xs
xsm
sm
md
lg

ด้วยแรงแห่งรัก ในวันเกิด 14/4/41 (3)

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

มนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (montree4life@yahoo.com )

ผมขอเขียนต่อตอนสุดท้าย เรื่องงานเปิดตัววีซีดีภาพยนตร์ดีๆ มีบทเรียนชุดที่ 3 เรื่อง “ด้วยแรงแห่งรัก” ดังนี้ครับ

ผมได้มีโอกาสพูดถึงปัญหาของคนทั่วไป ที่ในหลายครั้ง ที่ความคิดต่างกันนั้น มักจะคิดว่า ตัวเองถูก คนอื่นผิด ทำให้ต้องคอยคิดจับผิดกัน เพื่อลดเครดิตคนอื่น และหวังเครดิตของตนเอง ผมได้อ้างหลักการตามพระคัมภีร์ที่ว่า “เหตุไฉน ท่านมองดูผงที่ในตาพี่น้องของท่าน แต่ไม้ทั้งท่อนที่อยู่ในตาของท่าน ท่านก็ไม่รู้สึก”

จงชักไม้ทั้งท่อนออกจากตาของท่านก่อน แล้วท่านจะเห็นได้ถนัด จึงจะเขี่ยผงออกจากตาพี่น้องของท่านได้ โดยผมไม่อยากให้ผู้ที่ได้รับฟังหลักการนี้ แล้วเพียงเห็นว่าถูกต้องอย่างยิ่งสำหรับคนอื่น ยังหวังให้คนอื่นปรับตัว แต่ไม่คิดปรับตัวเราเลย ก็จะไม่ถูกต้องกับหลักการนี้

แล้วผมก็ชี้ว่า บางคนก็รู้สึกว่า ดึงแต่ไม้ที่อยู่ในตาเรา กับคนที่เรารู้สึกรัก ก็ยังพอไหว แต่กับคนที่เรายังไม่รู้สึกรัก เราจะทำได้อย่างไร

Steven Covey ผู้เขียนหนังสือ 7 Habits of Highly Effective People บอกว่า “Love is a verb. Love the feeling is the fruit of Love the verb.”

ผมรู้สึกลึกซึ้งมาก ว่าเราอย่าเพียงรักคนตามที่รู้สึกรัก เรารักคนได้มากกว่านั้น การเรียนรู้ที่จะ “รักคนทั้งที่ยังไม่รู้สึกรัก” “รักคนทั้งที่ยังไม่น่ารัก” เป็นรากฐานสำคัญ ที่จะสร้างความรัก ความสามัคคี ในทุกสังคม องค์กร หรือครอบครัว

ทำให้ความรักไม่จืดจางลง เป็นการเสริมสร้างความรักอย่างสร้างสรรค์ แต่ไม่ใช่เรื่องง่าย วิธีหนึ่งทำให้ทำได้ คือการนึกถึงความรักที่พระเจ้าทรงสละชีวิตเพื่อเรา ตั้งแต่เรายังไม่รู้จักพระองค์ หรือทั้งที่เรารู้ และเรายังไม่ยอมรับพระองค์ พระองค์ก็ยังทรงรักเรา จนได้เสียสละชีวิตพระองค์ขนาดนั้นเพื่อเรา

แล้วผมก็ได้ให้กำลังใจทุกท่าน ที่อาจจะนึกถึงคนที่เราเคยรัก และอาจมีปัญหากันอยู่ ให้รักเขา ทั้งที่ยังไม่รู้สึกรักนัก ให้เริ่มต้นด้วยการมองเขาในแง่ดี เชื่อในส่วนดีของเขาอยู่เสมอ ให้อภัยเขา และพร้อมที่จะขออภัยจากเขา

ผมได้นำเสนอตัวอย่างภาพยนตร์อีกเรื่อง คือเรื่อง Jerry Mcguire ซึ่งเป็นชีวิตผู้จัดการนักกีฬา เจอรี่ตั้งบริษัทนายหน้านักกีฬาเล็กๆ ของเขา และทำงานกับโดโรธี ภรรยาเขา เขาทำงานหนัก จนออกจะห่างจากภรรยา บางครั้ง เขายังไม่พร้อมกับชีวิตครอบ ราวกับว่าเขายังติดกับชีวิตหนุ่มโสดเพลย์บอย

แต่เมื่องานของเขาสำเร็จ เขาสามารถช่วยปรับทัศนคติการทำงานของร็อด ลูกค้าของเขา จนประสบความสำเร็จอย่างสูง เขาเห็นร็อด แสดงความดีใจกับภรรยาทางโทรศัพท์ แล้วอดคิดไม่ได้ ว่าความสำเร็จครั้งนี้ ช่างห่างไกลจากความสมบูรณ์เสียจริง

เพราะเขาไม่สามารถแบ่งปันความรู้สึกดีใจกับภรรยาของเขาได้ เขาจึงกลับมาขออภัยภรรยา อยากให้กลับมาดีกันเหมือนเดิม พูดจายาวเหยียด เพื่อขอให้โดโรธี ภรรยา คืนดีกับเขา ภรรยาต้องพูดแทรกว่า “พอได้แล้ว คุณได้ใจฉันตั้งแต่คำว่าฮัลโล แล้ว”

ผมรู้สึกซึ้งจริงๆ หลายครั้งเราไม่กล้าขออภัย เพราะเรากลัวการไม่ให้อภัย แต่ผมเชื่อว่า ความรักยิ่งใหญ่ ความรักชนะทุกสิ่ง การกล้าบอกว่า “ผมรักคุณ”หรือ “ขออภัย” ด้วยใจรัก และอดทนเพียงพอ จะนำไปสู่การคืนดีได้ และจริงๆ แล้ว คนที่เราอยากขออภัย อาจรอที่จะคืนดีกันอยู่แล้วก็ได้

หลายครั้ง ความรักต้องอาศัยความอดทน ความรักแท้ พร้อมที่จะให้ รวมถึงให้อภัย หลายครั้ง เราต้องเติมความรัก เติมแรงใจที่จะยังรักษาความรัก ผมเคยบอกบางคนว่า “ความรักคือการให้ บางครั้ง มันเหมือนการลงทุน เราอาจต้องเรียนรู้การลงทุนรัก” (ในฐานะที่อยู่ในแวดวงการลงทุน ขอพูดถึงการลงทุนความรัก)

ซึ่งไม่ใช่เป็นการลงทุนเพื่อหวังอะไรตอบแทน (เพราะนั่นจะไม่ใช่การลงทุนความรัก) แต่ลงทุนความรัก เพื่อ “ให้” ความรัก จากประสบการณ์ผม ความรัก ที่นอกเหนือจากแบบหวังประโยชน์ตอบแทน เป็นความรักที่มีความหมายสูง และนำไปสู่ความสุขแท้ในชีวิต ซึ่งความรักและความสุขในครอบครัว และในองค์กร เป็นผลตอบแทนการลงทุนที่คุ้มค่าเสมอ เพราะจะทำให้ครอบครัวอบอุ่น และองค์กรมีพลังครับ
กำลังโหลดความคิดเห็น