครอบครัวที่จะเดินทางไปฉลองคริสตมาสที่ฝรั่งเศสทำให้ลืมเควินที่บ้าน เควินคิดว่าคำอธิษฐกานของเขาทำให้ครอบครัวหายไปได้จริงๆ เขาได้มีโอกาสอยู่คนเดียวในบ้าน มีอิสระที่จะทำอะไรก็ได้ตามที่ต้องการ เขารู้สึกมีความสุข สนุกกับการได้อยู่คนเดียว แต่เมื่อเวลาผ่านไป เขาเริ่มคิดถึงครอบครัว เริ่มรู้สึกอยากให้ครอบครัวกลับมาอยู่พร้อมหน้ากันเควินพบกับคุณตามาร์ซี่ที่โบสถ์ คุณตามาร์ซี่โกรธกับลูกชาย อยู่กับบ้านเพียงเดียวดาย เขาคิดถึงครอบครัว ในคืนก่อนวันคริสตมาส เขาทราบว่าหลานสาวมาซ้อมร้องเพลงจึงมาแอบดูอยู่ห่างๆ ด้วยความคิดถึง เขาต้องทนกับความเหงาเดียวดาย สูญเสียช่วงเวลาแห่งความรักและความสุขชื่นชมยินดีในครอบครัว เพียงเพราะ “ทิฐิ” ของตัว
พระเยซูคริสต์ทรงตรัสสอนว่า “หากท่านมีปัญหาขัดแย้งกับผู้ใด จงไปคืนดีกันก่อนมาหาพระองค์” สะท้อนให้เห็นว่า พระเจ้าสร้างเรามาดังอวัยวะแก่กันและกัน ความรักกัน ไม่โกรธกัน เป็นหัวใจสำคัญสำหรับความสัมพันธ์ต่อกัน “การคืนดี” จึงเป็นเรื่องสำคัญเพราะมนุษย์มักมีความไม่สมบูรณ์ การโกรธกันบ้างย่อมเป็นไปได้ การรักกันให้อภัยกัน ละทิฐิคืนดีกัน ให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ต่อกันและกัน เมื่อรักกัน ชีวิตก็จะเป็นสุขครับ...
แม้ว่าเราจะถูกสร้างมาต่างกัน แต่พระเจ้าก็ให้ความรัก ความเสมอภาคกัน เหมือนดังพระอาทิตย์ที่ส่องแสงสว่างให้กับทุกคนอย่างเท่าเทียมกันครับ หลายคนเมื่อเปรียบเทียบกับคนอื่นแล้วก็ทุกข์ใจ จนอาจน้อยใจพระเจ้าว่า เราอยากจะรวยกว่านี้ หล่อสวยกว่านี้ ผอมกว่านี้ (แม้ผมอยากแต่ไม่น้อยใจ) สูงกว่านี้
แต่ถ้าเราเข้าใจว่า เราถูกสร้างมาอย่างดีให้เป็นเราเพียงหนึ่งเดียวอย่างน่าภูมิใจ เราก็ไม่มีข้อสงสัยในชีวิต เข้าใจว่าเราเป็นอวัยวะที่ต่างกัน และเกิดมาเพื่อกันและกัน ถ้าเราทุกคนถูกสร้างให้เป็นบิลเกตต์แล้วโปรแกรมคอมพิวเตอร์จะให้ใครใช้ หรือถ้าทุกคนเป็นพี่เบิร์ดจะร้องเพลงให้ใครฟัง เราน่าจะคิดเสียว่า มหาเศรษฐียังทำโปรแกรม MicroSoft ให้เราใช้ เศรษฐีสุดหล่อเสียงดียังร้องเพลงให้เราฟัง เราก็สุขใจที่เป็นเรา เข้าใจในบทบาทชีวิตของเราเพื่อเป็นอวัยวะแก่กันและกัน และทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุดอย่างภาคภูมิใจดังในภาพยนตร์เรื่อง “Titanic” แคลดอน มหาเศรษฐีแห่งพิตส์เบิร์ก คิดว่าการมีสมบัติมาก ก็ยิ่งทำให้เขามีความสุขมาก แต่ก็จะเห็นว่า เขาไม่ได้มีความสุขที่แท้จริง ใจอยู่ที่สมบัติ แม้มีมากมาย ก็ยังไม่รู้จักพอ ดะงพระคัมภีร์ที่ว่า “คนรักเงินย่อมไม่อิ่มเงิน” เขาใช้เงินซื้อทุกทุกอย่างรวมทั้งโรสผู้หญิงที่ตนรัก แต่เราก็เห็นว่า เงินซื้อความรัก และความสุขใจไม่ได้ต่างกับแจ็คเป็นคนมองโลกในแง่ดี มีความสุขและชื่นชมยินดีกับสิ่งรอบตัวเสมอ เขาไปที่หัวเรือ ชื่นชมธรรมชาติ ท้องฟ้า ทะเล ชูแขนสูดลมหายใจด้วยความสุขใจ แม้เขาจะมีเงินเพียง 10 เหรียญในกระเป๋า เขาก็ยังมีความสุขได้เสมอ
พันธสัญญาใหม่ของพระเจ้า คือ “เพราะว่าพระเจ้าทรงรักโลก จนได้ประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ เพื่อทุกคนที่วางใจในพระบุตรนั้น จะไม่พินาศแต่มีชีวิตนิรันดร์”เราทุกคนมีโอกาสได้รับชีวิตนิรันดร์เท่าเทียมกัน ไม่มีความแตกต่างระหว่างความมั่งมีกับความยากจนอย่างน่ายินดีจริงๆ ผู้สนใจ VCD เพียงส่งอีเมลแนะนำตัวท่าน พร้อมความเห็นว่าท่านเห็นด้วยไหมที่ “เทศกาลคริสตมาสเป็นเทศกาลครอบครัวที่มีความหมาย” แล้วจะติดต่อท่านกลับไปครับ