xs
xsm
sm
md
lg

ด้วยแรงแห่งรัก ในวันเกิด 14/4/41 (2)

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

โดย มนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (montree4life@yahoo.com)

ผมขอเขียนต่อเรื่องงานเปิดตัววีซีดีภาพยนตร์ดีๆ มีบทเรียนชุดที่ 3 เรื่อง “ด้วยแรงแห่งรัก” ในโอกาสวันเกิด 14/4/41 คือวันที่ 14 เมษายน เมื่ออายุ 41 ปี ดังนี้ครับ

หลังจากที่ผมได้มีโอกาสระลึกถึงความดี และแสดงความรักต่อพระเจ้า และคุณแม่ ผมก็มีโอกาสนึกถึงความดีงาม และแสดงความรักกับภรรยาผมบนเวที

•ผมนึกถึงเพลง 16 ปีแห่งความหลัง และผมมีความเชื่อ ว่าความรักที่ถูกต้อง และหวานซึ้ง พึงรักกัน
อย่างที่พระเจ้ารักเรา ในขณะที่เราเป็นคนบาป มีความโลภ ความอิจฉา เห็นแก่ตัว พระองค์ยังทรงรักเรา ถึงขั้นสละชีวิตเพื่อเรา หัวใจสำคัญของความรักเช่นนั้น คือการมองกันในแง่ดี เชื่อในส่วนดีของกันเสมอ มีความหวังอยู่เสมอ และทนต่อทุกอย่าง แล้วจะทำให้ความรักมีแต่ความหวานชื่น ผมได้แต่งกลอนให้ภรรยาเล็กน้อยว่า

เปี๊ยะกับปุ้ย ร่วมกิจกรรม ที่จุฬาปุ้ยจัดหา เปี๊ยะนายก สโมสร
เปี๊ยะช่วยปุ้ย ปุ้ยช่วยเปี๊ยะ ทุกขั้นตอนเป็นพระพร เพาะเป็นรัก เริ่มเป็นแฟนกัน
แล้วความรัก ก็ผูกพัน เราทั้งสองใจปรองดอง รักลึกซึ้ง จึงเริ่มใฝ่ฝัน
แม้ไม่มีรถ ก็ซ้อนมอเตอร์ไซค์ ไปไหนไปกันผูกพันรักมั่น มอบใจให้กัน ฉันวิวาห์เธอ
นับสิบหกปี แห่งความหลัง ยังแสนเป็นสุขเพราะเมื่อมีทุกข์ ก็ได้แรงใจ เธอให้อยู่เสมอ
เธอรักดูแล ลูกๆอย่างดี สามีไม่ต้องละเมอมีสุขหวานชื่นทุกครั้งที่เจอ อยู่เสมอตลอดมา
ขอองค์พระเจ้า เป็นศูนย์กลาง แห่งความรักจะเบาจะหนัก ให้เราเคียงคู่ สู้ทุกปัญหา
ขอเติมความรัก ทุกวันต่อไป ในทุกเวลาให้รักนำหน้า เป็นคู่ชีวิต ถึงนิจนิรันดร์

ทุกๆ ชีวิตคู่ ย่อมมีช่วงที่ถูกใจ และช่วงที่ขัดใจ ราวลิ้นกับฟัน แต่หากเราเรียนรู้ที่จะซาบซึ้งใจในส่วนดีของกันและกัน ไม่ช่างจดจำความผิด แม้มีส่วนควรปรับปรุง ก็แนะนำกันด้วยความรักและความจริงใจ ชีวิตคู่ก็มีแต่รักกันหวานชื่นขึ้นตลอดเวลา

ในองค์กรที่เชื่อในส่วนดีของกันและกันเสมอ มีความรักและมิตรภาพต่อกัน ทำให้องค์กรมีพลัง การยึดความรักเป็นศูนย์กลางในองค์กร ไม่ใช่ไม่มีความเห็นต่างกัน หรือบทบาทหน้าที่มุมมองที่ต่างกัน เพราะมันต้องต่างกันโดยธรรมชาติอยู่แล้ว

แต่ด้วยรัก การประสานความแตกต่างดังกล่าว จะเป็นไปด้วยท่าทีที่จริงใจ เชื่อใจกัน เป็นมิตรต่อกัน กล้าแสดงความแตกต่างทางความคิด และยอมรับความคิดที่แตกต่าง เพราะทุกคนทำด้วยใจรักกัน ไม่คิดข่มกัน หรือเอาชนะกัน ไม่ใช่เป็นการเห็นแก่ตัว แต่เห็นแก่ความสำเร็จของทีมงานและองค์กร

4.หลังจากภาพยนตร์เรื่อง Toy Story ซึ่งชี้ให้เห็นว่า ช่วงที่วู้ดดี้กับบัซไลท์เยียร์อิจฉากัน ต่างคนต่างอวดตัว ข่มกัน คิดเห็นแก่ตนเองฝ่ายเดียว แม้ไม่ควรต้องมีปัญหา ก็กลายเป็นปัญหาใหญ่ แต่เมื่อรัก วางใจกัน สามัคคีกัน มีปัญหาใหญ่เท่าใดก็แก้ปัญหาได้ แม้แต่ละคน อาจยังทำหน้าที่ไม่ได้ดีสมบูรณ์ ใจที่ให้อภัยกัน ห่วงใยกัน และมุ่งความสำเร็จร่วมกัน ก็ทำให้ช่วยเหลือกัน แก้ปัญหาให้กันและกัน และนำไปสู่ความสำเร็จร่วมกันในที่สุด

ผมได้มีโอกาสพูดถึงปัญหาของคนทั่วไป ในองค์กรที่ขาดความรักเป็นศูนย์กลาง มักทำงานบนความคิดว่าตัวเองถูก คนอื่นผิด ทำให้ต้องคอยคิดจับผิดกัน เพื่อลดเครดิตคนอื่น และหวังเครดิตของคนเอง มีหลักการตามพระคัมภีร์ที่ว่า “เหตุไฉนท่านมองดูผงที่ในตาพี่น้องของท่าน แต่ไม้ทั้งท่อน ที่อยู่ในตาของท่าน ท่านก็ไม่รู้สึก” จงชักไม้ทั้งท่อนออกจากตาของท่านก่อน แล้วท่านจะเห็นได้ถนัด จึงจะเขี่ยผงออกจากตาพี่น้องของท่านได้ เราปรับปรุงคนอื่นได้บ้าง แต่ไม่ง่าย คนที่เราปรับปรุงแก้ไขได้เสมอ คือตัวเราเอง หลายครั้งที่ขัดแย้งกัน เพราะเรามองแต่ปัญหาของคนอื่น แต่ไม่เห็นปัญหาของตัวเอง”

พูดถึงตรงนี้ หลายคนอาจจะว่า “จริง เขาน่าจะเรียนรู้ตรงนี้นะ” ผมก็ขอถามว่า ถ้าเราคิดว่า “เขาน่าจะฟังตรงนี้” เรากำลังเอาท่อนไม้จากตาเรา หรือตาเขาครับ ??? (ฉบับหน้าตอนจบ)
กำลังโหลดความคิดเห็น