ขุนคลัง-รองนายกฯ “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” ประกาศจัดงานไทยแลนด์ โฟกัส 27 มิ.ย. นี้ หวังสร้างความเชื่อมั่น-ดูดเงินต่างชาติเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยเพิ่ม ชี้ บจ.ไทยกำไรไตรมาส 1/48 โตกว่า 27% ถือว่าดีกว่าเพื่อนบ้าน ยืนยันงบเมกะโปรเจกต์ 1.7 ล้านล้านบาท ไม่กระทบตัวเลขเศรษฐกิจไทย ย้ำแหล่งเงินเมกะโปรเจกท์ คำนวณรอบคอบแล้ว ย้ำรยะยะยาว ยังพึ่งการเติบโตจากในประเทศเป็นหลัก แม้ระยะสั้น ยังต้องพึ่งการส่งออกก็ตาม ยืนยันติดตามดูออฟชอร์บาทใกล้ชิด
ดร. สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวเปิดงาน Money Expo 2005 ว่าเขามอบหมายให้นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ดำเนินการจัดงานไทยแลนด์ โฟกัสวันที่ 27 มิ.ย. นี้ เพื่อให้นักลงทุนต่างชาติได้เข้ามาเห็นประเทศไทยด้วยตาตัวเอง ว่ายังมีความน่าสนใจ และน่าลงทุน
โดยผลการดำเนินงานบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ไตรมาส 1/48 เติบโตกว่า 27% จากช่วงเดียวกันปีที่แล้ว ถือว่าอยู่ในระดับที่ดีกว่าประเทศเพื่อนบ้าน
เขายืนยันว่าเศรษฐกิจไทย ยังมีอัตราเติบโตที่ดีได้ระยะยาว ซึ่งตัวเลขเศรษฐกิจ ไม่ควรมานั่งมองเป็นรายวัน รัฐบาลพยายามที่จะสร้างความแข็งแกร่งให้เศรษฐกิจไทย แม้ว่าจะส่งเสริมการส่งออก แต่ถือเป็นมาตรการระยะสั้น เพื่อดึงเงินเข้าประเทศเท่านั้น ระยะยาว รัฐบาลยังเน้นการเติบโตด้วยการพึ่งพาเศรษฐกิจภายในประเทศเป็นหลัก
"เราต้องเปลี่ยนทัศนคติ มาเป็นการยืนด้วยลำแข้งของตัวเอง แต่ที่ตอนนี้รัฐบาลเน้นการส่งออก ก็เพื่อดึงเงินเข้ามาประเทศ มาจุนเจือในส่วนต่างๆ เรื่องการพึ่งพาเศรษฐกิจในประเทศ เราพูดและทำมาตลอด 4 ปีที่ผ่านมา แต่ยังทำต่อเนื่องในอีก 4 ปีข้างหน้า แต่คนไทยแปลก ตอนรัฐบาลพูดไม่เชื่อ ต้องให้ฝรั่งมาพูด" ดร.สมคิดกล่าว
ส่วนการสรุปวงเงินก่อสร้างโครงการเมกะโปรเจกต์ (Mega Projects) 1.7 ล้านล้านบาท ดร.สมคิดกล่าวว่า ขอให้มั่นใจว่า จะไม่กระทบตัวเลขเศรษฐกิจไทย เนื่องจากมีการคิดคำนวณอย่างรอบคอบแล้ว ในเรื่องเงินที่จะนำมาลงทุน ไม่ว่าจะเป็นการกู้เงิน หรือออกตราสารหนี้ ดังนั้น แม้ว่าจะสร้างระบบรถไฟฟ้าพร้อมกันทั้ง 7 สาย ก็ไม่มีปัญหา
ดร.สมคิดยังกล่าวว่าการจัดงาน Money Expo 2005 ครั้งนี้ รัฐบาลต้องขอชื่นชมภาคเอกชน ที่กล้าจัดงานใหญ่ สวนกระแสความคิดของคน ที่มองว่าเศรษฐกิจไทยเป็นขาลง หากทุกภาคเอกชนทำได้อย่างนี้ จะเกิดประโยชน์ต่อระบบเศรษฐกิจไทย และสร้างความมั่นใจได้มากขึ้น
