ก.ล.ต. สั่งบริษัท ไทยฟิล์มอินดัสตรี่ (TFI) แก้ไขงบการเงินปี 47-ไตรมาส 1 ปีนี้ โดยให้นำงบการเงินบริษัท ริเวอร์ไซด์ ทาวเวอร์ ทำงบการเงินรวม TFI ต้องส่งงบการเงินที่แก้ไขและผ่านการตรวจสอบและสอบทานจากผู้สอบบัญชีให้ ก.ล.ต. ภายใน 18 กรกฎาคม
เนื่องจากปรากฏข้อเท็จจริงทำให้เชื่อได้ว่า การขายหุ้นริเวอร์ไซด์ให้บริษัท ดาราวดี ปลายปี 2544 ไม่ถือเป็นการขายแบบเบ็ดเสร็จ (True sale) ตามมาตรฐานการบัญชี เนื่องจาก TFI ยังมีอำนาจควบคุม และมีความเสี่ยงหุ้นริเวอร์ไซด์เช่นเดียวกับก่อนขายเงินลงทุนดังกล่าว TFI ต้องส่งงบการเงินที่แก้ไขและผ่านการตรวจสอบและสอบทานจากผู้สอบบัญชีให้ ก.ล.ต. ภายใน 18 กรกฎาคม
สาเหตุสั่งการดังกล่าว เนื่องจาก ก.ล.ต. ติดตามธุรกรรมที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปลายปี 2544 ขณะนี้ พบหลักฐานเพิ่มเติม ซึ่งทำให้เห็นว่า สภาพความเป็นจริง TFI ยังมีอำนาจควบคุม ยังคงได้รับประโยชน์เชิงเศรษฐกิจอนาคตจากริเวอร์ไซด์ ตามข้อเท็จจริงต่อไปนี้
•เดิม TFI ถือหุ้นริเวอร์ไซด์ 100% ปลายปี 2544 TFI ขายหุ้นริเวอร์ไซด์ให้ดาราวดี ราคา 1,891 ล้าน
บาท แต่สัญญาขายหุ้นกำหนดให้ดาราวดีชำระค่าหุ้น ณ วันทำสัญญาขายเพียง 5 ล้านบาท ที่เหลืออีก 1,886 ล้านบาท ทยอยจ่าย 15 ปี
•สัญญาซื้อขายหุ้นระบุว่า ดาราวดีจะขายอาคารชุดริเวอร์ไซด์ได้ ต้องได้รับความยินยอมเป็นหนังสือ
จาก TFI ก่อน TFI เอง เคยชี้แจงผ่านสื่อตลาดหลักทรัพย์ (ตลท.) เมื่อวันที่ 29 เมษายนว่า TFI ควบคุมไม่ให้ดาราวดีนำรายได้จากการขายอาคารชุดริเวอร์ไซด์ ใช้ในธุรกรรมอื่น นอกจากนำมาชำระหนี้ให้ TFI เท่านั้น การขายอาคารชุดดังกล่าว จึงขึ้นกับการตัดสินใจของ TFI เป็นไปเพื่อประโยชน์ TFI โดยตรง
•ดาราวดีทุนชำระแล้วเพียง 7 ล้านบาท ซึ่งต่ำเทียบยอดหนี้ต่อ TFI 1,886 ล้านบาท ดาราวดีก็ไม่มี
สินทรัพย์ หรือรายได้แหล่งอื่น นอกจากขายอาคารชุดริเวอร์ไซด์ ความสามารถชำระหนี้ของดาราวดีอนาคต ขึ้นกับเงินที่ได้จากการขายอาคารชุดของริเวอร์ไซด์ เท่านั้น
ก.ล.ต. จึงสั่งให้ TFI แก้ไขงบการเงินปี 2547 และงบการเงินไตรมาส 1 ปี 2548 ให้เป็นไปตามมาตรฐานการบัญชี และปรับย้อนหลัง งบการเงินทุกงวดที่นำเปรียบเทียบด้วย โดยให้ส่งงบการเงินดังกล่าว ที่ผ่านการตรวจสอบ และสอบทานจากผู้สอบบัญชี ต่อ ก.ล.ต. ภายในวันที่ 18 กรกฎาคม
