นิวยอร์ก-โคตี้ อิงค์ (Coty Inc.) แถลงวันนี้ว่าบริษัทบรรลุข้อตกลงขั้นสุดท้าย ซื้อธุรกิจน้ำหอมแบรนด์หรูระดับโลกของยูนิลีเวอร์ (Unilever) (NYSE: UN, UL) ราคา 800 ล้านเิลลารื
ยูนิลีเวอร์ คอสเมติคส์ อินเตอร์เนชั่นแนล (Unilever Cosmetics International: UCI) เป็นเจ้าของใบอนุญาตน้ำหอมแบรนด์ Calvin Klein, Cerruti, Vera Wang, Chloe และ Lagerfeld เมื่อเสร็จสิ้นการซื้อขายดังกล่าว โคตี้จะกลายเป็น 1 ในบริษัทน้ำหอมชั้นนำของโลก
“การซื้อกิจการในวันนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญอีกก้าวหนึ่ง สำหรับการเปลี่ยนแปลงของโคตี้ ซึ่งเริ่มต้นขึ้นเมื่อปี 2544” เบิร์นด บีตซ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โคตี้ อิงค์ กล่าว “ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ความสำเร็จของโคตี้กับธุรกิจน้ำหอมแฟชั่น น้ำหอมคนดัง และน้ำหอมตามรูปแบบการดำเนินชีวิต ทำให้เราเติบโตขึ้น ขณะที่อุตสาหกรรมส่วนใหญ่ของเราคงที่ หรือตกต่ำ ตอนนี้ เรากำลังเข้าสู่ระยะต่อไป ซึ่งเราจะขยายบทบาทครั้งใหญ่ สำหรับแบรนด์หรู และแบรนด์หรูพิเศษทั่วโลก”
บีตซ์กล่าวต่อไปว่า นอกจากทำให้โคตี้เป็นผู้นำอุตสาหกรรมที่แยกเป็นหลายส่วนนี้ “การซื้อกิจการ ยังจะช่วยให้เราเข้าใกล้เป้าหมายระยะยาวของเรา ในการเป็น 1 ใน 5 บริษัทด้านความงามชั้นนำของโลก”
นอกจากใบอนุญาตน้ำหอม โคตี้จะซื้อศูนย์ผลิตและจำหน่ายในเมาท์โอลีฟ นิวเจอร์ซีย์ และศูนย์จำหน่ายในเมืองลีล ฝรั่งเศส ส่วนหนึ่งของข้อตกลง ยังระบุว่า โคตี้อาจผ่อนชำระเงินเป็นงวดๆให้ยูนิลีเวอร์ ขึ้นกับยอดขายอนาคต
ธุรกิจน้ำหอมใหม่จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของแลงคาสเตอร์ กรุ๊ป เวิลด์ไวด์ (Lancaster Group Worldwide) แผนกธุรกิจสำหรับแบรนด์ระดับบนของโคตี้ ซึ่งนำโดยมิเชล สแกนนาวินี่ ประธาน แลงคาสเตอร์ กรุ๊ป เวิลด์ไวด์ การซื้อกิจการครั้งนี้ เป็นการรุกกลยุทธ์แลงแคสเตอร์ กรุ๊ป เพิ่มยอดขายในสหรัฐ ขณะเดียวกันก ทำให้โคตี้ได้รับการยอมรับในยุโรปยิ่งขึ้นอีก และสร้างความแข็งแกร่งมั่นคงในเอเชีย
นอกจากเป็นที่ยอมรับในตลาดระดับบน โคตี้ยังเป็นบริษัทชั้นนำสำหรับตลาดน้ำหอมที่เจาะตลาดกลุ่มใหญ่ อาทิ adidas แบรนด์ระดับกลาง (masstige brands) อย่าง Celine Dion บริษัทมีอัตราความสำเร็จน่าอิจฉาในการแนะนำน้ำหอมใหม่ๆ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา
บีตส์กล่าวว่า “การได้แบรนด์อันโด่งดังของ UCI เข้ามาเสริม จะทำให้ตระกูลโคตี้มีน้ำหอมที่ติดอันดับขายดีอย่างแท้จริง เป้าหมายของเรา คือการเพิ่มอำนาจให้สูตรสำเร็จของเรา เพื่อทำให้แบรนด์เหล่านี้ มีความน่าดึงดูดยิ่งขึ้นระดับโลก”
