บมจ.ไทยคูณ เวิลด์ไวด์ กรุ๊ป (TYCN) ผู้ผลิตน็อตจากไต้หวัน ลดเป้ารายได้ปีนี้เหลือโต 10% จากเดิมตั้งเป้าโต 15-20% หลังรายได้ไตรมาส 1 ลดลง จากราคาวัตถุดิบเพิ่มขึ้น-สินค้าจากจีนต้นทุนถูกกว่า
นายซู จูง รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ไทยคูณ เวิลด์ไวด์ กรุ๊ป (TYCN) ผู้ผลิตน็อต กล่าวว่าบริษัทปรับเป้ารายได้ยอดขายปีนี้ลดเหลือเพิ่ม 10% จากปีที่แล้ว จากเดิม 15-20% เนื่องจากรายได้ไตรมาส 1 ลดลง จากราคาวัตถุดิบเพิ่มขึ้น รวมทั้งสินค้าจากจีนต้นทุนถูกกว่า อัตรากำไรขั้นต้นไตรมาส 1 ปีนี้ 17% ของยอดขาย ซึ่งลดลง เทียบไตรมาส 4 ปี 2547 ที่อยู่ที่ 19.57%
อย่างไรก็ตาม เขาเชื่อว่า บริษัทจะมีรายได้เพิ่มขึ้น จากการที่บริษัทมีออเดอร์ผลิตน็อตตัวผู้ ที่บริษัทเริ่มผลิตไปแล้วไตรมาส 1 ปีนี้ คาดจะเริ่มส่งออก รับรู้รายได้ทันทีปีนี้ 6% ประกอบกับรายได้เพิ่มจาก BILLET ที่บริษัทกู้ยืมวงเงิน 4,000 ล้านบาท จากธนาคารพาณิชย์
ขณะนี้ บริษัทใช้ซื้อวัตถุดิบดังกล่าว 2,800 ล้านบาท ปลายปีนี้ บริษัทจะติดตั้งเตาหลอมเพิ่มอีก 7 เตา จากปัจจุบัน มีอยู่แล้ว 7 เตา วงเงิน 300 ล้านบาท คาดจะเริ่มผลิตได้ทันทีหากติดตั้งเสร็จ
“อุตสาหกรรมเหล็กโดยรวม หากมีสัญญาณดีจริง เรามองว่าน่าจะอยู่ในช่วงไตรมาส 3 ถึงไตรมาส 4 ปีนี้ แต่หากเลวร้าย ก็น่าจะปรับดีขึ้นได้ในไตรมาส 1 ปี 2549 ซึ่งหากอุตสหากรรมโดยรวมดีขึ้น บริษัทจะได้รับอานิสงส์ จากยอดขายที่โตด้วย ซึ่งการปรับเพิ่มราคาของสินค้า คงปรับเพิ่มขึ้นมากไม่ได้ แต่เราจะใช้การเพิ่มสินค้าที่หลากหลาย เพื่อเพิ่มมูลค่าของสินค้า มากกว่าที่จะเพิ่มราคา”นายซูกล่าว
นายซูกล่าวต่อว่า การออกตราสาร TDR นำหุ้นบริษัทแม่ที่ไต้หวัน คือบริษัท ไทยคูณ กรุ๊ป อินเตอร์เนชั่นแนล ซื้อขายในตลาดหุ้นไต้หวัน ไม่เกี่ยวกับ TYCN ในไทย จะขาย 50 ล้านหุ้น ตอนนี้ ต้องดูภาวะตลาดหุ้นไต้หวัน ก่อนจะกำหนดราคา ซึ่งหากขายหมด สัดส่วนถือหุ้นบริษัทแม่ ใน TYCN จะลด 8% จากปัจจุบัน ไทยคูณกรุ๊ปถือ 76.3%
อย่างไรก็ตาม หากการขายหุ้นบริษัทแม่สำเร็จ บริษัทแม่พยายามจะรักษาสัดส่วนถือหุ้น TYCN แต่หาก TYCN จะเพิ่มทุน จะศึกษารูปแบบขายแบบ TDR โดยนำหุ้นผู้บริหารกระจายขาย แต่ตอนนี้ ยังไม่มีแผนดังกล่าว การขายลักษณะนี้ จะเพิ่มสภาพคล่องให้บริษัทได้
