xs
xsm
sm
md
lg

บทเรียนจากตัวอย่างภาพยนตร์ War of the World

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

โดย มนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (montree4life@yahoo.com

สัปดาห์นี้ จะมีภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์แห่งปี จะเข้าฉายพร้อมกันทั่วโลก คือเรื่อง War of the World ผมเห็นการโฆษณาอย่างกว้างขวาง และเชื่อว่า เป็นภาพยนตร์ที่น่าดูอย่างมากเรื่องหนึ่ง

เป็นภาพยนตร์ของผู้กำกับมือหนึ่ง คือสตีเว่น สพีลเบอร์ก นำแสดงโดยดาราสุดหล่อเจ้าบทบาท ทอม ครู้ซ ผมได้มีโอกาสไปชมภาพยนตร์อีกเรื่องหนึ่ง และได้รับวีซีดีตัวอย่างภาพยนตร์เรื่องนี้ และเกิดแรงบันดาลใจได้บทเรียนที่น่าสนใจหลายเรื่อง ที่อยากแบ่งปัน แล้วเราลองดูว่า ตรงกับภาพยนตร์หรือไม่ครับ

1.สงครามทำลายโลกครั้งต่อไป อาจไม่ใช่มนุษย์ แล้วมนุษย์จะยังคิดทำลายกัน เอาเปรียบกันอีกหรือ? ผมเห็นฉากการทำลายของพวกต่างดาว มีอานุภาพสูงมาก ฟ้าผ่าที่เดียวกัน 26 ครั้ง ทางด่วนพลิกเป็นแถบๆ เป็น Computer Animation ที่ถ่ายทอดจินตนาการที่ตื่นตาตื่นใจ ผมคิดว่า จากจินตนาการว่า โลกเราอาจมีศัตรูร่วมกัน ที่อาจคาดหวังทำลายชาวโลกทุกคน เราจะยังคิดทำลายกัน หรือเอาเปรียบกันอีกหรือ กลับมารักกัน มุ่งทำประโยชน์เพื่อกันและกัน ไม่ดีกว่าหรือ

2.แม้ไม่ต้องมีสงครามจินตนาการ ปัญหาที่กดดันชาวโลกร่วมกันก็มีมากมาย ไม่ต้องถกกันเรื่องว่า จินตนาการนี้จริงหรือไม่ เพราะผมเองก็ไม่เชื่อว่ามีจริง แต่ชาวโลกยังต้องเผชิญปัญหาร่วมกันอีกมาก

ราคาน้ำมันแพง ราคาสินค้าอาจแพงขึ้น ชาติที่ประชากรสูงและเคยยากจนมากอย่างจีน และอินเดีย กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ผู้คนทำงานมากขึ้น ทำให้มีกำลังซื้อสูงขึ้น เป็นอุปสงค์ที่สูง จนบรรดาสินค้าต่างๆ มีราคาสูงขึ้น และเริ่มกังวลกันว่ามีโอกาสที่จะหมดไป เช่น น้ำมัน

ผมเชื่อว่า สิ่งที่ไม่มีวันหมดไป คือ Brain Power ทั้งนี้ เรามีการแข่งขันทางเศรษฐกิจ หรือสงครามเศรษฐกิจได้ ตราบเท่าที่ทุกฝ่ายทำเพื่อประโยชน์ของกันและกัน แต่อย่าทำร้ายกันเลย โดยเฉพาะผู้บริสุทธิ์ มันเปลืองพลังงานของคนเราอย่างไม่สร้างสรรค์อะไรเลย

3.สงครามในโลกมีอยู่แล้ว คือสงครามกับคนใกล้ตัว เอาความรักชนะความโกรธไม่ดีกว่าหรือ ? ผมเห็นภาพพระเอกเจรจาต่อรองให้ภรรยามารับลูกเวลา “8.30 น.” แต่ฝ่ายภรรยายืนยัน “8.00 น.” แล้วลูกสาวก็ลาแม่และพ่อที่อยู่กับแม่ แล้วกลับมาหาพ่อแท้ๆ

ผมก็เดามุขของเรื่องออก ว่าตัวเอกมีปัญหาในครอบครัว สามีภรรยาทะเลาะกัน มันช่างเป็น War of the World จริงๆ โดยส่วนใหญ่ สามีภรรยาที่ทะเลาะกัน ก็มีใจรักกันแต่เดิม มีความหวานชื่นกันเพียงพอที่จะแต่งงานกัน ใช้ชีวิตร่วมกัน จนมีลูกร่วมกันได้

แต่เมื่อเวลาผ่านไป ย่อมมีเวลาที่ดี และไม่ดี ต่อกัน ขึ้นอยู่กับว่า ใจเราอยู่ที่ส่วนดีของเขา หรือส่วนไม่ดีของเขา พระเจ้าจึงสอนว่า “ความรักนั้น ก็อดทนนาน ... เชื่อในส่วนดีของเขาอยู่เสมอ มีความหวังอยู่เสมอ และอดทนต่อทุกอย่าง” เริ่มก็อดทน ลงท้ายก็อดทน แต่ไม่ใช่ทนทุกข์นะครับ

เมื่อเราเรียนรู้ว่า “ความรักต้องอดทนนาน” เมื่อเราอดทนรัก เราก็มีความสุข ในภาพยนตร์นั้น ภาพของ War of the World เป็นภาพที่สะเทือนใจเด็กมาก ภาพที่พ่อแม่มีปัญหากัน ไม่รักกัน ก็เป็นภาพที่บีบคั้นหัวใจน้อยๆ ของลูกอย่างมาก

คนส่วนใหญ่ที่ทะเลาะกัน และไม่ยอมคืนดี เพราะเราคิดเอาแต่ตัวเราเป็นศูนย์กลางในชีวิต และเชื่อเถอะครับ ความโดดเดี่ยวนำไปสู่ความเหงา เดียวดาย ความไม่รัก และจะเป็นความขมขื่นที่ต้องคอยข่มกลั้น เป็นความทุกข์อยู่ในใจ

แต่ถ้าเราเอาความรักเป็นศูนย์กลาง รู้จักรัก รู้จักให้ รู้จักให้อภัย มีความหวังอยู่เสมอ และทนต่อทุกอย่าง เราก็จะยังมีความสุข ความหวัง และมีพลังในชีวิตอยู่เสมอ และเชื่อว่า เมื่อครอบครัวแข็งแรง การทำงานก็มั่นคงก้าวหน้า ชาติก็เข้มแข็งครับ

ผมคิดว่า ผมเดามุขของเรื่องไม่ผิด ถ้ามีใครถามผม ว่าถ้าผมเดาโครงเรื่องได้ จะยังดูสนุกหรือไม่ ผมว่าเฉพาะฉากเทคนิคต่างๆ ที่ออกมา เป็นภาพตื่นตาตื่นใจ ก็ตื่นเต้นมากแล้วครับ ส่วนเรื่องราวบทเรียนเรื่องความรักนั้น ดูกี่ครั้งๆ ก็ยังเป็นซาบซึ้งใจอยู่เสมอครับ
กำลังโหลดความคิดเห็น