บลจ. ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) ได้รับอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. เมื่อวันที่ 22 มีนาคม ตั้งกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไทคอน ชื่อ “กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไทคอน (TFUND)” กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ประเภท 1 เบื้องต้น จะลงทุนโรงงานปลอดภาระผูกพันของไทคอน 39 โรง
ระยะเวลาเปิดให้จองซื้อหน่วยลงทุน วันที่ 29 มีนาคม-7 เมษายน กองทุนมีขนาด 1,750 ล้านบาท แบ่งเป็น 175 ล้านหน่วย ราคาตามมูลค่าหน่วยละ 10 บาท จะจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เร็วที่สุด
นายมาริษ ท่าราบ กรรมการผู้จัดการ บลจ. ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) ในเครือกลุ่มไอเอ็นจีจากเนเธอร์แลนด์ ในฐานะผู้จัดการกองทุน กล่าวว่าไอเอ็นจีเชื่อว่า กองทุนฯ นี้น่าสนใจ กองทุนฯ จะได้รับประโยชน์จากการเติบโตมูลค่าสินทรัพย์ในกองทุนฯ
นักลงทุนจะได้รับผลตอบแทนสูง ประมาณ 7.5% ของมูลค่าสินทรัพย์สุทธิเริ่มต้น ซึ่งตามกฎสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. กำหนดให้กองทุนฯ จ่ายเงินปันผลไม่น้อยกว่า 90% ของกำไรสุทธิ แต่ไอเอ็นจีตั้งใจจะจ่ายเงินปันผลมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ จะจ่ายอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง
กองทุนฯ จะซื้อโรงงานที่มีผู้เช่าแล้ว 39 โรงจากบริษัท ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น ซึ่งเป็นโรงงานมาตรฐานชั้นเดียว ปลอดภาระผูกพัน ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรม 4 แห่ง และสวนอุตสาหกรรม 1 แห่ง ราคาประเมินโรงงานดังกล่าว 1,881.2 ล้านบาท แต่จะขายให้แก่กองทุนฯ ราคา 1,730 ล้านบาท
ทางด้านนายวีรพันธ์ พูลเกษ กรรมการบริษัท ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น กล่าวว่ากองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ที่เสนอขายประชาชนทั่วไป ลักษณะคล้ายหน่วยลงทุนอสังหาริมทรัพย์ (REIT–Real Estate Investment Trust) ในสหรัฐ เป็นเรื่องใหม่สำหรับนักลงทุนไทย
เขากล่าวต่อว่า เป็นโอกาสดีที่ไทคอนจะได้ใช้กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เป็นเครื่องมือระดมทุน กองทุนฯ จะซื้อโรงงาน 39 โรงจากไทคอน ไทคอนจะบริหารอสังหาริมทรัพย์ ขณะเดียวกัน ไทคอนจะลงทุนกองทุนสัดส่วนสูงสุด 33% ของหน่วยลงทุนที่เสนอขาย ตามที่สำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. อนุญาตให้ไทคอนซื้อได้ ก่อนเสนอขายประชาชนทั่วไป สิ่งนี้ สะท้อนความมั่นใจของไทคอนในศักยภาพกองทุนฯ
ผู้ลงทุนที่เป็นบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์ (ตลท.) จะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ในส่วนเงินปันผลที่ได้รับจากกองทุนฯ ผู้ลงทุนสถาบันที่ไม่ได้จดทะเบียนใน ตลท.จะได้รับยกเว้นนำรายได้จากเงินปันผลเพียงครึ่งเดียว คำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้
ทั้ง 2 กรณี ต้องถือหน่วยลงทุนช่วงก่อนจ่ายเงินปันผล 3 เดือน และหลังจ่ายเงินปันผล 3 เดือน ส่วนนักลงทุนบุคคลธรรมดาสัญชาติไทย จะถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย 10%
