“บัณฑูร ล่ำซำ” ซีอีโอ แบงก์กสิกรไทย (KBANK) เผยไทยกำลังเผชิญกลุ่มทุนต่างชาติล่าอาณานิคมรูปแบบใหม่ หวังเทกกิจการอาศัยข้อตกลง FTA-WTO รวมทั้งข้อตกลงองค์การการค้าโลก แม้ทางการไทยกำลังพยายามต้าน แต่คาดในที่สุดต้านไม่อยู่ ยันจะทำ ให้ KBANK เป็นแบงก์พาณิชย์ไทยต่อไป ย้ำเทก KBANK ไม่ง่าย พร้อมสู้ทุกรูปแบบ “นิตย์ พิบูลย์สงคราม” หัวหน้าคณะเจรจา FTA ไทย-มะกัน เผยการเจรจามีความคืบหน้าเรื่องแหล่งกำเนิดสินค้า-บริการ (Rule of Origin)
นายบัณฑูร ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) กล่าวว่าเศรษฐกิจไทย กำลังเผชิญความท้าทายแบบใหม่ จากเดิมปี 2540 เจอปัญหาหนี้เสียทั้งระบบ เพราะ
ใช้ทุนเกินตัว และเก็งกำไรในระบบ จนกระทั่งฟองสบู่แตก เกิดหนี้ เสียสะสมในธนาคารพาณิชย์ จนต้องปิดกิจการหลายแห่ง
“ที่ผ่านมา เราได้เรียนรู้บทเรียนดังกล่าว ทำให้แบงก์ไทย และธนาคารแห่งประเทศไทย
(ธปท.) ได้เรียนรู้ที่จะป้องกันปัญหาเก่า ซึ่งก็ทำได้ดี แต่ขณะนี้ ไทยกำลังเจอวิกฤติรอบใหม่ เป็นความท้าทายที่เกิดจากการล่าอาณานิคมทางเศรษฐกิจ จากทุนต่างชาติ ที่กำลังหลั่งไหลมาตามระบบการค้าเสรีโลก ผ่านกติกา องค์การการค้าโลก (WTO) และข้อตกลงเขตการค้าเสรี (FTA)” เขากล่าว
แม้ทางการไทยพยายามต่อรอง เพื่อป้องกันการครอบงำทุนจากภายนอก แต่เขาเชื่อว่า
ในที่สุด ไม่สามารถทำได้ กำแพงที่จะใช้ป้องกัน กำลังจะสลาย คู่แข่งที่เก่งกว่า มีอำนาจทุน มีความชำนาญ มากกว่า กำลังจะยึดครองระบบเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะคู่แข่งด้านผู้ให้บริการการเงิน ถือว่าเป็นคู่แข่งเศรษฐกิจน่ากลัวที่สุด
“หากว่าระบบเศรษฐกิจไทยไม่มีธนาคารพาณิชย์ ที่เป็นธนาคารของไทยเลย ก็เท่ากับไทยได้เสียอธิปไตยทางเศรษฐกิจไปแล้ว ซึ่งตอนนี้ แนวโน้มการเสียอธิปไตย กำลังจะเริ่มขึ้น แม้ว่า
จะมีต่างชาติถือหุ้นอยู่จำนวนหนึ่ง แต่การบริหาร ก็ยังเป็นแบบไทย ผมยืนยันว่า จะทำ ให้ธนาคาร
กสิกรไทย เป็นธนาคารพาณิชย์ของไทยต่อไป” นายบัณฑูรกล่าว
เขากล่าว่าอีกว่า หากต่างชาติจะเข้ามาไล่ซื้อธนาคารกสิกรไทย สามารถทำได้ เพราะหุ้นกระจายอยู่ในตลาดหุ้นไทย แต่เขายืนยันว่าไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะธนาคารกสิกรไทยขนาดใหญ่ ฐานหุ้นจำนวนมาก หากจะเข้ามาซื้อ ต้องใช้เงินมาก หากไล่ซื้อราคา จะผิดสูงปกติ คนที่ทุ่ม
เงินซื้อ ต้องคิดว่าคุ้มหรือไม่
อย่างไรก็ตาม เขากล่าวว่าธนาคารกสิกรไทยมีกำแพงแข็งแรงพอจะสู่กับทุนต่างชาติได้ กำแพงที่สำคัญ นอกจากเงินทุนที่มี คือการบริการ-พัฒนาผลิตภัณฑ์ให้เป็นที่พอใจของลูกค้า การทำงานเป็นทีม ให้บริการเป็นเครือข่ายกลุ่มกสิกรไทย จะทำให้กลุ่มกสิกรไทยแข็งแกร่งพอจะสู่กับคู่แข่งต่างชาติได้
“การหลั่งไหลของทุนจากต่างชาติ ตามกรอบการค้าเสรี ไม่มีใครปิดกั้น คนที่มีอำนาจ ทุนในมือ จะเป็นคนที่ได้เปรียบที่สุด และบงการทุกอย่างได้ ผู้ประกอบการไทย ถ้าจะรอดพ้นจากภาวะการไล่ล่า ก็ต้องปรับตัว” นายบัณฑูรกล่าว