นายซู จูง รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ไทยคูณ เวิลด์ไวด์ กรุ๊ป (TYCN) ผู้ผลิตน็อต กล่าวว่าบริษัทปรับเป้ารายได้ยอดขายปีนี้ลดเหลือเพิ่ม 10% จากปีที่แล้ว จากเดิม 15-20% เนื่องจากรายได้ไตรมาส 1 ลดลง จากราคาวัตถุดิบเพิ่มขึ้น รวมทั้งสินค้าจากจีนต้นทุนถูกกว่า อัตรากำไรขั้นต้นไตรมาส 1 ปีนี้ 17% ของยอดขาย ซึ่งลดลง เทียบไตรมาส 4 ปี 2547 ที่อยู่ที่ 19.57%
อย่างไรก็ตาม เขาเชื่อว่า บริษัทจะมีรายได้เพิ่มขึ้น จากการที่บริษัทมีออเดอร์ผลิตน็อตตัวผู้ ที่บริษัทเริ่มผลิตไปแล้วไตรมาส 1 ปีนี้ คาดจะเริ่มส่งออก รับรู้รายได้ทันทีปีนี้ 6% ประกอบกับรายได้เพิ่มจาก BILLET ที่บริษัทกู้ยืมวงเงิน 4,000 ล้านบาท จากธนาคารพาณิชย์
ขณะนี้ บริษัทใช้ซื้อวัตถุดิบดังกล่าว 2,800 ล้านบาท ปลายปีนี้ บริษัทจะติดตั้งเตาหลอมเพิ่มอีก 7 เตา จากปัจจุบัน มีอยู่แล้ว 7 เตา วงเงิน 300 ล้านบาท คาดจะเริ่มผลิตได้ทันทีหากติดตั้งเสร็จ
“อุตสาหกรรมเหล็กโดยรวม หากมีสัญญาณดีจริง เรามองว่าน่าจะอยู่ในช่วงไตรมาส 3 ถึงไตรมาส 4 ปีนี้ แต่หากเลวร้าย ก็น่าจะปรับดีขึ้นได้ในไตรมาส 1 ปี 2549 ซึ่งหากอุตสหากรรมโดยรวมดีขึ้น บริษัทจะได้รับอานิสงส์ จากยอดขายที่โตด้วย ซึ่งการปรับเพิ่มราคาของสินค้า คงปรับเพิ่มขึ้นมากไม่ได้ แต่เราจะใช้การเพิ่มสินค้าที่หลากหลาย เพื่อเพิ่มมูลค่าของสินค้า มากกว่าที่จะเพิ่มราคา”นายซูกล่าว
นายซูกล่าวต่อว่า การออกตราสาร TDR นำหุ้นบริษัทแม่ที่ไต้หวัน คือบริษัท ไทยคูณ กรุ๊ป อินเตอร์เนชั่นแนล ซื้อขายในตลาดหุ้นไต้หวัน ไม่เกี่ยวกับ TYCN ในไทย จะขาย 50 ล้านหุ้น ตอนนี้ ต้องดูภาวะตลาดหุ้นไต้หวัน ก่อนจะกำหนดราคา ซึ่งหากขายหมด สัดส่วนถือหุ้นบริษัทแม่ ใน TYCN จะลด 8% จากปัจจุบัน ไทยคูณกรุ๊ปถือ 76.3%
อย่างไรก็ตาม หากการขายหุ้นบริษัทแม่สำเร็จ บริษัทแม่พยายามจะรักษาสัดส่วนถือหุ้น TYCN แต่หาก TYCN จะเพิ่มทุน จะศึกษารูปแบบขายแบบ TDR โดยนำหุ้นผู้บริหารกระจายขาย แต่ตอนนี้ ยังไม่มีแผนดังกล่าว การขายลักษณะนี้ จะเพิ่มสภาพคล่องให้บริษัทได้