หลังจากเมื่อวานนี้ตลาดหุ้นไทยปิดลดลงกว่า 21 จุดเนื่องจากปัจจัยลบภายในประเทศที่เข้ามารุมเร้าทำให้นักวิเคราะห์ต่างชาติคาดการณ์ว่าอาจจะปรับจีดีพีไทยปีนี้ลง และยังเกิดก่อการร้ายในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ซึ่งส่งผลทางจิตวิทยาต่อนักลงทุน จึงเป็นแรงจูงใจให้วันนี้นักลงทุนเข้าซื้อเก็งกำไรในหุ้นที่มีราคาปรับลดลงแรงจนเข้าสู่ภาวะ oversold ระยะสั้น อย่างหุ้นในกลุ่มธนาคาร ไฟแนนซ์ และกลุ่มเหล็ก ประกอบกับดัชนีตลาดหุ้นยุโรปที่ระดับปิดลดช่วงลงจาก3% ถึง-4%ในระหว่างซื้อขายเป็น 1%ถึง -2% ในระดับปิด และดัชนีดาวโจนส์ที่กลับมาปิดบวกได้ 31 จุด เพราะตลาดเห็นว่าแม้เศรษฐกิจของอังกฤษจะได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ระเบิดในกรุงลอนดอนบ้าง แต่คาดว่าจะเป็นผลกระทบที่จำกัดต่อเศรษฐกิจโลก นอกจากนี้พรุ่งนี้ผู้ค้าน้ำมันรายอื่นยกเว้นปตท.เตรียมปรับขึ้นราคาขายปลีกน้ำมันอีก 40 สตางค์/ลิตร ทั้งเบนซิน และดีเซล หลังราคาน้ำมันสำเร็จรูปในตลาดสิงคโปร์เพิ่มขึ้นอย่างมาก ส่วนปตท.จะปรับขึ้นราคาน้ำมันในสัปดาห์หน้า
ส่วนหุ้นปิคนิค คอร์ปอเรชั่น ยังร่วงลงเกือบต่ำสุดในรอบ 2 ปี ที่ระดับ 2 บาท 66 สตางค์ เทียบจากระดับ 2 บาท 60 สตางค์ เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2546 เพราะปิกนิกไม่มั่นใจว่านักลงทุนจะขายหุ้นเพื่อทุนได้หมดหรือไม่ ปิดตลาดดัชนีอยู่ที่ระดับ 643.31 จุด เพิ่มขึ้น 5 จุด มูลค่าการซื้อขาย 14,781 ล้านบาท โดยแตะจุดสูงสูดที่ 642.38 จุด และจุดต่ำสุดที่ 630.71 จุด
สำหรับ 5 อันดับหลักทรัพย์แรกที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดประกอบด้วย
1.PTTปิดที่ 212 บาท เพิ่มขึ้น 2 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,218 ล้านบาท
2.TPI ปิดที่ 10.90 บาท ลดลง 20 สตางค์ มูลค่าการซื้อขาย 1,040 ล้านบาท
3.PICNI ปิดที่ 2.80 บาท ลดลง 74 สตางค์ มูลค่าการซื้อขาย 888 ล้านบาท
4.TRUEปิดที่ 9.10 บาท เพิ่มขึ้น 30 สตางค์ มูลค่าการซื้อขาย 499 ล้านบาท
5.TOP ปิดที่ 60 บาท เพิ่มขึ้น 50 สตางค์ มูลค่าการซื้อขาย 495 ล้านบาท
ส่วนหุ้นปิคนิค คอร์ปอเรชั่น ยังร่วงลงเกือบต่ำสุดในรอบ 2 ปี ที่ระดับ 2 บาท 66 สตางค์ เทียบจากระดับ 2 บาท 60 สตางค์ เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2546 เพราะปิกนิกไม่มั่นใจว่านักลงทุนจะขายหุ้นเพื่อทุนได้หมดหรือไม่ ปิดตลาดดัชนีอยู่ที่ระดับ 643.31 จุด เพิ่มขึ้น 5 จุด มูลค่าการซื้อขาย 14,781 ล้านบาท โดยแตะจุดสูงสูดที่ 642.38 จุด และจุดต่ำสุดที่ 630.71 จุด
สำหรับ 5 อันดับหลักทรัพย์แรกที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดประกอบด้วย
1.PTTปิดที่ 212 บาท เพิ่มขึ้น 2 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,218 ล้านบาท
2.TPI ปิดที่ 10.90 บาท ลดลง 20 สตางค์ มูลค่าการซื้อขาย 1,040 ล้านบาท
3.PICNI ปิดที่ 2.80 บาท ลดลง 74 สตางค์ มูลค่าการซื้อขาย 888 ล้านบาท
4.TRUEปิดที่ 9.10 บาท เพิ่มขึ้น 30 สตางค์ มูลค่าการซื้อขาย 499 ล้านบาท
5.TOP ปิดที่ 60 บาท เพิ่มขึ้น 50 สตางค์ มูลค่าการซื้อขาย 495 ล้านบาท