รับหนังสือชี้ชวน และใบจองซื้อหุ้น ได้ที่บล.บัวหลวง ชั้น 29 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ เลขที่ 191 ถนนสีลม บางรัก กรุงเทพ ฯ 10500 โทร 02-231-3777 โทรสาร 02-630-0741 หรือเวบไซต์ www.bualuang.co.th
ระยะเวลาเปิดให้จองซื้อหน่วยลงทุน วันที่ 29 มีนาคม-7 เมษายน กองทุนมีขนาด 1,750 ล้านบาท แบ่งเป็น 175 ล้านหน่วย ราคาตามมูลค่าหน่วยละ 10 บาท จะจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เร็วที่สุด
นายมาริษ ท่าราบ กรรมการผู้จัดการ บลจ. ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) ในเครือกลุ่มไอเอ็นจีจากเนเธอร์แลนด์ ในฐานะผู้จัดการกองทุน กล่าวว่าไอเอ็นจีเชื่อว่า กองทุนฯ นี้น่าสนใจ กองทุนฯ จะได้รับประโยชน์จากการเติบโตมูลค่าสินทรัพย์ในกองทุนฯ
นักลงทุนจะได้รับผลตอบแทนสูง ประมาณ 7.5% ของมูลค่าสินทรัพย์สุทธิเริ่มต้น ซึ่งตามกฎสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. กำหนดให้กองทุนฯ จ่ายเงินปันผลไม่น้อยกว่า 90% ของกำไรสุทธิ แต่ไอเอ็นจีตั้งใจจะจ่ายเงินปันผลมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ จะจ่ายอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง
กองทุนฯ จะซื้อโรงงานที่มีผู้เช่าแล้ว 39 โรงจากบริษัท ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น ซึ่งเป็นโรงงานมาตรฐานชั้นเดียว ปลอดภาระผูกพัน ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรม 4 แห่ง และสวนอุตสาหกรรม 1 แห่ง ราคาประเมินโรงงานดังกล่าว 1,881.2 ล้านบาท แต่จะขายให้แก่กองทุนฯ ราคา 1,730 ล้านบาท
ทางด้านนายวีรพันธ์ พูลเกษ กรรมการบริษัท ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น กล่าวว่ากองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ที่เสนอขายประชาชนทั่วไป ลักษณะคล้ายหน่วยลงทุนอสังหาริมทรัพย์ (REIT–Real Estate Investment Trust) ในสหรัฐ เป็นเรื่องใหม่สำหรับนักลงทุนไทย
เขากล่าวต่อว่า เป็นโอกาสดีที่ไทคอนจะได้ใช้กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เป็นเครื่องมือระดมทุน กองทุนฯ จะซื้อโรงงาน 39 โรงจากไทคอน ไทคอนจะบริหารอสังหาริมทรัพย์ ขณะเดียวกัน ไทคอนจะลงทุนกองทุนสัดส่วนสูงสุด 33% ของหน่วยลงทุนที่เสนอขาย ตามที่สำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. อนุญาตให้ไทคอนซื้อได้ ก่อนเสนอขายประชาชนทั่วไป สิ่งนี้ สะท้อนความมั่นใจของไทคอนในศักยภาพกองทุนฯ
ผู้ลงทุนที่เป็นบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์ (ตลท.) จะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ในส่วนเงินปันผลที่ได้รับจากกองทุนฯ ผู้ลงทุนสถาบันที่ไม่ได้จดทะเบียนใน ตลท.จะได้รับยกเว้นนำรายได้จากเงินปันผลเพียงครึ่งเดียว คำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้
ทั้ง 2 กรณี ต้องถือหน่วยลงทุนช่วงก่อนจ่ายเงินปันผล 3 เดือน และหลังจ่ายเงินปันผล 3 เดือน ส่วนนักลงทุนบุคคลธรรมดาสัญชาติไทย จะถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย 10%
รับหนังสือชี้ชวน และใบจองซื้อหุ้น ได้ที่บล.บัวหลวง ชั้น 29 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ เลขที่ 191 ถนนสีลม บางรัก กรุงเทพ ฯ 10500 โทร 02-231-3777 โทรสาร 02-630-0741 หรือเวบไซต์ www.bualuang.co.th