โคตี้คาดจะเสร็จสิ้นการซื้อ UCI ภายในไม่กี่เดือนข้างหน้า อยู่ระหว่างรออนุมัติจากคณะกรรมการควบคุมกฎระเบียบ และระเบียบการพิจารณาตามปกติ
โคตี้ อิงค์ เป็น 1 ในบริษัททำธุรกิจความงามรายใหญ่ที่สุด และประสบความสำเร็จที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ยอดขาย 2 พันล้านดอลลาร์ปี 2547 ดำเนินงานมากกว่า 25 ประเทศ โคตี้ อิงค์ ยังเพิ่มผลงานระดับโลก ด้วยการขยายธุรกิจหลักๆ เป็น 3 ประเภท ได้แก่ น้ำหอม เครื่องสำอางหลากสีสัน และผลิตภัณฑ์ประทินผิว ทั้งตลาดระดับบน (prestige) กลาง (masstige) และล่าง (mass)
โคตี้ บิวตี้ (Coty Beauty) แผนกธุรกิจเจาะกลุ่มตลาดระดับกลางและล่างของโคตี้ อิงค์ เป็นผู้ทำตลาดหลายแบรนด์ ได้แก่ adidas, the healing garden, Rimmel, Calgon, Celine Dion, Stetson, Jovan, Aspen, Isabella Rossellini, Astor, Esprit, mary-kateandashley, Miss Sixty, Shania Twain และ David and Victoria Beckham ส่วน แลงคาสเตอร์ กรุ๊ป ซึ่งเป็นแผนกธุรกิจสำหรับตลาดระดับบนของโคตี้ อิงค์ มีแบรนด์ภายใต้สังกัดอย่าง Davidoff, Jennifer Lopez, Lancaster, Jil Sander, JOOP!, Nikos, Chopard, Vivienne Westwood, Marc Jacobs, Kenneth Cole, Baby Phat, Sarah Jessica Parker, Nautica และ Jette Joop
ยูนิลีเวอร์ คอสเมติคส์ อินเตอร์เนชั่นแนล (Unilever Cosmetics International: UCI) เป็นเจ้าของใบอนุญาตน้ำหอมแบรนด์ Calvin Klein, Cerruti, Vera Wang, Chloe และ Lagerfeld เมื่อเสร็จสิ้นการซื้อขายดังกล่าว โคตี้จะกลายเป็น 1 ในบริษัทน้ำหอมชั้นนำของโลก
“การซื้อกิจการในวันนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญอีกก้าวหนึ่ง สำหรับการเปลี่ยนแปลงของโคตี้ ซึ่งเริ่มต้นขึ้นเมื่อปี 2544” เบิร์นด บีตซ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โคตี้ อิงค์ กล่าว “ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ความสำเร็จของโคตี้กับธุรกิจน้ำหอมแฟชั่น น้ำหอมคนดัง และน้ำหอมตามรูปแบบการดำเนินชีวิต ทำให้เราเติบโตขึ้น ขณะที่อุตสาหกรรมส่วนใหญ่ของเราคงที่ หรือตกต่ำ ตอนนี้ เรากำลังเข้าสู่ระยะต่อไป ซึ่งเราจะขยายบทบาทครั้งใหญ่ สำหรับแบรนด์หรู และแบรนด์หรูพิเศษทั่วโลก”
บีตซ์กล่าวต่อไปว่า นอกจากทำให้โคตี้เป็นผู้นำอุตสาหกรรมที่แยกเป็นหลายส่วนนี้ “การซื้อกิจการ ยังจะช่วยให้เราเข้าใกล้เป้าหมายระยะยาวของเรา ในการเป็น 1 ใน 5 บริษัทด้านความงามชั้นนำของโลก”
