ไทยพลาสติกและเคมีภัณฑ์ (TPC) ฟันกำไรปี 47 เพิ่ม 141% จ่ายปันผล 2 บาท ตั้งเป้าปีนี้เพิ่มประสิทธิภาพผลิต รักษาความเป็นผู้นำตลาด
นายเทพ วงษ์วานิช กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยพลาสติกและเคมีภัณฑ์ (TPC) กล่าวว่า ปี 2547 บริษัทผลดำเนินงานน่าพอใจ ทำยอดขายรวมถึง 23,451 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 29%
ผลดำเนินงานที่ดีขึ้น เป็นผลจากราคาขายพีวีซีสูงขึ้นต่อเนื่องตลอดทั้งปี การเพิ่มขึ้นของราคาขายพีวีซี เกิดจากราคาน้ำมันตลาดโลกสูงขึ้น ปริมาณผลิตไม่เพียงพอความต้องการใช้ รวมทั้งยังมีผลจากความต้องการใช้พีวีซีตลาดโลก ซึ่งเพิ่มขึ้น 5% เนื่องจากขยายตัวต่อเนื่องจากเศรษฐกิจโลก
ขณะเดียวกัน การขยายกำลังผลิต และปริมาณขายเพิ่มขึ้น ผลิตภัณฑ์พีวีซี และผลิตภัณฑ์ต่อเนื่องของกลุ่ม เป็นอีกส่วน ทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้น ผลิตภัณฑ์ดังกล่าว ได้แก่ สินค้าท่อพีวีซี สินค้าสำเร็จรูปที่เป็นวัสดุก่อสร้างทำจากพีวีซี เช่น ประตู หน้าต่าง ซึ่งสูงขึ้นตามการขยายตัวก่อสร้างภาคอสังหาริมทรัพย์ในประเทศ ก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิ และโครงการสร้างระบบสาธารณูปโภคต่างๆ ภาครัฐ
ส่วนตลาดต่างประเทศที่บริษัทส่งออก ยังคงมีความต้องการพีวีซีต่อเนื่อง โดยเฉพาะจีน ผู้นำเข้ารายใหญ่ของโลก ทำให้บริษัทสามารถผลิต และขายได้เต็มกำลังผลิตตลอดปี 2547
ปี 2547 เป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน ซึ่งบริษัทกำไรเพิ่มต่อเนื่อง ยอดขายที่เพิ่มขึ้น บริหารต้นทุนวัตถุดิบ และควบคุมค่าใช้จ่ายได้ผล ทำให้กำไรสุทธิ 3,152 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 141% กำไรสุทธิปี 2546 เท่ากับ 1,306 ล้านบาท
กำไรที่สูง คณะกรรมการบริษัทจึงจัดสรรเงินกำไร และจ่ายเงินปันผลปี 2547 หุ้นละ 2 บาท ได้รับอนุมัติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นวันที่ 29 มีนาคม เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2547 บริษัทจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลไปแล้วหุ้นละ 30 สตางค์ ราคาที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท
เงินปันผลอีก 1.70 บาท จะจ่ายวันที่ 22 เมษายน Dividend Yield 10% เทียบราคาหุ้นในตลาดฯ 20 บาทต่อหุ้น Dividend Payout Ratio 56%
นายเทพกล่าวว่า นอกจากกำไรที่สูง ปี 2547 บริษัทยังมีผลงานสำคัญ เช่น ปรับปรุงกระบวนการผลิตให้ผลิตได้ต่อเนื่อง เต็มกำลังผลิต เป็นผลให้ผลผลิตโดยรวมบริษัทเพิ่มขึ้นจากปี 2546 ที่ 10% ยังลงทุนอุตสาหกรรมต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มขีดความสามารถทำกำไร สร้างความเติบโตให้ธุรกิจ รวมถึงพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ให้เหมาะกับการใช้งาน และทดแทนวัสดุธรรมชาติ
ลงทุนเครื่องมืออุปกรณ์ ผลิตและทดสอบที่ทันสมัย ด้านการเงิน บริษัทลดยอดเงินกู้ และภาระดอกเบี้ยจ่าย ยังลดความเสี่ยง และต้นทุนการเงิน จากการใช้เครื่องมือการเงินอื่นๆ
แผนงานปีนี้ นายเทพกล่าวว่า บริษัทเป้าหมายจะรักษาความเป็นผู้นำตลาดในประเทศ และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพิ่มประสิทธิภาพผลิตให้ผลิตได้ต่อเนื่อง เต็มกำลังผลิต รวมทั้งหาวัตถุดิบให้สม่ำเสมอ และต่อเนื่อง
