โดย มนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (montree4life@yahoo.com)
สัปดาห์นี้จะขอวิจารณ์ความมั่ว ในมุมมองของนักลงทุน คือ “เข้าไปเล่นหุ้น ก็เหมือนการพนัน ไม่เป็นประโยชน์อะไร” ดังนี้
1.เล่นหุ้นต่างกับเล่นการพนันหรือไม่ ? ในการเล่นการพนัน บางคนแทงถูกก็ได้กำไร แทงผิดก็ขาดทุน เจ้ามือก็จะมีผลตรงข้าม โดยสรุปแล้ว มีคนได้ ก็จะต้องมีคนเสีย เมื่อรวมกันระหว่างคนได้กับคนเสียด้วย ก็จะเป็นศูนย์ เราจึงเรียกเกมส์ประเภทนี้ว่า Zero-Sum Game แต่การเล่นหุ้นนั้น เป็นที่ยอมรับทั่วโลกเพราะเงินลงทุนในหุ้นนั้น บริษัทนั้นๆจะนำไปทำธุรกิจ สร้างกำไรเป็นผลตอบแทนให้นักลงทุน ส่วนหนึ่งจะจ่ายเป็นปันผล ส่วนหนึ่งเก็บไว้เติบโต โดยสถิติของประเทศที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง เช่น สหรัฐอเมริกา ผลตอบแทนเฉลี่ยกว่า 80 ปีที่ผ่านมา ประมาณ 12% ต่อปี ตลาดหุ้นโดยหลักการแล้วจึงเป็น Positive-Sum Game ซึ่งสามารถสร้างประโยชน์ต่อกันและกันได้
2.มีบางคนเล่นแบบพนันหรือไม่ ? ผมยอมรับว่ามี มีนักลงทุนหลายคน เพียงแต่อยากให้ผู้แนะนำบอกหุ้นบางตัว ไม่ขอฟังเหตุผล จะดูว่าแม่นหรือไม่เท่านั้น ผมนึกสภาพเหมือนการขอหวยเท่านั้น และบางครั้ง เมื่อเห็นหุ้นอภินิหารประเภทขึ้นแรงก็รู้สึกร้อนใจอยากได้บ้าง ก็อาจจะอยากเห็นโบรกเกอร์ฟันธงให้ได้หุ้นแบบนั้น แต่ในความเป็นจริง ขึ้นแรง ก็ลงได้แรงเช่นกัน ขึ้นวันก็อาจลงวัน ซึ่งถ้าเป็นหุ้นที่ขาดเหตุผลตามปัจจัยพื้นฐาน อาจมีผู้กำหนดทิศทางอยู่เบื้องหลัง ซึ่งบางคนเรียกว่า “เจ้ามือ” เราจะเดาทางยาก และผมอยากจะเตือนว่า “เจ้ามือมักจะไม่เป็นเพื่อทำทาน” นะครับ เขามุ่งกำไรจากผู้เล่นนั่นแหละครับ
3.ทำอย่างไรจึงไม่เป็นการลงทุนแบบเล่นพนัน ? ขอให้ท่านคิดอย่างมีหลักการ แสวงหาความรู้เพิ่มเติมตลอดเวลา ในปัจจุบัน มีโบรกเกอร์ต่างๆให้ข้อมูลผ่านอินเตอร์เน็ต สามารถดูข้อมูลได้จากที่บ้านหรือที่ทำงาน ของเราก็มีที่ www.kimeng.co.th ซึ่งนักลงทุนสามารคลิกดู KeLive เพื่อดูงานวิจัย หรือจะดู KeLiveTV เพื่อดูการถ่ายทอดทีวีผ่านอินเตอร์เน็ตได้ทุกวัน ต้องยอมรับว่า ไม่มีใครที่สามารถคาดการณ์อนาคตได้แม่นยำ 100% ตลอด (มิเช่นนั้น คนนั้นจะลงทุนอย่างเดียวและรวยมาก) แต่เชื่อว่า ผู้ที่ทำงานวิจัยอย่างมืออาชีพ จะมีประสบการณ์และข้อมูลมากกว่า ยิ่งฟังมาก ใคร่ครวญมาก ก็ได้ความรู้มาก และตัดสินใจได้แม่นยำมากขึ้น