ด้านนายนิตย์ พิบูลย์สงคราม หัวหน้าคณะเจรจาข้อตกลงการค้าเสรี (FTA-Free Trade Agreements) ไทย-สหรัฐ ซึ่งอยู่ระหว่างเจรจา FTA ไทย-มะกันรอบที่ 5 ที่ ฮอนโนลูลู กล่าวว่า ขณะนี้ การเจรจามีความคืบหน้า
โดยเฉพาะเรื่องแหล่งกำเนิดสินค้า-บริการ (Rule of Origin)
นายบัณฑูรกล่าวอีกว่า การที่ธนาคารกสิกรไทยถือหุ้น-ตั้งบริษัทเพื่อรวมเป็นบริษัทในเครือธนาคารกสิกรไทย ซึ่งมี 6 บริษัท คือ ธนาคารกสิกรไทย บริษัท แฟคตอริ่งกสิกรไทย บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนกสิกรไทย บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย และบริษัท ลิสซิ่งกสิกรไทย แล้ว ทำให้เครือธนาคารกสิ กรไทย (Kasikorn Group) จะให้บริการการเงินได้สมบูรณ์แบบ ครบวงจรที่สุด
นับแต่นี้ จึงมีเป้าหมายสร้างแบรนด์เครือธนาคารกสิกรไทย ให้เป็นกลุ่มบริการการเงิน ที่เป็นหนึ่งเดียว ที่ให้บริการด้วยคุณภาพ ทั้งรูปแบบผลิตภัณฑ์ การใส่ใจบริการ และประสิทธิภาพเทคโนโลยีที่ทันสมัย ตอบสนองลูกค้าได้ทุกกลุ่ม ช่วงอายุ ทุกความต้องการการเงิน
จะมี K-Excellence เป็นสัญลักษณ์ ผลิตภัณฑ์และบริการคุณภาพ จากเครือธนาคารกสิกรไทย ซึ่งลูกค้าจะพบสัญลักษณ์ K ทุกช่อง ทางให้บริการ ไม่ว่าจะเป็นที่ทำการบริษัทในเครือ ที่สาขาธนาคาร ที่เครื่อง ATM สื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์ต่างๆ
ทุกผลิตภัณฑ์-บริการเครือธนาคารกสิกรไทย จะรับประกันคุณภาพบริการด้วยสัญลักษณ์ K เช่น K SurePay, K Stock Trade, K Financial Lease, K Business B rief, K Mutual Fund, K Import Factoring เป็นต้น จะใช้คำขวัญเดียวกัน “บริการทุกระดับประทับใจ”
นายบัณฑูร ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) กล่าวว่าเศรษฐกิจไทย กำลังเผชิญความท้าทายแบบใหม่ จากเดิมปี 2540 เจอปัญหาหนี้เสียทั้งระบบ เพราะ
ใช้ทุนเกินตัว และเก็งกำไรในระบบ จนกระทั่งฟองสบู่แตก เกิดหนี้ เสียสะสมในธนาคารพาณิชย์ จนต้องปิดกิจการหลายแห่ง
“ที่ผ่านมา เราได้เรียนรู้บทเรียนดังกล่าว ทำให้แบงก์ไทย และธนาคารแห่งประเทศไทย
(ธปท.) ได้เรียนรู้ที่จะป้องกันปัญหาเก่า ซึ่งก็ทำได้ดี แต่ขณะนี้ ไทยกำลังเจอวิกฤติรอบใหม่ เป็นความท้าทายที่เกิดจากการล่าอาณานิคมทางเศรษฐกิจ จากทุนต่างชาติ ที่กำลังหลั่งไหลมาตามระบบการค้าเสรีโลก ผ่านกติกา องค์การการค้าโลก (WTO) และข้อตกลงเขตการค้าเสรี (FTA)” เขากล่าว
แม้ทางการไทยพยายามต่อรอง เพื่อป้องกันการครอบงำทุนจากภายนอก แต่เขาเชื่อว่า
ในที่สุด ไม่สามารถทำได้ กำแพงที่จะใช้ป้องกัน กำลังจะสลาย คู่แข่งที่เก่งกว่า มีอำนาจทุน มีความชำนาญ มากกว่า กำลังจะยึดครองระบบเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะคู่แข่งด้านผู้ให้บริการการเงิน ถือว่าเป็นคู่แข่งเศรษฐกิจน่ากลัวที่สุด
