โดย มนตรี ศรไพศาล (montree4life@yahoo.com ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
คอนเสิร์ตปฏิบัติการล่าฝัน Academy Fantasia ได้จบลงแล้ว เราได้เห็นแชมป์อย่างอ๊อป รองแชมป์อย่างพัด แสดงความสามารถที่ถือว่าสุดยอด บอย พาส เปรี้ยว ที่มีพัฒนาการมาอย่างต่อเนื่อง และ อีก 7 คนก็มีศักยภาพไม่น้อย ทุกคนเรียนรู้คำว่า “ได้อีก” ซึ่งจะทำให้ทุกคนเติบโตอย่างไม่สิ้นสุด
ผมเห็นคุณพ่อของอ๊อป ลุกขึ้นยืนชูมืออย่างภาคภูมิใจ ผู้ปกครองหลาย ๆ คนแสดงออกถึงความภาคภูมิใจในนักล่าฝันทุกคน เป็นความรักและกำลังใจกันอย่างน่าซาบซึ้งจริง ๆ
ผมได้มีโอกาสอ่านความเห็นของผู้อ่านในเว็ปไซท์ www.manager.co.th หน้า “หุ้น” ในคอลัมน์นี้คือ “รอบรู้ด้านตลาดทุน” ผมขอขอบคุณทุกท่านที่กรุณาติดตามและแสดงความเห็น ผมสนับสนุนความเห็นที่แตกต่างหลากหลาย เพราะนั่นคือพลังของสังคม อย่างไรก็ตาม มีความเห็นกลุ่มหนึ่งในลักษณะว่า “เป็นรายการที่มุ่งให้คนโหวตกันมากๆ รายการก็ทำกำไรสบายๆ”
ผมขอแลกเปลี่ยนความเห็นว่า “แม้มีบางสิ่งที่เราเห็นต่างมุม ก็อย่าพลาดส่วนดีที่เราน่าจะได้เก็บไว้เป็นประโยชน์” และขอแสดงความเห็นเพิ่มเติมว่า หากกิจการที่ทำขึ้นอย่างสร้างสรรค์ ทุ่มเท มีความคิดใหม่ ๆ ไม่ได้เอาเปรียบ ไม่ได้ใช้อำนาจผูกขาดบังคับ (ผู้โหวตก็โหวตเพราะอยากแสดงความรักอย่างสมัครใจ ผู้ไม่พอใจโหวตก็ยังมีสิทธิที่จะดูโดยไม่โหวต) เขาทำกำไรตอบแทนความสามารถ และคุณค่าที่เขาได้สร้างได้ก็น่าจะยินดีกับเขาที่เขาทำธุรกิจกำไรได้ ผมว่าถ้าเป็นปัญหาว่า เยาวชนติดตามหลงใหลโดยไม่เอาสาระ ก็ควรระวัง ผมจึงได้แนะวิธีที่อาศัยโอกาสที่เด็ก ๆ เห็นนักล่าฝันเป็นฮีโร่ ดึงบทเรียนที่มีคุณค่าให้เด็ก ๆ ในบทความที่ผ่านมา
มีหนังสือด้านธุรกิจของต่างประเทศขึ้นรูปของ ไมเคิล จอร์แดน บนหน้าปก และตั้งคำถามน่าสนใจว่า “ลองคิดดูว่า ไมเคิลได้มีส่วนในการเสริมสร้างรายได้ให้สังคมเท่าไร การจัดแข่งกีฬา คนดูกีฬาจ่ายค่าบัตรแพง ๆ ไปดู คนติดตามทางทีวีทั่วโลก รายได้การทำโฆษณา ฯลฯ หลายอย่างทำให้ผู้บริโภคเสียสตางค์ แล้วเป็นคุณค่าอย่างไรในสังคม ผมว่าก็คือการจ้างงานมากมายหลายหน้าที่ และทำให้ผู้คนเห็นถึงความตั้งใจ ความมุ่งมั่น ทำในสิ่งที่ชอบ และทุ่มเททำให้ดีอย่างสุดยอด ความมีน้ำใจนักกีฬา ชนะก็ไม่เยาะเย้ย ไม่ประมาท แต่ยังพัฒนา แพ้ก็ไม่ขมขื่น ไม่ทุกข์ใจ ชื่นชมกับผู้ชนะ และหาบทเรียนเพื่อพัฒนาต่อไป
ผมขอเลยนำเรื่องการหาบทเรียนที่ดีๆไปเรื่องอื่น ผมรู้สึกดีใจกับคำพูดช่วงหนึ่งของนายกฯ ตอนเปิดสนามบินสุวรรณภูมิว่า “เห็นความสำเร็จแล้ว ก็อยากจะให้ผู้มีส่วนร่วมทุกคน ตั้งแต่ผู้บริหาร ตลอดจนกุลีทุกคนภาคภูมิใจว่า มีส่วนร่วมต่อความสำเร็จนี้” แม้บางคนจะไม่คุ้นกับคำว่า “กุลี” ผมเห็นว่าเป็นหลักการที่ดีครับ เราทุกคนเป็นดังอวัยวะของกายเดียวกัน ทุกส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ ทุกคนทำงานที่แม้ดูจะมีคุณค่าน้อย ก็น่าจะภูมิใจในคุณค่าที่ได้มีส่วนร่วมของความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่เสมอ