เนื่องจากปรากฏข้อเท็จจริงทำให้เชื่อได้ว่า การขายหุ้นริเวอร์ไซด์ให้บริษัท ดาราวดี ปลายปี 2544 ไม่ถือเป็นการขายแบบเบ็ดเสร็จ (True sale) ตามมาตรฐานการบัญชี เนื่องจาก TFI ยังมีอำนาจควบคุม และมีความเสี่ยงหุ้นริเวอร์ไซด์เช่นเดียวกับก่อนขายเงินลงทุนดังกล่าว TFI ต้องส่งงบการเงินที่แก้ไขและผ่านการตรวจสอบและสอบทานจากผู้สอบบัญชีให้ ก.ล.ต. ภายใน 18 กรกฎาคม
สาเหตุสั่งการดังกล่าว เนื่องจาก ก.ล.ต. ติดตามธุรกรรมที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปลายปี 2544 ขณะนี้ พบหลักฐานเพิ่มเติม ซึ่งทำให้เห็นว่า สภาพความเป็นจริง TFI ยังมีอำนาจควบคุม ยังคงได้รับประโยชน์เชิงเศรษฐกิจอนาคตจากริเวอร์ไซด์ ตามข้อเท็จจริงต่อไปนี้
•เดิม TFI ถือหุ้นริเวอร์ไซด์ 100% ปลายปี 2544 TFI ขายหุ้นริเวอร์ไซด์ให้ดาราวดี ราคา 1,891 ล้าน
บาท แต่สัญญาขายหุ้นกำหนดให้ดาราวดีชำระค่าหุ้น ณ วันทำสัญญาขายเพียง 5 ล้านบาท ที่เหลืออีก 1,886 ล้านบาท ทยอยจ่าย 15 ปี
•สัญญาซื้อขายหุ้นระบุว่า ดาราวดีจะขายอาคารชุดริเวอร์ไซด์ได้ ต้องได้รับความยินยอมเป็นหนังสือ
จาก TFI ก่อน TFI เอง เคยชี้แจงผ่านสื่อตลาดหลักทรัพย์ (ตลท.) เมื่อวันที่ 29 เมษายนว่า TFI ควบคุมไม่ให้ดาราวดีนำรายได้จากการขายอาคารชุดริเวอร์ไซด์ ใช้ในธุรกรรมอื่น นอกจากนำมาชำระหนี้ให้ TFI เท่านั้น การขายอาคารชุดดังกล่าว จึงขึ้นกับการตัดสินใจของ TFI เป็นไปเพื่อประโยชน์ TFI โดยตรง
•ดาราวดีทุนชำระแล้วเพียง 7 ล้านบาท ซึ่งต่ำเทียบยอดหนี้ต่อ TFI 1,886 ล้านบาท ดาราวดีก็ไม่มี
สินทรัพย์ หรือรายได้แหล่งอื่น นอกจากขายอาคารชุดริเวอร์ไซด์ ความสามารถชำระหนี้ของดาราวดีอนาคต ขึ้นกับเงินที่ได้จากการขายอาคารชุดของริเวอร์ไซด์ เท่านั้น
ก.ล.ต. จึงสั่งให้ TFI แก้ไขงบการเงินปี 2547 และงบการเงินไตรมาส 1 ปี 2548 ให้เป็นไปตามมาตรฐานการบัญชี และปรับย้อนหลัง งบการเงินทุกงวดที่นำเปรียบเทียบด้วย โดยให้ส่งงบการเงินดังกล่าว ที่ผ่านการตรวจสอบ และสอบทานจากผู้สอบบัญชี ต่อ ก.ล.ต. ภายในวันที่ 18 กรกฎาคม