4.นักเก็งกำไรเป็นประโยชน์หรือไม่ ? จริงๆแล้ว ไม่ว่าจะเป็นนักลงทุนทั่วไป หรือสถาบัน ประเภทระยะสั้นหรือระยะยาว ก็คิดลงทุนเพื่อหวังกำไรทั้งสิ้น อาจมีการแบ่งแยกว่า นักลงทุนระยะสั้นถือได้ว่าเป็นประเภทเก็งกำไร และนักลงทุนระยะยาวเป็นนักลงทุน แต่ผมเชื่อว่าทุกคนควรยึดเหตุผลตามปัจจัยพื้นฐานของหุ้นเป็นสำคัญ โดยกลุ่มเก็งกำไรก็อาจให้น้ำหนักกับเรื่อง อารมณ์และบรรยากาศของตลาดเป็นสำคัญ เพื่อหวังว่าจะลงทุนได้กำไร ในกรอบเวลาสั้นๆ แต่กลุ่มที่ลงทุนในระยะยาวได้ จะเน้นน้ำหนักที่มูลค่า (Value Investors) โดยทั่วไป เราก็เห็นว่าตลาดผันผวน คนที่มีข้อจำกัดเรื่องระยะเวลาก็มักจะเสียเปรียบ โดยทั่วไป ลงทุนแบบ Value Investors จะเสี่ยงน้อยกว่า
อย่างไรก็ตาม กลับมาที่คำถามว่าแล้วนักเก็งกำไรเป็นประโยชน์หรือไม่ ก็ฟันธงได้ว่ามีแน่ เพราะการที่มีนักลงทุนที่หลากหลาย แนวคิดการลงทุนระยะสั้นยาวต่างกัน ก็ทำให้แต่ละสถานการณ์แตกต่างกัน เป็นแรงซื้อขายให้แก่กันและกัน ก็ทำให้เกิดสภาพคล่องดีขึ้น เมื่อตลาดมีสภาพคล่องดี นักลงทุนก็ยินดีลงทุนมากขึ้นครับ
ผมขอประชาสัมพันธ์ต่อว่า วันที่ 26 พฤศจิกายน นี้ จะมีการจัดงาน “15 ขุนพลธุรกิจ ฟันธง ยุทธศาสตร์ธุรกิจ พิชิตปี 2549” ที่หอประชุมจุฬาฯ มีผู้บริหารสถาบันการเงินมากมาย เช่น ดร.วิชิต สุรพงษ์ชัย (วศ. 07) ธ. ไทยพาณิชย์ ดร.ประสาร ไตรรัตน์วรกุล (วศ. 13) ธ. กสิกรไทย คุณอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ (วศ. 15) ธ. กรุงไทย คุณปลิว มังกรกนก (วศ. 11) ธ. ทิสโก้ ดร. ก้องเกียรติ โอภาสวงการ (วศ. 17) บล. เอเซียพลัส คุณวีรวัฒน์ ชุติเชษฐพงศ์ (วศ. 21) บล. ภัทร คุณญาณศักดิ์ มโนมัยพิบูลย์ (วศ. 24) บล. บัวหลวง ผม คุณมนตรี ศรไพศาล (วศ.24) บล. กิมเอ็ง (ประเทศไทย) สอบถามรายละเอียดและซื้อบัตรได้ที่ www.thaiticketmaster.com โทร 02-2623456 หรือ www.intania.com โทร 02-218-6498 เวทีอย่างนี้หาฟังยาก ผมว่าน่าจะคุ้มค่าบัตรทีเดียวครับ