นอกจากใบอนุญาตน้ำหอม โคตี้จะซื้อศูนย์ผลิตและจำหน่ายในเมาท์โอลีฟ นิวเจอร์ซีย์ และศูนย์จำหน่ายในเมืองลีล ฝรั่งเศส ส่วนหนึ่งของข้อตกลง ยังระบุว่า โคตี้อาจผ่อนชำระเงินเป็นงวดๆให้ยูนิลีเวอร์ ขึ้นกับยอดขายอนาคต
ธุรกิจน้ำหอมใหม่จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของแลงคาสเตอร์ กรุ๊ป เวิลด์ไวด์ (Lancaster Group Worldwide) แผนกธุรกิจสำหรับแบรนด์ระดับบนของโคตี้ ซึ่งนำโดยมิเชล สแกนนาวินี่ ประธาน แลงคาสเตอร์ กรุ๊ป เวิลด์ไวด์ การซื้อกิจการครั้งนี้ เป็นการรุกกลยุทธ์แลงแคสเตอร์ กรุ๊ป เพิ่มยอดขายในสหรัฐ ขณะเดียวกันก ทำให้โคตี้ได้รับการยอมรับในยุโรปยิ่งขึ้นอีก และสร้างความแข็งแกร่งมั่นคงในเอเชีย
นอกจากเป็นที่ยอมรับในตลาดระดับบน โคตี้ยังเป็นบริษัทชั้นนำสำหรับตลาดน้ำหอมที่เจาะตลาดกลุ่มใหญ่ อาทิ adidas แบรนด์ระดับกลาง (masstige brands) อย่าง Celine Dion บริษัทมีอัตราความสำเร็จน่าอิจฉาในการแนะนำน้ำหอมใหม่ๆ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา
บีตส์กล่าวว่า “การได้แบรนด์อันโด่งดังของ UCI เข้ามาเสริม จะทำให้ตระกูลโคตี้มีน้ำหอมที่ติดอันดับขายดีอย่างแท้จริง เป้าหมายของเรา คือการเพิ่มอำนาจให้สูตรสำเร็จของเรา เพื่อทำให้แบรนด์เหล่านี้ มีความน่าดึงดูดยิ่งขึ้นระดับโลก”
โคตี้คาดจะเสร็จสิ้นการซื้อ UCI ภายในไม่กี่เดือนข้างหน้า อยู่ระหว่างรออนุมัติจากคณะกรรมการควบคุมกฎระเบียบ และระเบียบการพิจารณาตามปกติ
โคตี้ อิงค์ เป็น 1 ในบริษัททำธุรกิจความงามรายใหญ่ที่สุด และประสบความสำเร็จที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ยอดขาย 2 พันล้านดอลลาร์ปี 2547 ดำเนินงานมากกว่า 25 ประเทศ โคตี้ อิงค์ ยังเพิ่มผลงานระดับโลก ด้วยการขยายธุรกิจหลักๆ เป็น 3 ประเภท ได้แก่ น้ำหอม เครื่องสำอางหลากสีสัน และผลิตภัณฑ์ประทินผิว ทั้งตลาดระดับบน (prestige) กลาง (masstige) และล่าง (mass)
โคตี้ บิวตี้ (Coty Beauty) แผนกธุรกิจเจาะกลุ่มตลาดระดับกลางและล่างของโคตี้ อิงค์ เป็นผู้ทำตลาดหลายแบรนด์ ได้แก่ adidas, the healing garden, Rimmel, Calgon, Celine Dion, Stetson, Jovan, Aspen, Isabella Rossellini, Astor, Esprit, mary-kateandashley, Miss Sixty, Shania Twain และ David and Victoria Beckham ส่วน แลงคาสเตอร์ กรุ๊ป ซึ่งเป็นแผนกธุรกิจสำหรับตลาดระดับบนของโคตี้ อิงค์ มีแบรนด์ภายใต้สังกัดอย่าง Davidoff, Jennifer Lopez, Lancaster, Jil Sander, JOOP!, Nikos, Chopard, Vivienne Westwood, Marc Jacobs, Kenneth Cole, Baby Phat, Sarah Jessica Parker, Nautica และ Jette Joop