xs
xsm
sm
md
lg

สุขสันต์วันแรงงาน (2)

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

โดย มนตรี ศรไพศาล (montree4life@yahoo.com )

ผมได้มีโอกาสสื่อสารผ่านรายการวิทยุ “ซีอีโอวิชชั่น” FM 96.5 MHz วันอังคาร เวลา 11.30 น. โดยประมาณ ในเรื่อง “สุขสันต์วันแรงงาน” ผมได้รับคำถามว่า “ซีอีโอที่คุณมนตรีรู้จัก ทุกคนมีความสุขเลยหรือ” ผมก็ตอบไปว่า “ไม่หรอกครับ บางคนก็เป็นทุกข์”

แน่นอนครับ ผู้บริหารระดับสูงบางคน ก็รับภาระหนักจนกระวนกระวาย บางคน ก็ยังไม่พอใจในหลายๆ เรื่องชีวิต บางคน ก็ขาดการให้ความรัก จริงๆ แล้ว อาจจะขัดกับที่ผมเขียนไว้ว่า “ผู้บริหารหลายคน เขามีความสุขที่ได้ทำงานได้ผลมาก และดี และเราก็ควรจะเรียนรู้ที่จะมีความสุขเช่นเดียวกัน” ผมขอยืนยันว่า ไม่ขัดกัน ดังนี้ครับ

1. การทำงานมาก ไม่ได้แปลว่าเป็นความทุกข์ มิเช่นนั้น หลายคนก็จะคิดเป็นทุกข์ ที่ต้องทำงานมากมาย จริงๆ แล้ว คนที่มักประสบความสำเร็จ คือคนที่ “เรียนรู้” ที่จะสนุกกับงานที่ทำ ผมอยากยกตรรกะง่ายๆ ว่า “เราจะเห็นชีวิตทำงานเป็นสุข หรือเป็นทุกข์ เราก็ต้องทำงานของเราอยู่ดี ใช่หรือไม่” “ถ้าใช่ จะคิดให้เป็นทุกข์ไปทำไม ?” มามองว่าชีวิตสดใส งานเป็นความสนุก เราก็ใช้แรงงานอย่างมีความหมาย และมีความสุข

2. การมีเงินมาก ไม่ได้แปลว่าเป็นความสุข มิเช่นนั้น หลายกนก็จะคิดอยู่ดีว่า “ถ้าฉันได้เงินมากกว่านี้ ก็คงจะดี” “ถ้าฉันได้งานอย่างนั้น ก็คงจะดี” เราเห็นมามากแล้ว ว่า หลายคนอยากมีโอกาส มีเงินล้าน เมื่อได้แล้ว ก็รู้สึกว่า สิบล้านน่าจะดี หรือกลับกลัวที่จะสูญเสียไป

ผมเพิ่งได้รับคำสอนว่า “เงินดี ถ้าเรามีเงินอยู่ในมือ แต่ไม่ดี ถ้าเรามีเงินอยู่ในใจ” เพราะการมีเงินอยู่ในใจ จะทำให้ใจเป็นทุกข์ งานที่เรามี เงินที่เรามี ผมเชื่อว่า เรามีความสุขได้แล้ว ผมเคยสอนหนังสือด้วยรายได้ที่น้อย ก็ยังมีความสุขได้

ในภาพยนตร์เรื่อง Dangerous Minds ครูลูแอน มีความสุขที่ได้อดทน จนสามารถเปลี่ยนแปลงลูกศิษย์ร่วม 20-30 คน ให้เปลี่ยนแปลงจากเด็กที่สิ้นหวัง ให้กลายมาเป็นคนที่มีความหวัง และมีอนาคต เป็นการทำงานที่เป็นคุณค่า น่าภาคภูมิใจจริงๆ

ส่วนค่าจ้าง ก็เป็นรางวัลเพิ่มเติม ถ้าเรายึดการทำงานให้เป็นความหมายของชีวิต สนุกกับภารกิจที่เรามี งานก็จะประสบความสำเร็จ ชีวิตก็มีความสุข และรางวัลที่เป็นตัวเงิน ก็มักจะตามมา

3. ชื่นชมยินดีที่เราเป็นตัวเรา เราไม่ควรเปรียบเทียบ และรู้สึกว่า “ถ้าเป็นอย่างคนนั้นได้ ฉันจะมีความสุข” เพราะเราเป็นเรา ก็มีความสุขได้อยู่แล้ว ทั้งนี้ ไม่ได้แปลว่า พัฒนาตัวเราไม่ได้ เราควรดีใจที่เราเป็นเรา ในสภาวะแวดล้อมของเรา โดยพร้อมพัฒนาตนเอง และก็ดีใจในทุกขั้นที่เราพัฒนาขึ้นๆ ไป โดยไม่เปรียบเทียบกับใคร คนส่วนใหญ่ พอใจกับฐานะของตน การพัฒนาของตน แต่เมื่อเปรียบเทียบ ก็อดเกิดความรู้สึกกดดัน หรืออิจฉา ไม่ได้

ในภาพยนตร์เรื่อง Toy Story มีฉากที่ บัซ ไลท์เยียร์ รู้ตัวว่าตนไม่ใช่มนุษย์อวกาศ แต่เป็นของเล่นธรรมดา วู้ดดี้ ก็ให้สติว่า เมื่อไม่ใช่มนุษย์อวกาศที่ฝัน ก็ไม่เห็นน่าเป็นทุกข์ เป็นตุ๊กตา ก็ดีแล้ว มีแอนดี้ ซึ่งเป็นเจ้าของ ให้ความรัก และรอคอยที่จะเล่นด้วย ก็น่าคิดว่า แม้เราจะไม่มีฐานะที่เราฝัน เราก็ควรมีความสุขตามที่เราได้เป็น และทำหน้าที่ของเรา ให้เป็นคุณค่าที่สุด ตามที่เราได้ถูกสร้างมา ชีวิตก็มีความสุข และมีความหมาย

4. ชื่นชมยินดีที่มีคนอื่นๆ ที่แตกต่างกันไป ถ้าทุกคนเป็นบิลเกตต์ เป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ เป็นดาราดังๆ ชีวิตเหมือนกันหมด ก็คงขาดสมดุล ผมคิดมาตั้งแต่เด็กๆ ว่าขนาดเราเพิ่งจบ รายได้น้อย เราก็มีเศรษฐี หน้าตาดี หุ่นดี มาตีเทนนิสให้ดู

เศรษฐีพัฒนาเทคโนโลยีด้านคอมพิวเตอร์ หรือพลังงานให้เรา เศรษฐีมาสร้างภาพยนตร์ แสดงภาพยนตร์ หรือทำรายการบันเทิง เพื่อเอาใจเรา เพราะเราทุกคนถูกสร้างให้เป็นอวัยวะของกายเดียวกัน มือควรดีใจ ที่มีตาไว้ดู หัวใจไว้ควบคุมการเคลื่อนของเลือด ตาไว้ดูทาง ฯลฯ พึงที่จะมีความสุขในหน้าที่ของ และฐานะของ ตนเอง

สิ่งที่เราน่าถามตัวเอง คือ “เรามีบทบาทหน้าที่ของเรา ซึ่งเราต้องทำหน้าที่ของเราอยู่ดีหรือไม่ ?” ถ้าใช่ เราจะคิดเป็นทุกข์ต่อหน้าที่การใช้แรงงานของเราไปทำไม คิดเป็นสุขไม่ดีกว่าหรือครับ
กำลังโหลดความคิดเห็น