“เผด็จ หงษ์ฟ้า” รองประธานบอร์ด ซีวีดี เอ็นเตอร์เทนเมนท์ (CVD) คาดรายได้บริษัททั้งปีนี้ประมาณ 1.1 พันล้านบาท แต่คาดไตรมาส 2 ผลดำเนินงานไม่ดี
นายเผด็จ หงษ์ฟ้า รองประธานกรรมการ บริษัท ซีวีดี เอ็นเตอร์เทนเมนท์ (CVD) กล่าวว่าผลดำเนินงานบริษัทไตรมาส 2 คาดจะไม่ดีเท่าไตรมาสแรก เนื่องจากไตรมาส 2 ไม่มีภาพยนตร์ที่ได้รับความสนใจจากคนดู อย่างไรก็ตาม เขาเชื่อว่าไตรมาส 3-4 จะดีขึ้น คาดทั้งปีนี้ จะมีรายได้ประมาณ 1,100 ล้านบาท ถือเป็นวงจรอุตสาหกรรม
เขามองว่าช่วงครึ่งปีหลัง จะมีภาพยนตร์สร้างรายได้เข้ามา ประกอบกับมองว่ารายได้ศูนย์เช่าจะเติบโต คาดปีนี้ ตลาดรวมศูนย์เช่าจะขยายตัวประมาณ 25% ประมาณ 2,500 แห่ง เพิ่มขึ้นจากปี 2547 ที่มี 1,800 แห่ง
บริษัทตั้งเป้ายอดขายปีนี้ 800 ล้านบาท หลังจากบริษัททำสัญญาฉบับใหม่ภายใน 12-15 เดือนกับพันธมิตรค่ายหนัง แบ่งเป็น ยอดขายวีซีดี 80% ของยอดขายทั้งหมด ยอดขายดีวีดี ที่คาดว่าน่าจะเพิ่มเท่าตัวปีนี้ มาจากสัญญาใหม่ และสัญญาเดิมที่มีอยู่แล้ว อาทิ กับ บัวนา วิสต้า โฮม เอ็นเตอร์เทนเม้นต์ รวมทั้งเป็นตัวแทนจำหน่ายภาพยนตร์วอล์ทดิสนี่ย์ พิกเจอร์ จะทำให้บริษัทเป็นผู้นำตลาดโฮมเอ็นเตอร์เทนเม้นต์แท้จริงได้
บริษัทยังมีสัญญาฉบับใหม่กับทเวนตี้ เซนจูรี่ ฟอกซ์ โฮมเอ็นเตอร์เทนเม้นต์ MGM โฮมเอ็นเตอร์เทนเม้นต์ และโซนี่ พิกเจอร์ โฮมเอ็นเตอร์เทนเม้นต์ ให้ CVD เป็นตัวแทนจำหน่ายภาพยนตร์ค่ายดังกล่าว อย่างไรก็ตาม CVD คาดจะวางขาย ดีวีดีราคาประมาณ 399 บาท ส่วนภาพยนตร์คลาสสิคบางเรื่อง จะขายประมาณ 299 บาท หลัง CVD ได้รับอนุมัติให้ผลิตดีวีดี ของฮอลีวูดส์ในไทย ราคาถูกมาก เมื่อไม่นานมานี้
อย่างไรก็ดี เขามองว่า การเติบโตตลาดซีวีดี และดีวีดี ส่วนหนึ่ง เป็นผลจากการเติบโตตลาดเครื่องเล่นวีซีดี และดีวีดี คาดปีนี้ จะเพิ่มมากกว่า 6.75 ล้านเครื่อง แม้บริษัทจะมีนโยบายลดราคาแผ่นดีวีดีบ้าง ซึ่งอาจทำให้ยอดขายดีวีดีเพิ่มขึ้น ที่ผ่านมา รายได้ดีวีดี 5% ของรายได้รวม แต่ขณะนี้ เพิ่มขึ้นที่ 30% ซึ่งส่วนนี้ เขามองว่าไม่กระทบยอดขายวีซีดี เนื่องจากลูกค้าคนละกลุ่ม
