โดย มนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (montree4life@yahoo.com)
ในโอกาส “วันแม่แห่งชาติ” ในวันที่ 12 สิงหาคมนี้ ผมขอเป็นตัวแทนพสกนิกรไทยคนหนึ่ง อธิษฐานถวายพระพรองค์สมเด็จพระราชินี ขอจงทรงพระเจริญ มีพระวรกายที่แข็งแรง และมีพระทัยที่เป็นสุขชื่นชมยินดี เป็นพระราชินีคู่บุญบารมีองค์พระเจ้าอยู่หัวไปอีกยาวนาน
ในบรรยากาศ “วันแม่แห่งชาติ” นี้ ประกอบกับสถานการณ์ปัจจุบัน ผมขอระลึกถึงบทเรียนที่คุณแม่ วรรณภา ศรไพศาล ที่ได้สอนให้ตอบสนองปัญหาอย่างสร้างสรรค์อยู่เสมอ ดังนี้
1.ในยามที่ลูกๆ 5 คน ชอบอ่านหนังสือนิยายกำลังภายใน ก็นับเป็นปัญหาได้ เพราะบ้านเราก็มีฐานะที่จำกัด และการบันเทิงเช่นนั้น ก็อาจทำให้เสียการเรียนได้ แต่ลูกๆ ได้เห็นพ่อแม่รักเราเสมอ และทำงานหนักเพื่อเรา และเพื่ออนาคตของเรา เราก็ไม่อยากขอเงินพ่อแม่ไปซื้อหนังสือกำลังภายในมาอ่าน
เราก็เริ่มขออนุญาตคุณแม่เอาหนังสือที่มีวางหน้าร้าน เพื่อปล่อยเช่าหนังสือ จนเริ่มมีเงินหมุนเวียน เราก็มีโอกาสขอเงินพ่อแม่ประมาณ 6 พันบาท ซื้อเหมาหนังสือนิยายมาทำเป็นเล่มใหญ่ เพื่อให้เช่า และขายไป คุณแม่ได้ให้ความวางใจ ไม่คิดว่าเราเป็นเพียงเด็กๆ ให้กำลังใจเราอยู่เสมอ
แม่ยินดีให้เราได้รับสิ่งบันเทิง แต่ก็ได้ให้คำสอนต่างๆ เพื่อทำให้เราไม่มองหาสิ่งบันเทิงอย่างไร้สาระ แต่สนับสนุนให้เราเรียนรู้ด้านธุรกิจตั้งแต่เด็ก และจูงใจให้เราสนุกกับการทำประโยชน์ มากกว่าเพียงการหาความสุขส่วนตัว และในที่สุด เราสามารถเหมาขายหนังสือทั้งหมดออกไปได้เงินมากว่า 5 หมื่นบาท นับว่าเราได้เรียนรู้เรื่องการ take over ตั้งแต่เด็กๆ ด้วยพ่อแม่ ที่สนับสนุนเราอย่างสร้างสรรค์จริงๆ ครับ
2.ผมสังเกตเหตุการณ์ก่อการร้าย 11 กันยายน 2001 หรือกรณีเดือนที่ผ่านมา ที่มีการวางระเบิดรถไฟใต้ดินหลายแห่งในลอนดอน ในขณะที่เราเอง แม้อยู่ไกล ก็ยังรู้สึกตื่นตระหนก จนผมและหลายๆ คนเดาในใจ ว่าหุ้นน่าจะตกต่อเนื่อง คนน่าจะหวั่นวิตก กิจการหลายอย่างจะซบเซา เช่น การบิน ท่องเที่ยว เพราะกลัวเหตุร้าย และอาจลามต่อตลาดหุ้น ขวัญของผู้คน จนลดการจับจ่าย จนทำให้คนคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจตกต่ำ หุ้นตก ฐานะถดถอย จนเศรษฐกิจตกต่ำจริง
แต่ผลปรากฏว่า เขาร่วมใจกัน มีความเชื่อมั่นร่วมกัน ดังที่นายกรัฐมนตรี โทนี่ แบลร์ ได้พูดว่า ผู้ก่อการร้าย เขาอยากให้เราหวาดหวั่น เขาอยากให้วิถีชีวิตของเราเปลี่ยนไป เขาอยากให้เราแตกแยก
