ธุรกิจสินเชื่อบุคคลที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน (นอนแบงก์) และบริษัทบัตรเครดิตรายใหญ่ 11 แห่ง จับมือลดดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมไม่เกินร้อยละ 28 ให้แก่ลูกค้าพร้อมกันในวันที่ 7 ม.ค.49 แต่เตือนให้ลูกค้ารีบมาติดต่อเปลี่ยนสัญญาเพื่อรักษาประโยชน์ตัวเอง ขณะที่กรมสรรพากรและตำรวจร่วมกันดำเนินคดีนอนแบงก์ที่ไม่ขออนุญาต 6 ราย และตั้งสาขาสำนักงานตรวจสอบภาษีส่วนกลางในต่างจังหวัด
นายไชยยศ สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวหลังประชุมร่วมกับผู้บริหารของนอนแบงก์ และบริษัทบัตรเครดิต จำนวน 11 แห่ง เช่น บริษัทอีซี่ บาย บริษัทอิออน ธนสินทรัพย์ บริษัทวีแคช บริษัทบัตรกรุงไทย จากผู้ที่ได้รับใบอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จำนวน 28 แห่ง โดยทั้ง 11 ราย ที่มาหารือ ทุกรายพร้อมใจกันลดอัตราดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมรวมกันไม่เกินร้อยละ 28 ตั้งแต่วันที่ 7 มกราคม 2549 จากกำหนดเดิม ธปท.ให้ลดอัตราดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมภายในวันที่ 30 มิถุนายน 2549 โดยมีเงื่อนไขที่กำหนดคือ อัตราดอกเบี้ยต้องไม่เกินร้อยละ 15 ค่าธรรมเนียมไม่เกินร้อยละ 13 เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้แก่ลูกค้า
ส่วนผู้ประกอบการนอนแบงก์ที่เหลือ นายไชยยศ กล่าวว่า ยังไม่ตัดสินใจลดดอกเบี้ยเนื่องจากความพร้อมของระบบข้อมูล แต่เชื่อมั่นว่า คงต้องปรับลดโดยเร็ว เพราะจะทำให้ลูกค้าย้ายไปที่อื่น ดังนั้น ต้องการให้ลูกค้าของนอนแบงก์ทุกรายไปติดต่อกับนอนแบงก์เจ้าหนี้เพื่อทำสัญญาใหม่ เพราะถือว่าเป็นการคำนวณอัตราดอกเบี้ยใหม่ เพื่อเป็นการรักษาประโยชน์ของลูกค้าเอง
สำหรับนอนแบงก์ที่ไม่ได้ขออนุญาตจาก ธปท. นั้น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า กรมสรรพากร และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ร่วมกันล่อซื้อในการส่งเจ้าหน้าที่ไปขอกู้และได้ดำเนินคดีแล้ว 6 ราย และศาลได้ตัดสินลงโทษจำคุก 2 เดือน และ ปรับ 20,000 บาท แล้ว จำนวน 1 ราย โดยทุกรายอยู่ในเขตกรุงเทพฯ นอกจากนี้ กรมสรรพากรยังได้ตั้งสาขาของสำนักงานตรวจสอบภาษีส่วนกลางในจังหวัดต่าง ๆ เช่น จังหวัดนครปฐม เชียงใหม่ อุบลราชธานี สงขลา เพื่อมีอำนาจในการเข้าตรวจสอบและดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยเฉพาะการตรวจสอบภาษีย้อนหลัง
ขณะเดียวกันกระทรวงการคลังยังเตรียมหารือกับ ธปท. เพื่อผ่อนปรนกฎเกณฑ์ของการใช้บัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคล เพื่อให้สามารถซื้อสินค้าที่จำเป็นได้สะดวกขึ้นหรือมีระยะเวลาในการชำระหนี้ที่นานขึ้นรวมทั้งอาจผ่อนปรนให้กำหนดรายได้ขั้นต่ำต่อเดือนน้อยลง สำหรับผู้ที่เพิ่งทำงานใหม่
นายไชยยศ สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวหลังประชุมร่วมกับผู้บริหารของนอนแบงก์ และบริษัทบัตรเครดิต จำนวน 11 แห่ง เช่น บริษัทอีซี่ บาย บริษัทอิออน ธนสินทรัพย์ บริษัทวีแคช บริษัทบัตรกรุงไทย จากผู้ที่ได้รับใบอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จำนวน 28 แห่ง โดยทั้ง 11 ราย ที่มาหารือ ทุกรายพร้อมใจกันลดอัตราดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมรวมกันไม่เกินร้อยละ 28 ตั้งแต่วันที่ 7 มกราคม 2549 จากกำหนดเดิม ธปท.ให้ลดอัตราดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมภายในวันที่ 30 มิถุนายน 2549 โดยมีเงื่อนไขที่กำหนดคือ อัตราดอกเบี้ยต้องไม่เกินร้อยละ 15 ค่าธรรมเนียมไม่เกินร้อยละ 13 เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้แก่ลูกค้า
ส่วนผู้ประกอบการนอนแบงก์ที่เหลือ นายไชยยศ กล่าวว่า ยังไม่ตัดสินใจลดดอกเบี้ยเนื่องจากความพร้อมของระบบข้อมูล แต่เชื่อมั่นว่า คงต้องปรับลดโดยเร็ว เพราะจะทำให้ลูกค้าย้ายไปที่อื่น ดังนั้น ต้องการให้ลูกค้าของนอนแบงก์ทุกรายไปติดต่อกับนอนแบงก์เจ้าหนี้เพื่อทำสัญญาใหม่ เพราะถือว่าเป็นการคำนวณอัตราดอกเบี้ยใหม่ เพื่อเป็นการรักษาประโยชน์ของลูกค้าเอง
สำหรับนอนแบงก์ที่ไม่ได้ขออนุญาตจาก ธปท. นั้น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า กรมสรรพากร และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ร่วมกันล่อซื้อในการส่งเจ้าหน้าที่ไปขอกู้และได้ดำเนินคดีแล้ว 6 ราย และศาลได้ตัดสินลงโทษจำคุก 2 เดือน และ ปรับ 20,000 บาท แล้ว จำนวน 1 ราย โดยทุกรายอยู่ในเขตกรุงเทพฯ นอกจากนี้ กรมสรรพากรยังได้ตั้งสาขาของสำนักงานตรวจสอบภาษีส่วนกลางในจังหวัดต่าง ๆ เช่น จังหวัดนครปฐม เชียงใหม่ อุบลราชธานี สงขลา เพื่อมีอำนาจในการเข้าตรวจสอบและดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยเฉพาะการตรวจสอบภาษีย้อนหลัง
ขณะเดียวกันกระทรวงการคลังยังเตรียมหารือกับ ธปท. เพื่อผ่อนปรนกฎเกณฑ์ของการใช้บัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคล เพื่อให้สามารถซื้อสินค้าที่จำเป็นได้สะดวกขึ้นหรือมีระยะเวลาในการชำระหนี้ที่นานขึ้นรวมทั้งอาจผ่อนปรนให้กำหนดรายได้ขั้นต่ำต่อเดือนน้อยลง สำหรับผู้ที่เพิ่งทำงานใหม่