xs
xsm
sm
md
lg

ด้วยแรงแห่งรัก ในวันเกิด 14/4/41 (1)

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

โดย มนตรี ศรไพศาล (montree4life@yahoo.com) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)

ผมได้จัดงานเปิดตัววีซีดีภาพยนตร์ดีๆ มีบทเรียน ชุดที่ 3 เรื่อง “ด้วยแรงแห่งรัก” ในโอกาสวันเกิด 14/4/41 คือวันที่ 14 เมษายน เมื่ออายุ 41 ปี (แม้หลายคนอาจรู้สึกว่าไม่น่าจะถึง) มีบรรยากาศแห่งความรักที่อบอุ่น ขอขอบคุณทุกท่านที่ได้ไปร่วมกันด้วย ผมได้โอกาสเสนอความคิดที่คาดหวังว่าจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ร่วมรับฟังเรื่องความรัก ดังนี้ครับ

1.ที่ใดมีรัก ที่นั่นความรักกันมีความสำคัญ มีคุณค่า และเป็นคุณเสมอ สิ่งที่พิสูจน์ง่ายๆ คือ “เวลาที่เรานึกรักใคร เราจะมี .. ความสุข” และ “เวลาที่เรานึกไม่รักใคร เราก็มักจะมี ..ความทุกข์”

2.แม้ทุกสิ่งจะเสื่อมสลาย ความรักไม่มีวันเสื่อมสลาย เพราะว่าความรักคือการให้ ความคิดที่จะรักใคร ไม่จำเป็นต้องเสื่อมถอย เรารักพ่อแม่ ก็รักได้ตลอดไป เรารักคู่ชีวิตของเรา ก็ไม่ต้องเสื่อมลง

สำหรับชีวิตคู่วัยชรา อะไรจะดีกว่า การที่คู่ชีวิต ได้มีโอกาสดูแลกัน ห่วงใยกัน รักกันได้เหมือนเดิม ในภาพยนตร์เรื่อง The Family Man เป้าหมายความฝันที่เคท ก็คือ “ฉันฝันว่าในยามแก่ เราจะได้ใช้ชีวิตในบ้านนี้ร่วมกัน รอหลานๆ มาเยี่ยม ฉันกับเธอ ผมหงอก หนังเหี่ยว แต่ยังรัก ดูแลกัน ฉันมีสุข จัดสวน เธอทาสีบ้าน...” เป็นภาพที่หวานชื่นใจจริงๆ ครับ

3.ความสุขในชีวิต คือการนึกถึงความดีของคนที่เรารัก และบอกเขาว่า “เรารัก...” ผมได้ขอสิทธิ์ที่จะนึกถึงความดี และบอกว่า ผมรักแต่ละบุคคลมาก ซึ่งผมก็คล้ายๆ กับฟลอเรสต์ กัมป์ ผมจึงกล่าวถึงบุคคล 3 บุคคล คือ พระเจ้า แม่ และภรรยา (ของผม ไม่ใช่ เจนนี่ ของฟอเรสต์) ถามว่า มีบางครั้งไหม เรารู้สึกไม่ได้ดั่งใจกับบุคคลเหล่านั้น ก็ตอบได้ว่า “มี” แต่ขอเพียงเรายึดมั่นในความรักที่เรามี เชื่อในส่วนดีของเขาเสมอ เราก็มีแต่ความรักที่หวานชื่นขึ้นเรื่อยๆ

•ผมได้ขอบคุณพระเจ้า ที่ประทานทุกสิ่งแสนดีในชีวิต แม้ครอบครัวตอนเด็กๆ ก็แทบจะถือว่ายากจน ไม่ใช่มีทุกสิ่งที่ดี อย่างที่อยากให้เป็น แต่ความเชื่อว่า พระเจ้ายิ่งใหญ่ ทรงสร้างทุกสิ่งดีเลิศ และสร้างเราอย่างที่เป็นเรา มีสภาพแวดล้อมอย่างดีเลิศ “สำหรับเรา” เราก็เป็นสุขกับชีวิตเรา

•ผมเชื่อว่า พระเจ้าทรงยิ่งใหญ่ รักเราขนาดนั้น ขอบคุณพระเจ้าสำหรับ ครอบครัวที่มีฐานะปานกลาง มีพ่อแม่พี่น้องและญาติๆ ที่แสนดี มีครูอาจารย์ และเพื่อนๆ ที่แสนดี ได้สอนหนังสือก็ดี สะสมเงินซื้อมอเตอร์ไซค์ได้ก็ดี ได้ภรรยาที่แสนดี มีลูกๆ ที่แสนน่ารัก (ถือว่าดื้อน้อยมาก)

•บางคนอาจบอกว่า ก็ผมเป็นถึงซีอีโอบริษัทชั้นดี ย่อมมองว่าชีวิตนี้ดีมากได้ ผมยืนยันว่า ผมเป็นเช่นนี้แต่เด็ก อารมณ์ดี มองโลกในแง่ดีอย่างขอบคุณพระเจ้าในทุกสถานการณ์ จุดแรกที่ผมอยากเสนอท่าน ผู้อ่านคือ “มองโลกว่าเป็นสุข” ก็ทำให้ท่านมีชีวิตที่มีความสุข และมีคุณค่า ครับ

•ผมได้โอกาสขอบพระคุณคุณแม่ กับคุณพ่อ ที่ดูแลลูกๆ อย่างดี โดยเฉพาะคุณแม่ เพราะท่านเป็นหญิงเหล็ก นักสู้ ช่วยทำงานหนักกับคุณพ่อ เพื่อดูแลลูกๆ มาอย่างดี จนตอนผมปี 1 คุณพ่อผมเสียไป พี่ชายคนโต เพิ่งอยู่ปี 2 ก็อดทนดูแลลูกต่อมา เพื่อนๆ ชวนให้ลูกๆ ลาออกจากเรียน มาช่วยงาน จะได้สบายขึ้น แม่ก็ไม่ยอม ยินดีทำงานหนัก

•อีก 3 ปี ร้านค้าก็ไฟไหม้ แม่ไม่คิดสะสมวัตถุใดๆ สำหรับส่วนตัว ลูกทุกคนรู้สึกซาบซึ้งใจในความรัก และพระคุณของคุณพ่อคุณแม่อย่างมาก จึงได้สอบเทียบข้ามชั้นกัน พี่ ดร.สมจินต์ ผม และน้องเกรียงศักดิ์ เทียบ 1 ปี ได้คณะวิศวฯ จุฬาฯ น้องชูเสกก์ (ข้าม 3 ปี) และบัณฑิตย์ (ข้าม 2 ปี) ได้คณะแพทย์ฯ จุฬาฯ เป็นความรัก ความเสียสละของคุณแม่ อย่างแท้จริง

เวลาผมพบกับใครที่ท้อแท้ ผมมักยกตัวอย่างให้เห็นรุ่นผู้ใหญ่หลายๆ ท่าน ที่สู้ชีวิตมาอย่างอดทน คุณแม่เมื่อเล็กๆ เกือบต้องถูกขาย เพื่อเอาเงินมารักษาคุณตา แต่ด้วยความรักในครอบครัว ก็สามารถผ่านอุปสรรคมาได้ แม่ “ให้” ความรักทุกคนรอบข้างมาตลอดชีวิต ไม่ต้องสะสมวัตถุใดๆ ก็ประสบความสำเร็จอย่างดี และเชื่อว่า แม่มีความสุขแท้ และความภาคภูมิใจในชีวิตได้เสมอ (ต่อฉบับหน้าครับ)
กำลังโหลดความคิดเห็น