xs
xsm
sm
md
lg

หยวน จะหยวนเมื่อไร (1)

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

โดย มนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (montree4life@yahoo.com)

ผมได้ดูงานวิจัยของบริษัทของผม (บมจ. หลักทรัพย์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย)) ได้พูดถึงปัจจัยปัญหาต่าง ๆ ระดับโลกมากพอสมควร ทั้งเรื่องการที่ไม่สมดุลการค้าระหว่างประเทศ โดยเฉพาะที่สหรัฐฯ ขาดดุลการค้ามหาศาลกับประเทศจีนมาอย่างต่อเนื่อง ปัญหาราคาน้ำมัน อัตราเงินเฟ้อ อัตราดอกเบี้ย อุปสงค์ของโลกที่เติบโตสูง จากประเทศที่ประชากรมาก เช่น จีนหรืออินเดีย ฯลฯ

ผมเองก็ตั้งข้อสังเกตหนึ่งว่า ปัญหาหลาย ๆ เรื่อง จะปรับไปตามธรรมชาติ ตามหลักเศรษฐศาสตร์ โดยกลไกราคา เช่น ถ้าคนต้องการกู้มากขึ้น หรือฝากน้อยลง (เช่น หลังดอกเบี้ยต่ำมาระยะหนึ่ง ก็สามารถกระตุ้นการลงทุนได้มากพอ จนดอกเบี้ยทยอยปรับตัวสูงขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง) ดอกเบี้ยก็สูงขึ้น ถ้าคนต้องการสกุลเงินใดมาก (เช่น ต้องการเงินหยวน เพราะสินค้าถูกน่าซื้อ) สกุลนั้นก็จะแข็งค่าขึ้น

ผมจับตามองปัจจัยเรื่องค่าเงินหยวนมากเป็นพิเศษ เพราะเชื่อว่า ถ้าค่าเงินหยวนแข็งขึ้นได้บ้าง ค่าเงินในภูมิภาค โดยเฉพาะค่าเงินบาท ก็มีแนวโน้มจะแข็งตัวตามได้ (ไม่เช่นนั้น หากหยวนยืนในระดับนี้ บาทจะแข็งไม่ได้ เพราะจะทำให้ส่งออกแข่งขันกับจีนไม่ได้)

ถ้าบาทแข็งค่าได้ จะนำให้มีเงินลงทุนไหลเข้าประเทศได้ดีขึ้น เพราะนักลงทุนในตลาดทุนโลก จะมองการลงทุนทั้ง 2 ส่วนพร้อมกัน คือศักยภาพของหุ้น และศักยภาพของค่าเงิน ขณะนี้ หุ้นไทยมีราคาถูกอยู่แล้ว คือมีพีอีเรโชประมาณ 9 เท่า (ส่วนกลับพีอีเรโช คือ กำไร (Earning) ต่อ ราคาหุ้น (Price) จะคิดเป็นผลตอบแทนได้ 1/9 = 11% ซึ่งถือว่าถูกและให้ผลตอบแทนดี ในขณะที่ดอกเบี้ย ยังอยู่เพียง 1-2% เท่านั้น) ถ้าปัจจัยเรื่องค่าเงินมีทิศทางที่แข็งขึ้นได้ตามหยวน ตลาดหุ้นจะน่าสนใจมากขึ้น

ผมเองอยากมีโอกาสแลกเปลี่ยนความเข้าใจ และมุมมองของผม เรื่องค่าเงิน หรืออัตราแลกเปลี่ยน กับท่านผู้อ่าน ดังนี้
1.การปรับค่าเงินให้อ่อนลง หรือแข็งขึ้น มีความหมายอย่างไร ? ผมมองเป็นเรื่องการตั้งราคาสินค้าในประเทศ รวมถึงการ
ตั้งค่าแรง ในปี 1997 ที่ประเทศไทยต้องปรับค่าเงินอ่อนตัว ขอใช้ตัวเลขกลม ๆ จากประมาณ 25 บาท/ดอลลาร์ เป็น 40 บาท/ดอลลาร์ ทำให้คนที่มีรายได้จากปีละ 1 ล้านบาท จะมีค่าแรงลดลงจาก 40,000 เหรียญ/ปี เป็น 25,000 เหรียญ/ปี การซื้อของนำเข้า ต้องแพงขึ้น เช่นที่ราคาน้ำมันเป็นบาทที่แพงมากตอนนี้ เพราะส่วนหนึ่ง มาจากค่าเงินที่อ่อนตัวลง เฉพาะจาก 25 เป็น 40 ก็เท่ากับแพงขึ้นเนื่องจากเรื่องค่าเงินถึง 60%