นายเผด็จ หงษ์ฟ้า รองประธานกรรมการ บริษัท ซีวีดี เอ็นเตอร์เทนเมนท์ (CVD) กล่าวว่าผลดำเนินงานบริษัทไตรมาส 2 คาดจะไม่ดีเท่าไตรมาสแรก เนื่องจากไตรมาส 2 ไม่มีภาพยนตร์ที่ได้รับความสนใจจากคนดู อย่างไรก็ตาม เขาเชื่อว่าไตรมาส 3-4 จะดีขึ้น คาดทั้งปีนี้ จะมีรายได้ประมาณ 1,100 ล้านบาท ถือเป็นวงจรอุตสาหกรรม
เขามองว่าช่วงครึ่งปีหลัง จะมีภาพยนตร์สร้างรายได้เข้ามา ประกอบกับมองว่ารายได้ศูนย์เช่าจะเติบโต คาดปีนี้ ตลาดรวมศูนย์เช่าจะขยายตัวประมาณ 25% ประมาณ 2,500 แห่ง เพิ่มขึ้นจากปี 2547 ที่มี 1,800 แห่ง
บริษัทตั้งเป้ายอดขายปีนี้ 800 ล้านบาท หลังจากบริษัททำสัญญาฉบับใหม่ภายใน 12-15 เดือนกับพันธมิตรค่ายหนัง แบ่งเป็น ยอดขายวีซีดี 80% ของยอดขายทั้งหมด ยอดขายดีวีดี ที่คาดว่าน่าจะเพิ่มเท่าตัวปีนี้ มาจากสัญญาใหม่ และสัญญาเดิมที่มีอยู่แล้ว อาทิ กับ บัวนา วิสต้า โฮม เอ็นเตอร์เทนเม้นต์ รวมทั้งเป็นตัวแทนจำหน่ายภาพยนตร์วอล์ทดิสนี่ย์ พิกเจอร์ จะทำให้บริษัทเป็นผู้นำตลาดโฮมเอ็นเตอร์เทนเม้นต์แท้จริงได้
บริษัทยังมีสัญญาฉบับใหม่กับทเวนตี้ เซนจูรี่ ฟอกซ์ โฮมเอ็นเตอร์เทนเม้นต์ MGM โฮมเอ็นเตอร์เทนเม้นต์ และโซนี่ พิกเจอร์ โฮมเอ็นเตอร์เทนเม้นต์ ให้ CVD เป็นตัวแทนจำหน่ายภาพยนตร์ค่ายดังกล่าว อย่างไรก็ตาม CVD คาดจะวางขาย ดีวีดีราคาประมาณ 399 บาท ส่วนภาพยนตร์คลาสสิคบางเรื่อง จะขายประมาณ 299 บาท หลัง CVD ได้รับอนุมัติให้ผลิตดีวีดี ของฮอลีวูดส์ในไทย ราคาถูกมาก เมื่อไม่นานมานี้
อย่างไรก็ดี เขามองว่า การเติบโตตลาดซีวีดี และดีวีดี ส่วนหนึ่ง เป็นผลจากการเติบโตตลาดเครื่องเล่นวีซีดี และดีวีดี คาดปีนี้ จะเพิ่มมากกว่า 6.75 ล้านเครื่อง แม้บริษัทจะมีนโยบายลดราคาแผ่นดีวีดีบ้าง ซึ่งอาจทำให้ยอดขายดีวีดีเพิ่มขึ้น ที่ผ่านมา รายได้ดีวีดี 5% ของรายได้รวม แต่ขณะนี้ เพิ่มขึ้นที่ 30% ซึ่งส่วนนี้ เขามองว่าไม่กระทบยอดขายวีซีดี เนื่องจากลูกค้าคนละกลุ่ม