“หากว่าระบบเศรษฐกิจไทยไม่มีธนาคารพาณิชย์ ที่เป็นธนาคารของไทยเลย ก็เท่ากับไทยได้เสียอธิปไตยทางเศรษฐกิจไปแล้ว ซึ่งตอนนี้ แนวโน้มการเสียอธิปไตย กำลังจะเริ่มขึ้น แม้ว่า
จะมีต่างชาติถือหุ้นอยู่จำนวนหนึ่ง แต่การบริหาร ก็ยังเป็นแบบไทย ผมยืนยันว่า จะทำ ให้ธนาคาร
กสิกรไทย เป็นธนาคารพาณิชย์ของไทยต่อไป” นายบัณฑูรกล่าว
เขากล่าว่าอีกว่า หากต่างชาติจะเข้ามาไล่ซื้อธนาคารกสิกรไทย สามารถทำได้ เพราะหุ้นกระจายอยู่ในตลาดหุ้นไทย แต่เขายืนยันว่าไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะธนาคารกสิกรไทยขนาดใหญ่ ฐานหุ้นจำนวนมาก หากจะเข้ามาซื้อ ต้องใช้เงินมาก หากไล่ซื้อราคา จะผิดสูงปกติ คนที่ทุ่ม
เงินซื้อ ต้องคิดว่าคุ้มหรือไม่
อย่างไรก็ตาม เขากล่าวว่าธนาคารกสิกรไทยมีกำแพงแข็งแรงพอจะสู่กับทุนต่างชาติได้ กำแพงที่สำคัญ นอกจากเงินทุนที่มี คือการบริการ-พัฒนาผลิตภัณฑ์ให้เป็นที่พอใจของลูกค้า การทำงานเป็นทีม ให้บริการเป็นเครือข่ายกลุ่มกสิกรไทย จะทำให้กลุ่มกสิกรไทยแข็งแกร่งพอจะสู่กับคู่แข่งต่างชาติได้
“การหลั่งไหลของทุนจากต่างชาติ ตามกรอบการค้าเสรี ไม่มีใครปิดกั้น คนที่มีอำนาจ ทุนในมือ จะเป็นคนที่ได้เปรียบที่สุด และบงการทุกอย่างได้ ผู้ประกอบการไทย ถ้าจะรอดพ้นจากภาวะการไล่ล่า ก็ต้องปรับตัว” นายบัณฑูรกล่าว
ด้านนายนิตย์ พิบูลย์สงคราม หัวหน้าคณะเจรจาข้อตกลงการค้าเสรี (FTA-Free Trade Agreements) ไทย-สหรัฐ ซึ่งอยู่ระหว่างเจรจา FTA ไทย-มะกันรอบที่ 5 ที่ ฮอนโนลูลู กล่าวว่า ขณะนี้ การเจรจามีความคืบหน้า
โดยเฉพาะเรื่องแหล่งกำเนิดสินค้า-บริการ (Rule of Origin)
นายบัณฑูรกล่าวอีกว่า การที่ธนาคารกสิกรไทยถือหุ้น-ตั้งบริษัทเพื่อรวมเป็นบริษัทในเครือธนาคารกสิกรไทย ซึ่งมี 6 บริษัท คือ ธนาคารกสิกรไทย บริษัท แฟคตอริ่งกสิกรไทย บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนกสิกรไทย บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย และบริษัท ลิสซิ่งกสิกรไทย แล้ว ทำให้เครือธนาคารกสิ กรไทย (Kasikorn Group) จะให้บริการการเงินได้สมบูรณ์แบบ ครบวงจรที่สุด
นับแต่นี้ จึงมีเป้าหมายสร้างแบรนด์เครือธนาคารกสิกรไทย ให้เป็นกลุ่มบริการการเงิน ที่เป็นหนึ่งเดียว ที่ให้บริการด้วยคุณภาพ ทั้งรูปแบบผลิตภัณฑ์ การใส่ใจบริการ และประสิทธิภาพเทคโนโลยีที่ทันสมัย ตอบสนองลูกค้าได้ทุกกลุ่ม ช่วงอายุ ทุกความต้องการการเงิน
จะมี K-Excellence เป็นสัญลักษณ์ ผลิตภัณฑ์และบริการคุณภาพ จากเครือธนาคารกสิกรไทย ซึ่งลูกค้าจะพบสัญลักษณ์ K ทุกช่อง ทางให้บริการ ไม่ว่าจะเป็นที่ทำการบริษัทในเครือ ที่สาขาธนาคาร ที่เครื่อง ATM สื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์ต่างๆ
ทุกผลิตภัณฑ์-บริการเครือธนาคารกสิกรไทย จะรับประกันคุณภาพบริการด้วยสัญลักษณ์ K เช่น K SurePay, K Stock Trade, K Financial Lease, K Business B rief, K Mutual Fund, K Import Factoring เป็นต้น จะใช้คำขวัญเดียวกัน “บริการทุกระดับประทับใจ”