ดร.สมคิดกล่าวถึงการเก็งกำไรค่าเงินบาทขณะนี้ ว่าจะติดตามใกล้ชิด รัฐบาลมีนโยบายชัดเจน ไม่ต้องการเงินทุนที่เป็นเงินร้อนต่างประเทศ จะเน้นเฉพาะเงินที่ลงทุนภาคเศรษฐกิจจริงเป็นหลัก ส่วนความกังวลเงินไหลออก ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)-คลังติดตามใกล้ชิด โดยเฉพาะเงินบาทในบัญชีผู้มีถิ่นฐานนอกประเทศ (Offshore Baht Accounts)
คลังข้อมูลข่าวผู้จัดการ:
สมคิด จาตุศรีพิทักษ์
ดร. สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวเปิดงาน Money Expo 2005 ว่าเขามอบหมายให้นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ดำเนินการจัดงานไทยแลนด์ โฟกัสวันที่ 27 มิ.ย. นี้ เพื่อให้นักลงทุนต่างชาติได้เข้ามาเห็นประเทศไทยด้วยตาตัวเอง ว่ายังมีความน่าสนใจ และน่าลงทุน
โดยผลการดำเนินงานบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ไตรมาส 1/48 เติบโตกว่า 27% จากช่วงเดียวกันปีที่แล้ว ถือว่าอยู่ในระดับที่ดีกว่าประเทศเพื่อนบ้าน
เขายืนยันว่าเศรษฐกิจไทย ยังมีอัตราเติบโตที่ดีได้ระยะยาว ซึ่งตัวเลขเศรษฐกิจ ไม่ควรมานั่งมองเป็นรายวัน รัฐบาลพยายามที่จะสร้างความแข็งแกร่งให้เศรษฐกิจไทย แม้ว่าจะส่งเสริมการส่งออก แต่ถือเป็นมาตรการระยะสั้น เพื่อดึงเงินเข้าประเทศเท่านั้น ระยะยาว รัฐบาลยังเน้นการเติบโตด้วยการพึ่งพาเศรษฐกิจภายในประเทศเป็นหลัก
"เราต้องเปลี่ยนทัศนคติ มาเป็นการยืนด้วยลำแข้งของตัวเอง แต่ที่ตอนนี้รัฐบาลเน้นการส่งออก ก็เพื่อดึงเงินเข้ามาประเทศ มาจุนเจือในส่วนต่างๆ เรื่องการพึ่งพาเศรษฐกิจในประเทศ เราพูดและทำมาตลอด 4 ปีที่ผ่านมา แต่ยังทำต่อเนื่องในอีก 4 ปีข้างหน้า แต่คนไทยแปลก ตอนรัฐบาลพูดไม่เชื่อ ต้องให้ฝรั่งมาพูด" ดร.สมคิดกล่าว
ส่วนการสรุปวงเงินก่อสร้างโครงการเมกะโปรเจกต์ (Mega Projects) 1.7 ล้านล้านบาท ดร.สมคิดกล่าวว่า ขอให้มั่นใจว่า จะไม่กระทบตัวเลขเศรษฐกิจไทย เนื่องจากมีการคิดคำนวณอย่างรอบคอบแล้ว ในเรื่องเงินที่จะนำมาลงทุน ไม่ว่าจะเป็นการกู้เงิน หรือออกตราสารหนี้ ดังนั้น แม้ว่าจะสร้างระบบรถไฟฟ้าพร้อมกันทั้ง 7 สาย ก็ไม่มีปัญหา
ดร.สมคิดยังกล่าวว่าการจัดงาน Money Expo 2005 ครั้งนี้ รัฐบาลต้องขอชื่นชมภาคเอกชน ที่กล้าจัดงานใหญ่ สวนกระแสความคิดของคน ที่มองว่าเศรษฐกิจไทยเป็นขาลง หากทุกภาคเอกชนทำได้อย่างนี้ จะเกิดประโยชน์ต่อระบบเศรษฐกิจไทย และสร้างความมั่นใจได้มากขึ้น
ดร.สมคิดกล่าวถึงการเก็งกำไรค่าเงินบาทขณะนี้ ว่าจะติดตามใกล้ชิด รัฐบาลมีนโยบายชัดเจน ไม่ต้องการเงินทุนที่เป็นเงินร้อนต่างประเทศ จะเน้นเฉพาะเงินที่ลงทุนภาคเศรษฐกิจจริงเป็นหลัก ส่วนความกังวลเงินไหลออก ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)-คลังติดตามใกล้ชิด โดยเฉพาะเงินบาทในบัญชีผู้มีถิ่นฐานนอกประเทศ (Offshore Baht Accounts)
คลังข้อมูลข่าวผู้จัดการ:
สมคิด จาตุศรีพิทักษ์