xs
xsm
sm
md
lg

บทเรียนความมั่วที่ต้องการความแม่น (4) ด้านตลาดทุน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

มีผู้อยากเห็นผมแนะนำเรื่องหุ้นในคอลัมน์ “รอบรู้ด้านตลาดทุน” ผมขอชวนให้ดูจากทีมงานวิจัยซึ่งเผยแพร่อยู่แล้วในwww.kimeng.co.th แล้วคลิกไปที่ KeLive หรือ KeLiveTV มีรายงานสดทุกวัน

ผมอยากให้แง่มุมที่สร้างสรรค์เพิ่มขึ้น ช่วยกันจุดประกายความรู้และความคิดสร้างสรรค์มากขึ้น และให้กำลังใจกัน ถ้าคนไทยทุกคนมีส่วนร่วม ก็น่าจะทำให้ประเทศจะก้าวหน้า ตลาดทุนจะเข้มแข็ง สัปดาห์นี้กลับมาในตลาดหุ้นบ้าง ผมยกประเด็นความคิดมั่วในตลาดหุ้น 2 เรื่อง

เรื่องแรก ในมุมของเจ้าของกิจการที่จะเอาเข้าตลาดหลักทรัพย์ บางคนมักจะพูดว่า “ใครๆก็คิดกันว่า ถ้ากิจการของส่วนตัวดี จะเอาเข้าตลาดฯไปทำไม ?”

ผมยอมรับว่า “มีบ้าง” แต่ไม่ใช่ “ใครๆ” และผมขอบอกว่า ถ้าเจ้าของยังเชื่อเช่นนั้น “บริษัทดีๆ ไม่เอาเข้าตลาด แล้วบริษัทประเภทไหนล่ะครับที่ท่านจะให้เอาเข้าตลาดฯ” ถ้าเช่นนั้น อย่าเข้าตลาดฯดีกว่า

ความเห็นแก่ตัว (Self-Centeredness) เป็นธรรมชาติของมนุษย์ทั่วไปและเป็นอุปสรรคต่อความเจริญของสังคม บางคนยังคิดเพียงว่า “คนที่ทำกำไรได้ จะต้องได้มาจากการขาดทุนของคนอื่น” ปั่นหุ้นโดยลากขึ้นไปให้ราคาสูงๆ ขายให้นักลงทุนได้หุ้นไปในราคาเพียงเกินเหตุผล บริษัทไม่ทำกำไรให้นักลงทุนอย่างคุ้มค่า แต่สร้างข้อมูลลวงนักลงทุน และทำให้นักลงทุนขาดทุน ผลทำให้นักลงทุนเข็ดขยาด ผู้ถือหุ้นใหญ่ก็เสียอนาคต

ผมเชื่อว่าคนเราทุกคนถูกสร้างมาให้พึ่งพากัน เป็นดังอวัยวะของกายเดียวกัน ถ้าอวัยวะเช่น ขา เท้า กระเพาะ ลำไส้ แต่ละส่วนไม่คำนึงถึงกันและกัน เลิกทำหน้าที่ของตัว เลิกทำเพื่อกันและกัน หวังแต่เอาประโยชน์จากส่วนอื่น ร่างกายซึ่งสะท้อนถึงส่วนรวมก็คงจะป่วย และถ้าเป็นกันมากๆ ก็คงถึงความตายได้

ดีที่ประวัติศาสตร์พิสูจน์มามากมายแล้วว่า บริษัทคิดเช่นนั้น ไม่หวังดีหรือไม่จริงใจต่อนักลงทุนรายย่อย ถึงเวลาก็ไม่ได้รับความน่าเชื่อถืออีกต่อไป และ “เสียโอกาส” ของการใช้ประโยชน์จากตลาดทุนเพื่อหนุนให้เติบโตในระยะยาว

ขณะที่บริษัทชั้นดี ที่ดูแลประโยชน์นักลงทุนรายย่อยอย่างดีด้วย ก็มีความน่าเชื่อถืออย่างดี ทำให้ได้ประโยชน์จากตลาดทุนทั้งหุ้นและตราสารหนี้มากมาย เช่น กลุ่ม ปตท. กลุ่มธนาคารกรุงเทพ กสิกร ไทยพาณิชย์ กลุ่มปูนซิเมนต์ไทย กลุ่มชินฯ กลุ่มแลนด์แอน์เฮ้าส์ กลุ่มเซ็นทรัล ฯลฯ ทำให้ระดมทุนได้ในเวลาที่สมควร เพื่อขยายการลงทุนที่ดี หรือแม้กระทั่งในยามลำบาก นักลงทุนก็พร้อมช่วยเหลือ และผลของการร่วมมือกันทั้งนักลงทุนรายใหญ่รายย่อย ทุกฝ่ายก็ได้ผลตอบแทนที่ดีในช่วงฝ่าวิกฤตมาด้วยกัน

ผมจึงมักแนะนำนักลงทุนว่า ต้องลงทุนในบริษัทที่เราไว้ใจได้ และภาวนาขอให้ผู้ถือหุ้นใหญ่เรียนรู้ที่จะคิดถึงนักลงทุนรายย่อยอย่างจริงใจ ทั้งนี้ ก็ไม่ได้แปลว่านักลงทุนควรซื้อหุ้นดีๆเหล่านี้ได้ทุกราคา เพราะบางครั้ง หุ้นดีๆก็มีคนต้องการมาก ราคาก็อาจสูงได้ เมื่อสภาวะตลาดผันผวน หรือภาพรวมถูกกระทบ เช่นวิกฤตการณ์เศรษฐกิจ วิกฤตการณ์ราคาน้ำมัน ฯลฯ แม้หุ้นดีๆก็อาจต้องปรับตัวลงได้

ผมจึงอยากประชาสัมพันธ์เผื่อไว้ด้วยว่า วันที่ 26 พฤศจิกายน นี้ จะมีการจัดงาน “15 ขุนพลธุรกิจ ฟันธง ยุทธศาสตร์ธุรกิจ พิชิตปี 2549” ที่หอประชุมจุฬาฯ มีผู้บริหารระดับสูงขององค์กรชั้นนำมาให้มุมมองที่เป็นประโยชน์มากมาย เช่น นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ (วศ. 14) ปตท. นายไกรสีห์ กรรณสูต (วศ. 08) กฟผ. นายอนันต์ อัศวโภคิน (วศ. 11) แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ นายบุญคลี ปลั่งศิริ (วศ. 11) กลุ่มบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)

นายธีรวิทย์ จารุวัฒน์ (วศ. 18) ทีโอที นายสุเมธ ตันธุวนิตย์ (วศ. 06) อาร์ ซี แอล และผู้เชี่ยวชาญตลาดเงินตลาดทุนอีก 7-8 ท่าน สอบถามรายละเอียดและซื้อบัตรได้ที่ www.thaiticketmaster.com โทร 02-2623456 หรือ www.intania.com โทร 02-218-6498 เวทีอย่างนี้หาฟังยาก ผมว่าน่าจะคุ้มค่าบัตรทีเดียว

อีกเรื่องที่อยากวิจารณ์ความมั่ว ในมุมมองของนักลงทุน คือ “เข้าไปเล่นหุ้น ก็เหมือนการพนัน ไม่เป็นประโยชน์อะไร” จะมาเสนอสัปดาห์หน้าครับ
มนตรี ศรไพศาล (montree4life@yahoo.com)
กำลังโหลดความคิดเห็น