สัปดาห์นี้จะขอวิจารณ์ความมั่ว ในมุมมองของนักลงทุน คือ “เข้าไปเล่นหุ้น ก็เหมือนการพนัน ไม่เป็นประโยชน์อะไร” ดังนี้
1.เล่นหุ้นต่างกับเล่นการพนันหรือไม่ ? ในการเล่นการพนัน บางคนแทงถูกก็ได้กำไร แทงผิดก็ขาดทุน เจ้ามือก็จะมีผลตรงข้าม โดยสรุปแล้ว มีคนได้ ก็จะต้องมีคนเสีย เมื่อรวมกันระหว่างคนได้กับคนเสียด้วย ก็จะเป็นศูนย์ เราจึงเรียกเกมส์ประเภทนี้ว่า Zero-Sum Game แต่การเล่นหุ้นนั้น เป็นที่ยอมรับทั่วโลกเพราะเงินลงทุนในหุ้นนั้น บริษัทนั้นๆจะนำไปทำธุรกิจ สร้างกำไรเป็นผลตอบแทนให้นักลงทุน ส่วนหนึ่งจะจ่ายเป็นปันผล ส่วนหนึ่งเก็บไว้เติบโต โดยสถิติของประเทศที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง เช่น สหรัฐอเมริกา ผลตอบแทนเฉลี่ยกว่า 80 ปีที่ผ่านมา ประมาณ 12% ต่อปี ตลาดหุ้นโดยหลักการแล้วจึงเป็น Positive-Sum Game ซึ่งสามารถสร้างประโยชน์ต่อกันและกันได้
2.มีบางคนเล่นแบบพนันหรือไม่ ? ผมยอมรับว่ามี มีนักลงทุนหลายคน เพียงแต่อยากให้ผู้แนะนำบอกหุ้นบางตัว ไม่ขอฟังเหตุผล จะดูว่าแม่นหรือไม่เท่านั้น ผมนึกสภาพเหมือนการขอหวยเท่านั้น และบางครั้ง เมื่อเห็นหุ้นอภินิหารประเภทขึ้นแรงก็รู้สึกร้อนใจอยากได้บ้าง ก็อาจจะอยากเห็นโบรกเกอร์ฟันธงให้ได้หุ้นแบบนั้น แต่ในความเป็นจริง ขึ้นแรง ก็ลงได้แรงเช่นกัน ขึ้นวันก็อาจลงวัน ซึ่งถ้าเป็นหุ้นที่ขาดเหตุผลตามปัจจัยพื้นฐาน อาจมีผู้กำหนดทิศทางอยู่เบื้องหลัง ซึ่งบางคนเรียกว่า “เจ้ามือ” เราจะเดาทางยาก และผมอยากจะเตือนว่า “เจ้ามือมักจะไม่เป็นเพื่อทำทาน” นะครับ เขามุ่งกำไรจากผู้เล่นนั่นแหละครับ
3.ทำอย่างไรจึงไม่เป็นการลงทุนแบบเล่นพนัน ? ขอให้ท่านคิดอย่างมีหลักการ แสวงหาความรู้เพิ่มเติมตลอดเวลา ในปัจจุบัน มีโบรกเกอร์ต่างๆให้ข้อมูลผ่านอินเตอร์เน็ต สามารถดูข้อมูลได้จากที่บ้านหรือที่ทำงาน ของเราก็มีที่ www.kimeng.co.th ซึ่งนักลงทุนสามารคลิกดู KeLive เพื่อดูงานวิจัย หรือจะดู KeLiveTV เพื่อดูการถ่ายทอดทีวีผ่านอินเตอร์เน็ตได้ทุกวัน ต้องยอมรับว่า ไม่มีใครที่สามารถคาดการณ์อนาคตได้แม่นยำ 100% ตลอด (มิเช่นนั้น คนนั้นจะลงทุนอย่างเดียวและรวยมาก) แต่เชื่อว่า ผู้ที่ทำงานวิจัยอย่างมืออาชีพ จะมีประสบการณ์และข้อมูลมากกว่า ยิ่งฟังมาก ใคร่ครวญมาก ก็ได้ความรู้มาก และตัดสินใจได้แม่นยำมากขึ้น