ผมเห็นท่านนายกฯ ลงไปเยี่ยมเยียนพี่น้องใน 3 จังหวัดภาคใต้ด้วยความเข้มแข็งและกล้าหาญ ก็ขอชื่นชม ผมเชื่อว่าท่านก็มีความรักพี่น้องในพื้นที่ด้วย จึงพร้อมจะเดินทางไปเยี่ยมเยียนเช่นนั้น แต่ผมขอแสดงความเห็นว่า “ความกล้า”ในการร่วมกันต่อสู้ ป้องกันการก่อการร้าย ควรจะควบคู่ไปกับ “ความรักและความวางใจ” ของชาวไทยทุกคนทั้งในและนอกพื้นที่
การตอบสนองของผู้ใหญ่ จึงควรแสดงความรู้สึกทั้ง 2 ด้าน เมื่อจะบอกว่า “รับรองว่า ไม่ตายฟรี” ก็น่าจะพูดถึงความรู้สึกรักและห่วงใยพี่น้องในพื้นที่ด้วยว่า ทุกฝ่ายก็จะดูแลอย่างเป็นธรรมที่สุด และมุ่งสร้างสันติด้วยความเข้าใจกันมากที่สุด ผมเชื่อว่า ท่าทีแห่งความรัก และห่วงใยต่อพี่น้องในพื้นที่ โดยแยกแยะออกจากผู้ก่อการร้าย เป็นส่วนสำคัญอย่างมาก ที่ทำให้เกิดความรักความสามัคคี
และคนไทยทุกคนก็จะเชื่อว่า เรามีแผ่นดินธรรมซึ่งจะเป็นแผ่นดินทอง คือคนสุจริตจะได้รับความรักและความคุ้มครอง คนก่อการร้ายก็จะต้องถูกติดตามจับกุม ผู้ที่อาจหลงทางชั่วคราวจะถูกสลายเพื่อให้กลับมาเป็นพี่น้องที่เอื้อประโยชน์ต่อกันและกันในแผ่นดินไทยตลอดไป ดังเช่นที่เราใช้วิธีสันตินำไปสู่ความสำเร็จ ทั้งเรื่องการสลายคอมมิวนิสต์ และใต้ร่มเย็น ในอดีต
คอนเสิร์ตปฏิบัติการล่าฝัน Academy Fantasia ได้จบลงแล้ว เราได้เห็นแชมป์อย่างอ๊อป รองแชมป์อย่างพัด แสดงความสามารถที่ถือว่าสุดยอด บอย พาส เปรี้ยว ที่มีพัฒนาการมาอย่างต่อเนื่อง และ อีก 7 คนก็มีศักยภาพไม่น้อย ทุกคนเรียนรู้คำว่า “ได้อีก” ซึ่งจะทำให้ทุกคนเติบโตอย่างไม่สิ้นสุด
ผมเห็นคุณพ่อของอ๊อป ลุกขึ้นยืนชูมืออย่างภาคภูมิใจ ผู้ปกครองหลาย ๆ คนแสดงออกถึงความภาคภูมิใจในนักล่าฝันทุกคน เป็นความรักและกำลังใจกันอย่างน่าซาบซึ้งจริง ๆ
ผมได้มีโอกาสอ่านความเห็นของผู้อ่านในเว็ปไซท์ www.manager.co.th หน้า “หุ้น” ในคอลัมน์นี้คือ “รอบรู้ด้านตลาดทุน” ผมขอขอบคุณทุกท่านที่กรุณาติดตามและแสดงความเห็น ผมสนับสนุนความเห็นที่แตกต่างหลากหลาย เพราะนั่นคือพลังของสังคม อย่างไรก็ตาม มีความเห็นกลุ่มหนึ่งในลักษณะว่า “เป็นรายการที่มุ่งให้คนโหวตกันมากๆ รายการก็ทำกำไรสบายๆ”
ผมขอแลกเปลี่ยนความเห็นว่า “แม้มีบางสิ่งที่เราเห็นต่างมุม ก็อย่าพลาดส่วนดีที่เราน่าจะได้เก็บไว้เป็นประโยชน์” และขอแสดงความเห็นเพิ่มเติมว่า หากกิจการที่ทำขึ้นอย่างสร้างสรรค์ ทุ่มเท มีความคิดใหม่ ๆ ไม่ได้เอาเปรียบ ไม่ได้ใช้อำนาจผูกขาดบังคับ (ผู้โหวตก็โหวตเพราะอยากแสดงความรักอย่างสมัครใจ ผู้ไม่พอใจโหวตก็ยังมีสิทธิที่จะดูโดยไม่โหวต) เขาทำกำไรตอบแทนความสามารถ และคุณค่าที่เขาได้สร้างได้ก็น่าจะยินดีกับเขาที่เขาทำธุรกิจกำไรได้ ผมว่าถ้าเป็นปัญหาว่า เยาวชนติดตามหลงใหลโดยไม่เอาสาระ ก็ควรระวัง ผมจึงได้แนะวิธีที่อาศัยโอกาสที่เด็ก ๆ เห็นนักล่าฝันเป็นฮีโร่ ดึงบทเรียนที่มีคุณค่าให้เด็ก ๆ ในบทความที่ผ่านมา
