บิ๊กซีพี “เจ้าสัวธนินทร์ เจียรวนนท์” ชี้ไทยยังมีโอกาสส่งผลไม้ไปขายให้คนจีนกว่า 1.3 พันล้านคน คาดอีก 10 ปีข้างหน้า คนรวยในจีนเพิ่มขึ้น 10% หากคนรวยเพิ่มขึ้น 20% จะทำให้รายได้คนจีนเท่ากับรายได้สหรัฐทั้งประเทศ เผยขณะนี้ จีนเข้าสู่ระยะที่ 3 ของการค้าระหว่างประเทศ ที่เต็มไปด้วยโอกาสที่จะเข้าไปลงทุน โดยเฉพาะค้าปลีก
นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) กล่าวในงานสัมมนา “บนเส้นทางความสัมพันธ์ไทย-จีน” ของธนาคารกสิกรไทย หัวข้อ “ประสบการณ์เชิงพาณิชย์ระหว่างไทยกับจีน” วันนี้ (28 มี.ค.) ว่าจีนมีประชากรประมาณ 1,300 ล้านคน ถือเป็นประเทศใหญ่มาก
การบริโภคของจีน จะขยายตัวอย่างมาก อีก 10 ปีข้างหน้า คนจีนจะมีรายได้เพิ่ม ทำให้คนรวยในจีนเพิ่มขึ้น 10% ของประชากรทั้งประเทศ รายได้ของจีนจะเท่ากับรายได้ญี่ปุ่นทั้งประเทศ หากคนรวยเพิ่มขึ้น 20% จะทำให้รายได้ของจีนเท่ากับรายได้สหรัฐทั้งประเทศ
ดังนั้น เศรษฐกิจจีนมีโอกาสที่คนไทยจะเข้าไปทำธุรกิจการค้า เพราะจีนเป็นตลาดใหญ่ ซึ่งยังมีประชากรอีก 1,100 ล้านคน เป็นตลาดที่รอคนไทยเข้าไปทำธุรกิจ ประสบการณ์ทำการค้าระหว่างประเทศในจีนได้ผ่านมา 3 ระยะ คือ
ระยะแรก เป็นยุคทำการค้าผูกขาดกับรัฐบาลจีน ซึ่งทำการค้าประเภทไหน ก็มีกำไร เพราะไม่มีคู่แข่ง
ระยะที่ 2 ยุคที่รัฐบาลจีนเริ่มเปลี่ยนแปลง บริษัทในเครือซีพี เกือบจะได้โรงงานปฎิชีวนะฟรี ซึ่งเป็นโรงงานใหญ่ที่สุดในโลก แต่บริษัทได้สร้างโรงงานผลิตสินค้า
วันนี้ เข้าสู่ระยะที่ 3 ที่เต็มไปด้วยโอกาสที่จะเข้าไปลงทุน ซึ่งขณะนี้ จีนปล่อยให้ค้าปลีกจากต่างประเทศลงทุนได้ 100% ซึ่งขณะนี้ ธุรกิจค้าปลีกรายใหญ่ของโลกหลายแห่ง เช่น โลตัส คาร์ฟูร์ เข้าไปลงทุนในจีนแล้ว
โอกาสที่ไทยจะเข้าไปขายสินค้าทำธุรกิจระหว่างประเทศกับจีน นายธนินทร์กล่าวว่า คือผลไม้ไทย เพราะไทยมีผลไม้ให้รับประทานทุกฤดู ทุกวันนี้ การส่งผลไม้ไปขาย ไม่เสียภาษี ถือว่าไทยได้เปรียบ อาทิ มะม่วง มังคุด ทะเรียน ยาง ปาล์ม สับปะรด โดยเฉพาะมังคุด ทุเรียน ส้มโอ ที่ไทยจะสามารถนำออกไปขายได้ทั่วโลก
นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) กล่าวในงานสัมมนา “บนเส้นทางความสัมพันธ์ไทย-จีน” ของธนาคารกสิกรไทย หัวข้อ “ประสบการณ์เชิงพาณิชย์ระหว่างไทยกับจีน” วันนี้ (28 มี.ค.) ว่าจีนมีประชากรประมาณ 1,300 ล้านคน ถือเป็นประเทศใหญ่มาก
การบริโภคของจีน จะขยายตัวอย่างมาก อีก 10 ปีข้างหน้า คนจีนจะมีรายได้เพิ่ม ทำให้คนรวยในจีนเพิ่มขึ้น 10% ของประชากรทั้งประเทศ รายได้ของจีนจะเท่ากับรายได้ญี่ปุ่นทั้งประเทศ หากคนรวยเพิ่มขึ้น 20% จะทำให้รายได้ของจีนเท่ากับรายได้สหรัฐทั้งประเทศ
ดังนั้น เศรษฐกิจจีนมีโอกาสที่คนไทยจะเข้าไปทำธุรกิจการค้า เพราะจีนเป็นตลาดใหญ่ ซึ่งยังมีประชากรอีก 1,100 ล้านคน เป็นตลาดที่รอคนไทยเข้าไปทำธุรกิจ ประสบการณ์ทำการค้าระหว่างประเทศในจีนได้ผ่านมา 3 ระยะ คือ
ระยะแรก เป็นยุคทำการค้าผูกขาดกับรัฐบาลจีน ซึ่งทำการค้าประเภทไหน ก็มีกำไร เพราะไม่มีคู่แข่ง
ระยะที่ 2 ยุคที่รัฐบาลจีนเริ่มเปลี่ยนแปลง บริษัทในเครือซีพี เกือบจะได้โรงงานปฎิชีวนะฟรี ซึ่งเป็นโรงงานใหญ่ที่สุดในโลก แต่บริษัทได้สร้างโรงงานผลิตสินค้า
วันนี้ เข้าสู่ระยะที่ 3 ที่เต็มไปด้วยโอกาสที่จะเข้าไปลงทุน ซึ่งขณะนี้ จีนปล่อยให้ค้าปลีกจากต่างประเทศลงทุนได้ 100% ซึ่งขณะนี้ ธุรกิจค้าปลีกรายใหญ่ของโลกหลายแห่ง เช่น โลตัส คาร์ฟูร์ เข้าไปลงทุนในจีนแล้ว
โอกาสที่ไทยจะเข้าไปขายสินค้าทำธุรกิจระหว่างประเทศกับจีน นายธนินทร์กล่าวว่า คือผลไม้ไทย เพราะไทยมีผลไม้ให้รับประทานทุกฤดู ทุกวันนี้ การส่งผลไม้ไปขาย ไม่เสียภาษี ถือว่าไทยได้เปรียบ อาทิ มะม่วง มังคุด ทะเรียน ยาง ปาล์ม สับปะรด โดยเฉพาะมังคุด ทุเรียน ส้มโอ ที่ไทยจะสามารถนำออกไปขายได้ทั่วโลก