2.วิกฤตค่าเงินหยวน จะทำให้จีนลำบากเหมือนสมัยประเทศกลุ่มอาเซียนช่วงปี 1997 หรือไม่ ? ไม่ครับ ตอนนั้น ค่าเงิน
ในภูมิภาคแข็งเกินจริง ทำให้แข่งขันยาก โดยเฉพาะกับจีนนี่แหละ ผู้คนก็คิดว่า ฐานะดี ซื้อของนำเข้าอย่างฟุ่มเฟือย จนประเทศขาดดุลการค้า และดุลบัญชีเดินสะพัด อย่างต่อเนื่อง

นอกจากนั้น ยังกู้เงินต่างประเทศมาก เมื่อค่าเงินอ่อน กิจการต้องหาเงินเป็นบาทมาคืนเงินกู้ต่างประเทศเพิ่มขึ้นถึง 60-100% ทำให้ล้มต่อ ๆ กันเป็นโดมิโน ตอนนี้ จีนเกินดุลการค้ากับทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง แรงกดดันตามธรรมชาติ คือเงินทั่วโลกอยากซื้อเงินหยวนมาก เพื่อซื้อสินค้าจีน จนน่าจะทำให้หยวนแข็งขึ้น หากปรับแล้ว ธุรกิจจีนที่เคยพึ่งเงินกู้ต่างชาติจะหาเงินหยวนไปคืนน้อยลง จึงน่าจะทำให้กิจการแข็งแรงขึ้นอีกด้วย

3.จีนเขาได้เปรียบจนน่ากลัวขนาดนี้ คนไทยเรา ต้องมีชะตาชีวิตขึ้นกับทิศทางนโยบายของจีนหรือ ? คนไทยจะทำอย่างไร
ดี ? ผมเชื่อว่า สิ่งที่เราต้องเตรียมตัวให้มากที่สุดคือ “ทัศนคติในชีวิต” ของเรา เริ่มจากความรู้สึกดี ที่เราเป็นเรา และพร้อม “ร่วมแรงร่วมใจ” กันแก้ไขปัญหา

ช่วงกว่า 10-20 ปีที่ผ่านมา ไทยเราพัฒนาก้าวหน้ามามากกว่าจีน เราเคยเป็นแรงงานที่มีคุณภาพดีกว่า ทำงานมีประสิทธิภาพ และประสิทธิผลสูงกว่า แต่เดิม จีนก็ลำบาก ปกครองอย่างเศรษฐกิจรวมศูนย์แบบคอมมิวนิสต์ คนทำงานก็เอาผลงานมาแบ่งกันโดยรัฐ คนขี้เกียจมากมาย เพราะคิดว่าอย่างไร รัฐก็ดูแลให้เกิดความเท่าเทียมกัน ต่อมา จีนก็เร่งพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง ยอมรับความสำคัญของเงินลงทุน และเสรีภาพของประชาชน ในการทำงาน ตลอดจนการตอบแทนแรงงานอย่างเสรี ตามแรงงานที่ทำ ไม่คิดแต่จะพึ่งภาครัฐแต่อย่างเดียวอีกต่อไป...

ฉบับหน้า ผมจะมาต่อความเห็นของผม ว่าจีนได้อดทนผ่านความลำบากมาอย่างไร และไทยเรา จะสู้หรือไม่
กำลังโหลดความคิดเห็น