มีหนังสือด้านธุรกิจของต่างประเทศขึ้นรูปของ ไมเคิล จอร์แดน บนหน้าปก และตั้งคำถามน่าสนใจว่า “ลองคิดดูว่า ไมเคิลได้มีส่วนในการเสริมสร้างรายได้ให้สังคมเท่าไร การจัดแข่งกีฬา คนดูกีฬาจ่ายค่าบัตรแพง ๆ ไปดู คนติดตามทางทีวีทั่วโลก รายได้การทำโฆษณา ฯลฯ หลายอย่างทำให้ผู้บริโภคเสียสตางค์ แล้วเป็นคุณค่าอย่างไรในสังคม ผมว่าก็คือการจ้างงานมากมายหลายหน้าที่ และทำให้ผู้คนเห็นถึงความตั้งใจ ความมุ่งมั่น ทำในสิ่งที่ชอบ และทุ่มเททำให้ดีอย่างสุดยอด ความมีน้ำใจนักกีฬา ชนะก็ไม่เยาะเย้ย ไม่ประมาท แต่ยังพัฒนา แพ้ก็ไม่ขมขื่น ไม่ทุกข์ใจ ชื่นชมกับผู้ชนะ และหาบทเรียนเพื่อพัฒนาต่อไป
ผมขอเลยนำเรื่องการหาบทเรียนที่ดีๆไปเรื่องอื่น ผมรู้สึกดีใจกับคำพูดช่วงหนึ่งของนายกฯ ตอนเปิดสนามบินสุวรรณภูมิว่า “เห็นความสำเร็จแล้ว ก็อยากจะให้ผู้มีส่วนร่วมทุกคน ตั้งแต่ผู้บริหาร ตลอดจนกุลีทุกคนภาคภูมิใจว่า มีส่วนร่วมต่อความสำเร็จนี้” แม้บางคนจะไม่คุ้นกับคำว่า “กุลี” ผมเห็นว่าเป็นหลักการที่ดีครับ เราทุกคนเป็นดังอวัยวะของกายเดียวกัน ทุกส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ ทุกคนทำงานที่แม้ดูจะมีคุณค่าน้อย ก็น่าจะภูมิใจในคุณค่าที่ได้มีส่วนร่วมของความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่เสมอ
ผมเห็นท่านนายกฯ ลงไปเยี่ยมเยียนพี่น้องใน 3 จังหวัดภาคใต้ด้วยความเข้มแข็งและกล้าหาญ ก็ขอชื่นชม ผมเชื่อว่าท่านก็มีความรักพี่น้องในพื้นที่ด้วย จึงพร้อมจะเดินทางไปเยี่ยมเยียนเช่นนั้น แต่ผมขอแสดงความเห็นว่า “ความกล้า”ในการร่วมกันต่อสู้ ป้องกันการก่อการร้าย ควรจะควบคู่ไปกับ “ความรักและความวางใจ” ของชาวไทยทุกคนทั้งในและนอกพื้นที่
การตอบสนองของผู้ใหญ่ จึงควรแสดงความรู้สึกทั้ง 2 ด้าน เมื่อจะบอกว่า “รับรองว่า ไม่ตายฟรี” ก็น่าจะพูดถึงความรู้สึกรักและห่วงใยพี่น้องในพื้นที่ด้วยว่า ทุกฝ่ายก็จะดูแลอย่างเป็นธรรมที่สุด และมุ่งสร้างสันติด้วยความเข้าใจกันมากที่สุด ผมเชื่อว่า ท่าทีแห่งความรัก และห่วงใยต่อพี่น้องในพื้นที่ โดยแยกแยะออกจากผู้ก่อการร้าย เป็นส่วนสำคัญอย่างมาก ที่ทำให้เกิดความรักความสามัคคี
และคนไทยทุกคนก็จะเชื่อว่า เรามีแผ่นดินธรรมซึ่งจะเป็นแผ่นดินทอง คือคนสุจริตจะได้รับความรักและความคุ้มครอง คนก่อการร้ายก็จะต้องถูกติดตามจับกุม ผู้ที่อาจหลงทางชั่วคราวจะถูกสลายเพื่อให้กลับมาเป็นพี่น้องที่เอื้อประโยชน์ต่อกันและกันในแผ่นดินไทยตลอดไป ดังเช่นที่เราใช้วิธีสันตินำไปสู่ความสำเร็จ ทั้งเรื่องการสลายคอมมิวนิสต์ และใต้ร่มเย็น ในอดีต