ในโอกาส “วันแม่แห่งชาติ” ในวันที่ 12 สิงหาคมนี้ ผมขอเป็นตัวแทนพสกนิกรไทยคนหนึ่ง อธิษฐานถวายพระพรองค์สมเด็จพระราชินี ขอจงทรงพระเจริญ มีพระวรกายที่แข็งแรง และมีพระทัยที่เป็นสุขชื่นชมยินดี เป็นพระราชินีคู่บุญบารมีองค์พระเจ้าอยู่หัวไปอีกยาวนาน
ในบรรยากาศ “วันแม่แห่งชาติ” นี้ ประกอบกับสถานการณ์ปัจจุบัน ผมขอระลึกถึงบทเรียนที่คุณแม่ วรรณภา ศรไพศาล ที่ได้สอนให้ตอบสนองปัญหาอย่างสร้างสรรค์อยู่เสมอ ดังนี้
1.ในยามที่ลูกๆ 5 คน ชอบอ่านหนังสือนิยายกำลังภายใน ก็นับเป็นปัญหาได้ เพราะบ้านเราก็มีฐานะที่จำกัด และการบันเทิงเช่นนั้น ก็อาจทำให้เสียการเรียนได้ แต่ลูกๆ ได้เห็นพ่อแม่รักเราเสมอ และทำงานหนักเพื่อเรา และเพื่ออนาคตของเรา เราก็ไม่อยากขอเงินพ่อแม่ไปซื้อหนังสือกำลังภายในมาอ่าน
เราก็เริ่มขออนุญาตคุณแม่เอาหนังสือที่มีวางหน้าร้าน เพื่อปล่อยเช่าหนังสือ จนเริ่มมีเงินหมุนเวียน เราก็มีโอกาสขอเงินพ่อแม่ประมาณ 6 พันบาท ซื้อเหมาหนังสือนิยายมาทำเป็นเล่มใหญ่ เพื่อให้เช่า และขายไป คุณแม่ได้ให้ความวางใจ ไม่คิดว่าเราเป็นเพียงเด็กๆ ให้กำลังใจเราอยู่เสมอ
แม่ยินดีให้เราได้รับสิ่งบันเทิง แต่ก็ได้ให้คำสอนต่างๆ เพื่อทำให้เราไม่มองหาสิ่งบันเทิงอย่างไร้สาระ แต่สนับสนุนให้เราเรียนรู้ด้านธุรกิจตั้งแต่เด็ก และจูงใจให้เราสนุกกับการทำประโยชน์ มากกว่าเพียงการหาความสุขส่วนตัว และในที่สุด เราสามารถเหมาขายหนังสือทั้งหมดออกไปได้เงินมากว่า 5 หมื่นบาท นับว่าเราได้เรียนรู้เรื่องการ take over ตั้งแต่เด็กๆ ด้วยพ่อแม่ ที่สนับสนุนเราอย่างสร้างสรรค์จริงๆ ครับ
2.ผมสังเกตเหตุการณ์ก่อการร้าย 11 กันยายน 2001 หรือกรณีเดือนที่ผ่านมา ที่มีการวางระเบิดรถไฟใต้ดินหลายแห่งในลอนดอน ในขณะที่เราเอง แม้อยู่ไกล ก็ยังรู้สึกตื่นตระหนก จนผมและหลายๆ คนเดาในใจ ว่าหุ้นน่าจะตกต่อเนื่อง คนน่าจะหวั่นวิตก กิจการหลายอย่างจะซบเซา เช่น การบิน ท่องเที่ยว เพราะกลัวเหตุร้าย และอาจลามต่อตลาดหุ้น ขวัญของผู้คน จนลดการจับจ่าย จนทำให้คนคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจตกต่ำ หุ้นตก ฐานะถดถอย จนเศรษฐกิจตกต่ำจริง
แต่ผลปรากฏว่า เขาร่วมใจกัน มีความเชื่อมั่นร่วมกัน ดังที่นายกรัฐมนตรี โทนี่ แบลร์ ได้พูดว่า ผู้ก่อการร้าย เขาอยากให้เราหวาดหวั่น เขาอยากให้วิถีชีวิตของเราเปลี่ยนไป เขาอยากให้เราแตกแยก