4.นักเก็งกำไรเป็นประโยชน์หรือไม่ ? จริงๆแล้ว ไม่ว่าจะเป็นนักลงทุนทั่วไป หรือสถาบัน ประเภทระยะสั้นหรือระยะยาว ก็คิดลงทุนเพื่อหวังกำไรทั้งสิ้น อาจมีการแบ่งแยกว่า นักลงทุนระยะสั้นถือได้ว่าเป็นประเภทเก็งกำไร และนักลงทุนระยะยาวเป็นนักลงทุน แต่ผมเชื่อว่าทุกคนควรยึดเหตุผลตามปัจจัยพื้นฐานของหุ้นเป็นสำคัญ โดยกลุ่มเก็งกำไรก็อาจให้น้ำหนักกับเรื่อง อารมณ์และบรรยากาศของตลาดเป็นสำคัญ เพื่อหวังว่าจะลงทุนได้กำไร ในกรอบเวลาสั้นๆ แต่กลุ่มที่ลงทุนในระยะยาวได้ จะเน้นน้ำหนักที่มูลค่า (Value Investors) โดยทั่วไป เราก็เห็นว่าตลาดผันผวน คนที่มีข้อจำกัดเรื่องระยะเวลาก็มักจะเสียเปรียบ โดยทั่วไป ลงทุนแบบ Value Investors จะเสี่ยงน้อยกว่า
อย่างไรก็ตาม กลับมาที่คำถามว่าแล้วนักเก็งกำไรเป็นประโยชน์หรือไม่ ก็ฟันธงได้ว่ามีแน่ เพราะการที่มีนักลงทุนที่หลากหลาย แนวคิดการลงทุนระยะสั้นยาวต่างกัน ก็ทำให้แต่ละสถานการณ์แตกต่างกัน เป็นแรงซื้อขายให้แก่กันและกัน ก็ทำให้เกิดสภาพคล่องดีขึ้น เมื่อตลาดมีสภาพคล่องดี นักลงทุนก็ยินดีลงทุนมากขึ้นครับ
ผมขอประชาสัมพันธ์ต่อว่า วันที่ 26 พฤศจิกายน นี้ จะมีการจัดงาน “15 ขุนพลธุรกิจ ฟันธง ยุทธศาสตร์ธุรกิจ พิชิตปี 2549” ที่หอประชุมจุฬาฯ มีผู้บริหารสถาบันการเงินมากมาย เช่น ดร.วิชิต สุรพงษ์ชัย (วศ. 07) ธ. ไทยพาณิชย์ ดร.ประสาร ไตรรัตน์วรกุล (วศ. 13) ธ. กสิกรไทย คุณอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ (วศ. 15) ธ. กรุงไทย คุณปลิว มังกรกนก (วศ. 11) ธ. ทิสโก้ ดร. ก้องเกียรติ โอภาสวงการ (วศ. 17) บล. เอเซียพลัส คุณวีรวัฒน์ ชุติเชษฐพงศ์ (วศ. 21) บล. ภัทร คุณญาณศักดิ์ มโนมัยพิบูลย์ (วศ. 24) บล. บัวหลวง ผม คุณมนตรี ศรไพศาล (วศ.24) บล. กิมเอ็ง (ประเทศไทย) สอบถามรายละเอียดและซื้อบัตรได้ที่ www.thaiticketmaster.com โทร 02-2623456 หรือ www.intania.com โทร 02-218-6498 เวทีอย่างนี้หาฟังยาก ผมว่าน่าจะคุ้มค่าบัตรทีเดียวครับ