ขุนคลัง-รองนายกฯ “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” เผยนักลงทุนต่างชาติ-นักเศรษฐศาสตร์ที่เข้าพบ “ทักษิณ” ตอบรับเป็นเสียงเดียวกัน ว่าข้อมูลที่รัฐบาลให้ ทำให้มองภาพไทยเป็นบวกมากขึ้น โดยเฉพาะการลงทุนโครงการเมกะโปรเจกต์ สนับสนุนให้เร่งทำ
ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่านักลงทุนต่างชาติและนักเศรษฐศาสตร์ที่เข้าพบนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ตอบรับเป็นเสียงเดียวกัน ว่าข้อมูลที่รัฐบาลให้ ทำให้มองภาพประเทศไทยเป็นบวกมากขึ้น
โดยเฉพาะการลงทุนโครงการเมกะโปรเจกต์ ที่รัฐบาลตอบได้ชัดเจนถึงรายละเอียดโครงการ วงเงินลงทุน และระยะเวลาลงทุน โดยนักลงทุนสนับสนุนให้เร่งดำเนินการ เพราะจะช่วยสร้างความสนใจการเข้ามาลงทุนของพวกเขา
นอกจากนี้ นักลงทุนต่างชาติและนักเศรษฐศาสตร์ ยังสอบถามการปฏิรูประบบเศรษฐกิจไทย โดยระบุว่าเป็นสิ่งจำเป็น ซึ่งรัฐบาลยืนยันว่า กำลังดำเนินการ ส่วนการลงทุนที่จะทำให้เกิดการขาดดุลบัญชีเดินสะพัด นักลงทุนมองว่าไม่น่าห่วง เพราะเป็นเรื่องปกติ และเห็นว่าคนในประเทศ กลับเป็นห่วงมากกว่า
"การขาดดุลบัญชีเดินสะพัด นักลงทุนบอกไม่น่าเป็นห่วง และเราเองก็มองว่า ถ้ายังอยู่ในระดับ 2-3% ของจีดีพี ก็ยังรับได้ แต่รัฐบาลจะพยายามบริหารงบประมาณไม่ให้ขาดดุลมากเกินไป" ดร.สมคิดกล่าว
ทางด้าน ดร. ก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานสมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.เอเซียพลัส (ASP) กล่าวว่าเรื่องที่นักลงทุนสอบถามรัฐบาลส่วนใหญ่ เป็นการลงทุนโครงการเมกะโปรเจกต์ โดยต้องการให้รัฐบาลดำเนินการต่อเนื่อง อย่าให้ชะงัก
ซึ่งรัฐบาลก็ยืนยันว่าทำได้ ทำให้เกิดความมั่นใจการเข้ามาลงทุนมากขึ้น ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจไทย นักลงทุนส่วนใหญ่ไม่ได้ให้ความสำคัญมากเกินไป โดยเฉพาะตัวเลขขาดดุลบัญชีเดินสะพัด
ขณะเดียวกัน นักเศรษฐศาสตร์ที่ได้รับฟังข้อมูลครั้งนี้ ต่างยืนยันว่าจะกลับไปเขียนรายงานการลงทุนในประเทศไทยทิศทางที่ดี ส่วนใหญ่บอกว่า จะให้น้ำหนักการลงทุนตลาดหลักทรัพย์ไทยมากขึ้น ถือเป็น 1 ใน 3 ตลาดฯ ที่น่าลงทุน และราคาถูกปัจจุบัน เชื่อว่าจากนี้ แนวโน้มตลาดหุ้นไทยจะดีขึ้น
ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่านักลงทุนต่างชาติและนักเศรษฐศาสตร์ที่เข้าพบนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ตอบรับเป็นเสียงเดียวกัน ว่าข้อมูลที่รัฐบาลให้ ทำให้มองภาพประเทศไทยเป็นบวกมากขึ้น
โดยเฉพาะการลงทุนโครงการเมกะโปรเจกต์ ที่รัฐบาลตอบได้ชัดเจนถึงรายละเอียดโครงการ วงเงินลงทุน และระยะเวลาลงทุน โดยนักลงทุนสนับสนุนให้เร่งดำเนินการ เพราะจะช่วยสร้างความสนใจการเข้ามาลงทุนของพวกเขา
นอกจากนี้ นักลงทุนต่างชาติและนักเศรษฐศาสตร์ ยังสอบถามการปฏิรูประบบเศรษฐกิจไทย โดยระบุว่าเป็นสิ่งจำเป็น ซึ่งรัฐบาลยืนยันว่า กำลังดำเนินการ ส่วนการลงทุนที่จะทำให้เกิดการขาดดุลบัญชีเดินสะพัด นักลงทุนมองว่าไม่น่าห่วง เพราะเป็นเรื่องปกติ และเห็นว่าคนในประเทศ กลับเป็นห่วงมากกว่า
"การขาดดุลบัญชีเดินสะพัด นักลงทุนบอกไม่น่าเป็นห่วง และเราเองก็มองว่า ถ้ายังอยู่ในระดับ 2-3% ของจีดีพี ก็ยังรับได้ แต่รัฐบาลจะพยายามบริหารงบประมาณไม่ให้ขาดดุลมากเกินไป" ดร.สมคิดกล่าว
ทางด้าน ดร. ก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานสมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.เอเซียพลัส (ASP) กล่าวว่าเรื่องที่นักลงทุนสอบถามรัฐบาลส่วนใหญ่ เป็นการลงทุนโครงการเมกะโปรเจกต์ โดยต้องการให้รัฐบาลดำเนินการต่อเนื่อง อย่าให้ชะงัก
ซึ่งรัฐบาลก็ยืนยันว่าทำได้ ทำให้เกิดความมั่นใจการเข้ามาลงทุนมากขึ้น ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจไทย นักลงทุนส่วนใหญ่ไม่ได้ให้ความสำคัญมากเกินไป โดยเฉพาะตัวเลขขาดดุลบัญชีเดินสะพัด
ขณะเดียวกัน นักเศรษฐศาสตร์ที่ได้รับฟังข้อมูลครั้งนี้ ต่างยืนยันว่าจะกลับไปเขียนรายงานการลงทุนในประเทศไทยทิศทางที่ดี ส่วนใหญ่บอกว่า จะให้น้ำหนักการลงทุนตลาดหลักทรัพย์ไทยมากขึ้น ถือเป็น 1 ใน 3 ตลาดฯ ที่น่าลงทุน และราคาถูกปัจจุบัน เชื่อว่าจากนี้ แนวโน้มตลาดหุ้นไทยจะดีขึ้น