นายเทพ วงษ์วานิช กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยพลาสติกและเคมีภัณฑ์ (TPC) กล่าวว่า ปี 2547 บริษัทผลดำเนินงานน่าพอใจ ทำยอดขายรวมถึง 23,451 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 29%
ผลดำเนินงานที่ดีขึ้น เป็นผลจากราคาขายพีวีซีสูงขึ้นต่อเนื่องตลอดทั้งปี การเพิ่มขึ้นของราคาขายพีวีซี เกิดจากราคาน้ำมันตลาดโลกสูงขึ้น ปริมาณผลิตไม่เพียงพอความต้องการใช้ รวมทั้งยังมีผลจากความต้องการใช้พีวีซีตลาดโลก ซึ่งเพิ่มขึ้น 5% เนื่องจากขยายตัวต่อเนื่องจากเศรษฐกิจโลก
ขณะเดียวกัน การขยายกำลังผลิต และปริมาณขายเพิ่มขึ้น ผลิตภัณฑ์พีวีซี และผลิตภัณฑ์ต่อเนื่องของกลุ่ม เป็นอีกส่วน ทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้น ผลิตภัณฑ์ดังกล่าว ได้แก่ สินค้าท่อพีวีซี สินค้าสำเร็จรูปที่เป็นวัสดุก่อสร้างทำจากพีวีซี เช่น ประตู หน้าต่าง ซึ่งสูงขึ้นตามการขยายตัวก่อสร้างภาคอสังหาริมทรัพย์ในประเทศ ก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิ และโครงการสร้างระบบสาธารณูปโภคต่างๆ ภาครัฐ
ส่วนตลาดต่างประเทศที่บริษัทส่งออก ยังคงมีความต้องการพีวีซีต่อเนื่อง โดยเฉพาะจีน ผู้นำเข้ารายใหญ่ของโลก ทำให้บริษัทสามารถผลิต และขายได้เต็มกำลังผลิตตลอดปี 2547
ปี 2547 เป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน ซึ่งบริษัทกำไรเพิ่มต่อเนื่อง ยอดขายที่เพิ่มขึ้น บริหารต้นทุนวัตถุดิบ และควบคุมค่าใช้จ่ายได้ผล ทำให้กำไรสุทธิ 3,152 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 141% กำไรสุทธิปี 2546 เท่ากับ 1,306 ล้านบาท
กำไรที่สูง คณะกรรมการบริษัทจึงจัดสรรเงินกำไร และจ่ายเงินปันผลปี 2547 หุ้นละ 2 บาท ได้รับอนุมัติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นวันที่ 29 มีนาคม เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2547 บริษัทจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลไปแล้วหุ้นละ 30 สตางค์ ราคาที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท
เงินปันผลอีก 1.70 บาท จะจ่ายวันที่ 22 เมษายน Dividend Yield 10% เทียบราคาหุ้นในตลาดฯ 20 บาทต่อหุ้น Dividend Payout Ratio 56%
นายเทพกล่าวว่า นอกจากกำไรที่สูง ปี 2547 บริษัทยังมีผลงานสำคัญ เช่น ปรับปรุงกระบวนการผลิตให้ผลิตได้ต่อเนื่อง เต็มกำลังผลิต เป็นผลให้ผลผลิตโดยรวมบริษัทเพิ่มขึ้นจากปี 2546 ที่ 10% ยังลงทุนอุตสาหกรรมต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มขีดความสามารถทำกำไร สร้างความเติบโตให้ธุรกิจ รวมถึงพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ให้เหมาะกับการใช้งาน และทดแทนวัสดุธรรมชาติ
ลงทุนเครื่องมืออุปกรณ์ ผลิตและทดสอบที่ทันสมัย ด้านการเงิน บริษัทลดยอดเงินกู้ และภาระดอกเบี้ยจ่าย ยังลดความเสี่ยง และต้นทุนการเงิน จากการใช้เครื่องมือการเงินอื่นๆ
แผนงานปีนี้ นายเทพกล่าวว่า บริษัทเป้าหมายจะรักษาความเป็นผู้นำตลาดในประเทศ และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพิ่มประสิทธิภาพผลิตให้ผลิตได้ต่อเนื่อง เต็มกำลังผลิต รวมทั้งหาวัตถุดิบให้สม่ำเสมอ และต่อเนื่อง